อุดรธานี – นายกรัฐมนตรี ระบุ ตั้งใจทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ร่ายยาว พักโทษนายทักษิณ เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่มีนิติรัฐแบบอภิสิทธิ์ชนหรือสองมาตรฐาน ชี้ เห็นต่าง-ขัดแย้งได้ แต่ต้องอยู่บนความสงบ ใช้เวทีปลอดภัยหาทางออกร่วมกัน
วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ร่ายยาวถึงการพักโทษ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สะท้อนให้เห็นถึงหลักนิติรัฐแบบอภิสิทธิ์ชน หรือแบบสองมาตรฐานหรือไม่ ว่า ตอนที่นายทักษิณ ถูกคำพิพากษา ก็มีการเรียกร้องจากทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่หากย้อนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว จนถึงวันนี้ ก็มีการเรียกร้องให้กลับเข้าสู่กระบวนการ และเมื่อเดือนสิงหาคม 2566 นายทักษิณ ก็กลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
มีการตรวจสอบจาก กรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลตำรวจ รวมถึงคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร กระทรวงยุติธรรมก็มีมาตรฐานในการตรวจสอบอยู่แล้ว ดังนั้น เราก็เชื่อในระบบ
เมื่อเข้าสู่กระบวนการรับโทษ และได้รับการพักโทษตามเงื่อนไข ซึ่งเป็นไปตามที่กฎหมายเขียนไว้ เราจะต้องมาพูดกันเรื่องนี้ทุกวันหรือไม่ ไม่ทราบ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย
ข่าวน่าสนใจ:
ต้องบริหารความขัดแย้ง ใช้เวทีที่ปลอดภัยหาทางออกร่วมกัน ก้าวข้ามและเดินหน้า
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ถึงแม้รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะชี้แจง แต่ยังเชื่อว่าเป็นสองมาตรฐานอยู่ดี นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เป็นความเห็นต่าง เมื่อเราอยู่ในสังคมที่เห็นต่างกัน ก็ต้องอยู่ร่วมกันด้วยกฎหมาย เมื่อเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายแล้ว ควรเดินหน้าจะดีกว่า บ้านเมืองต้องการการเดินหน้าอะไรอีกหลายอย่างจากรัฐบาลและทุกภาคส่วน เรื่องความขัดแย้งก็ต้องบริหารจัดการกันไป แต่ต้องตั้งอยู่บนความสงบ มีพื้นที่ มีสภาฯ มี ส.ส. และมีนักวิชาการ ควรใช้เวทีที่ปลอดภัยในการหาทางออกร่วมกัน
นายกรัฐมนตรี ยืนยันอีกว่า รัฐบาลนี้ทุ่มเทเต็มที่ ขอให้อยู่ร่วมกันด้วยกฎหมาย ขอให้ก้าวข้ามและเดินหน้าไปจะดีกว่า
ไม่บั่นทอน ไม่ด้อยค่า พร้อมพิสูจน์ตัวเอง พรุ่งนี้ 7 โมงเช้า ก็ตื่นไปทำงาน
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวกรณี ส.ว.ระบุว่า การพักโทษนายทักษิณ จะทำให้ นายกฯเศรษฐา เป็นดาวไร้แสง นายเศรษฐา กล่าวว่า “จะคิดอะไรก็คิดกันไป เพราะพรุ่งนี้ 7 โมงเช้าผมก็ตื่นไปทำงาน ประชุม ครม. อาทิตย์หน้าก็ลงพื้นที่ภาคใต้ อาทิตย์ถัดไปก็ไปต่างประเทศเพื่อเจรจา FTA และหานักลงทุนใหม่เข้าประเทศ จะพูดอย่างไร ก็ไม่สามารถทำให้ผมสะทกสะท้านได้ เพราะผมก็จะทำงานต่อไป โดยยึดมั่นในผลประโยชน์และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทุกคน จะว่าอย่างไรก็ว่าไปไม่เป็นไร”
นายกกล่าวด้วยว่า จะพยายามพิสูจน์ตัวเองไปเรื่อย ๆ ไม่ได้เป็นการบั่นทอนอะไรทั้งสิ้น แต่ถ้าใครติมาแล้วสามารถทำให้ดีขึ้นได้ก็จะพยายามทำ แต่ไม่รู้สึกด้อยค่าเพราะคำพูดอะไรที่จับต้องไม่ได้ จะไม่เสียอารมณ์กับตรงนั้น ถ้ามาดูแววตาพี่น้องประชาชนที่ จ.สกลนคร อุดรธานี นครพนม หนองบัวลำภู มันเป็นแรงกระตุ้น เป็นความหวัง และแรงบันดาลใจ ให้ตนเองตื่นขึ้นมาทำงานในวันพรุ่งนี้เช้า
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: