กรุงเทพฯ – ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีมติเอกฉันท์ 9:0 ยกฟ้องและเพิกถอนหมายจับ นางสาวยิ่งลักษณ์ พร้อมพวก รวม 6 คน คดีจัดจ้างโครงการ Roadshow สร้างอนาคตประเทศไทย เอื้อประโยชน์มติชน-สยามสปอร์ต
วันที่ 4 มีนาคม 2567 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีมติเป็นเอกฉันท์ 9:0 พิพากษายกฟ้องคดีที่ อม.2/2565 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับพวก รวม 6 คน คือ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกรัฐมนตรี, นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี, บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) หรือ, บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) หรือ SPORT, นายระวิ โหลทอง กรรมการ SPORT เป็นจำเลยที่ 1-6
ความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต โดยมุ่งหมายไม่ให้มีการแข่งขันราคาจัดจ้างโครงการ ‘Roadshow สร้างอนาคตประเทศไทย Thailand 2020’ อย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ MATI และ SPORT จัดทำโครงการที่ไม่ใช่กรณีเร่งด่วน ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ใช้ดุลยพินิจบิดผัน สั่งอนุมัติงบกลาง มีเจตนาร่วมกันในการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ อันเป็นการใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบ และยังมีการร่วมกันดำเนินการ เพื่อให้คณะรัฐมนตรีมีมติยกเว้นการลงนามในสัญญาก่อนได้รับเงินประจำงวด ทั้งที่ไม่ได้เข้าเงื่อนไข เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จำนวนเงิน 239 ล้าน 700,000 บาท
ศาลชี้ว่า จำเลยที่ 1-3 ไม่มีมีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 และ 157 และไม่มีความผิดตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วย ป.ป.ช.ปี 2561 มาตรา 192 และมาตรา 123 /1 รวมถึงไม่มีความผิดเกี่ยวกับกฎหมาย ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ ปี 2542 มาตรา 12 และ 13 ส่วนจำเลยที่ 4-6 ไม่มีความผิดตามคำฟ้องเช่นกัน
จากการไต่สวนพยานและหลักฐาน ศาลชี้ว่า การที่จำเลย 1-3 ดำเนินการนำงบกลางจำนวน 40 ล้านบาท มาจัดดำเนินโครงการโรดโชว์ เป็นการดำเนินนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา ซึ่งศาลมีอำนาจวินิจฉัยถึงการใช้งบประมาณเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐและตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง
โครงการดังกล่าว เกิดขึ้นจากการพิจารณาร่วมกันของหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ใช่เป็นการตัดสินใจของ นางสาวยิ่งลักษณ์และไม่ได้กำหนดเวลากระชั้นชิด เพียงเพื่อเป็นเหตุอ้างในการใช้งบกลาง ประกอบกับ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณมีความเห็นว่า สมควรที่นายกรัฐมนตรีจะอนุมัติงบกลางนี้ได้ จึงเป็นดุลยพินิจที่กระทำไปบนพื้นฐานของข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ในขณะนั้น อีกทั้งการจัดโครงการโรดโชว์เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่กระชั้นชิด
สำหรับนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล และนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ ไม่ปรากฏว่า มีส่วนร่วมหรือแนะนำโดยมิชอบในกระบวนการเสนออนุมัติงงบกลาง ในการดำเนินการ และไม่ปรากฏพฤติการณ์ในการร่วมกันแทรกแซง หรือมีคำสั่งให้เลือกบริษัทมติชนและบริษัทสยามสปอร์ต เป็นผู้รับจ้างโครงการไว้ล่วงหน้าก่อนเริ่มการจัดจ้าง หรือไม่ปรากฏว่ามีการกำหนดคุณลักษณะเฉพาะอย่างใด เพื่อเป็นการเอื้อประโยชน์ หรือเลือกเฉพาะเจาะจง หรือกีดกันผู้เสนอราคารายอื่น
อีกทั้งหลังเกิดเหตุรัฐประหาร เลขาธิการนายกรัฐมนตรี สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบโครงการดังกล่าว คณะกรรมการเห็นว่าเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ จึงอนุมัติเบิกจ่าย สอดคล้องกับการสอบสวนข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดพบว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่กระทำละเมิดต่อหน่วยงานรัฐ ดังนั้น จึงฟังได้ว่า นายสุรนันทน์ไม่ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
สำหรับจำเลย 4-6 จากข้อเท็จจริงทางไต่สวนรับฟังไม่ได้ว่า เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด เป็นไปตามกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง และเพื่อจัดทำงานนำเสนอ จึงไม่ถือว่าเป็นการตกลงร่วมกันฮั้วประมูลจึงไม่ผิดตามคำฟ้อง
คดีนี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อการพัฒนาโครงการสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ หรือ ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ เป็นผลให้โครงการที่จะเกิดขึ้นตาม ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว มิอาจเกิดขึ้นได้
เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2565 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดพิจารณาคดีครั้งแรก แต่นางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่ได้เดินทางมาตามนัด และไม่แจ้งเหตุผลให้ทราบ ศาลจึงออกหมายจับ และมีคําสั่งให้ป.ป.ช.ติดตามตัวมารับฟังคดี
วันนี้ จําเลยทั้ง 5 เดินทางมาตามนัดฟังคำพิพากษาของศาล ยกเว้นจําเลยที่ 1 คือ นางสาวยิ่งลักษณ์ เพียงคนเดียว ที่ส่งทนายความ คือ นายนพดล หลาวทอง เดินทางมาฟังคำพิพากษาแทน
ขอบคุณภาพจากเพจ : Shinawatra Post
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: