X

‘ภูมิใจไทย’ ปรับทัพใหญ่ ดึงคนรุ่นใหม่ ‘ลูกเนวิน’ ขึ้นแท่นเลขาพรรค-ตั้งโฆษกคู่

กรุงเทพฯ – พรรคภูมิใจไทย เปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ชู ทายาทคนบ้านใหญ่ยกแผง ตั้งนายไชยชนก ชิดชอบ เป็นเลขาธิการพรรค ส่วนหัวหน้าพรรคยังเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล มาแนวใหม่ ตั้งโฆษกแพ็กคู่ชาย-หญิง

วันที่ 24 มีนาคม 2567 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นำคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ แถลงผลการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 และเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ซึ่งเป็นการปรับทัพครั้งสำคัญ และแนวทางการดำเนินงานของพรรค ให้ตอบสนองต่อความต้องการ และแก้ปัญหาของประชาชน จึงถึงเวลาเปลี่ยนแปลงคณะผู้บริหาร และแนวทางการดำเนินงานพรรค ผ่านกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่มีประสบการณ์ เป็นการเปลี่ยนภาพลักษณ์พรรคภูมิใจไทย แต่นโยบาย จิตวิญญาณ และค่านิยม ในการทำงานรับใช้ประชาชน ยังไม่เปลี่ยนแปลง และจะเพิ่มเข้มข้นมากขึ้น โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัล มาใช้ติดตามการทำงานแก้ปัญหาประชาชนให้เร็วที่สุด และทำงานเชิงรุกมากกว่าเชิงรับ

โดยคณะกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยชุดใหม่ ที่ได้รับการลงมติคัดเลือก รวม 16 คน ในโอกาสที่พรรคเข้าสู่ปีที่ 16 ประกอบด้วย

หัวหน้าพรรค นายอนุทิน ชาญวีรกูล
รองหัวหน้าพรรค 3 คน คือ นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล ส.ส.พระนครศรีอยุธยา, นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง และนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เลขาธิการพรรค นายไชยชนก ชิดชอบ ส.ส.บุรีรัมย์
รองเลขาธิการ 3 คน คือ นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี. นายภัทรพงศ์ ภัทรประสิทธิ์ ส.ส.พิจิตร และ น.ส.พิมพฤดา ตันจรารักษ์ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา
เหรัญญิกพรรค น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี
นายทะเบียนพรรค น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล
กรรมการบริหาร 6 คน ประกอบด้วย นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง. นายวรศิษฎ์ เลียงประสิทธิ์ ส.ส.สตูล. นายชลัฐ รัชกิจประการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ. นายธนยศ ทิมสุวรรณ ส.ส.เลย, นายจักรกฤษณ์ ทองศรี ส.ส.บุรีรัมย์ และนายกิตติ กิตติธรกุล ส.ส.กระบี่

นอกจากนี้ นายอนุทิน ยังใช้อำนาจหัวหน้าพรรค แต่งตั้งทีมโฆษกพรรค จำนวน 3 คน โดยเป็นโฆษกพรรค 2 คน ได้แก่ น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย ส.ส.อุบลราชธานี และนายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา ส่วนรองโฆษกพรรค คือ น.ส.ผกามาศ เจริญพันธ์ ส.ส.สุรินทร์

นายอนุทิน ชี้แจงเหตุผลการเลือก นายไชยชนก ชิดชอบ ลูกชายนายเนวิน ชิดชอบ มาเป็นเลขาธิการพรรคว่า เนื่องจากเป็นคนเข้าใจปัญหาของประชาชน และมีข้อได้เปรียบ คือ มีผู้หลักผู้ใหญ่ที่จะคอยดูแลสนับสนุนให้ข้อเสนอแนะ เช่นเดียวกับ รองเลขาธิการทั้ง 3 คน

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ในปีที่ 16 ของพรรคภูมิใจไทย ได้รับความไว้วางจากประชาชนต่อเนื่อง พรรคมีบทบาททางการเมือง ทั้งฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ ในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา และการเลือกตั้งทุกครั้ง พรรคจะมี ส.ส.เข้ามาทำหน้าที่เพิ่มขึ้น และค่อย ๆ เติบโต ด้วยผลงาน ไม่ใช่โตตามกระแส จนปัจจุบันพรรค มี สส.ทั้งสิ้น 71 คน จากทั่วทุกภาคของประเทศ และจะพยายามอย่างเต็มที่ ให้ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมากที่สุด และได้เกิดประโยชน์สูงสุดจากการทำงานของพรรค

พรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคการเมืองที่ธำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตริย์ทรงเป็นประมุข เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งถือเป็นนโยบายและภารกิจของหลักของสมาชิกพรรคทุกคน และเป็นพรรคที่ยึดมั่นในคำพูด เป็นพรรคการเมืองของประชาชน ที่พร้อมปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของประชาชน และยุคสมัยด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ พร้อมขอให้ประชาชน เชื่อมั่นในพลังคนรุ่นใหม่ของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งผ่านบทบาททางการเมืองมาแล้ว ไม่ใช่เด็กฝึกงาน และมีแบ็กดี เพราะเป็นคนบ้านใหญ่ จึงสามารถทำงานได้ทันที

‘ไชยชนก’ ยอมรับเป็น ‘หลานปู่ หลานอา ลูกพ่อ แต่สั่งสมประสบการณ์ จนพร้อม 
นายไชยชนก ชิดชอบ ไม่ปฏิเสธกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ในการเป็นคนบ้านใหญ่ตระกูลชิดชอบ คนที่ 2 ที่ได้นั่งตำแหน่งเลขาธิการพรรคภูมิใจ โดยระบุว่า ปฏิเสธไม่ได้เรื่องการล็อกเก้าอี้ แต่จะมองว่าการที่ตนเองเป็นลูกของพ่อ หลานปู่ หลานอา จึงมีโอกาส มีความคาดหวังโดยสมาชิกพรรคและประชาชน แต่ถือว่ามีประสบการณ์ที่ได้รับระหว่างที่เติบโต เป็นประสบการณ์ที่ส่งเสริมให้เรียนรู้ เข้าใจได้เร็วพอสมควร ในการเตรียมตัวเองให้เหมาะสมกับตำแหน่งนี้ให้มากขึ้นเรื่อย ๆ อยู่ที่ต้องพิสูจน์ตัวเอง และเป็นหน้าที่ของประชาชนและสมาชิกพรรค ที่จะต้องตัดสินผลงาน

เมื่อถามว่า จะมีอำนาจตัดสินใจในพรรคหรือไม่ นายไชยชนกหัวเราะ และนายอนุทิน ยืนยันแทนว่า มีสิทธิตัดสินใจ รวมถึงทุกคนที่นั่งอยู่ เป็นกรรมการบริหารชุดใหม่ ต้องร่วมกันตัดสินใจในการทำงานพรรคภูมิใจไทย

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of ลักขณา สุริยงค์

ลักขณา สุริยงค์

ทำหน้าที่สื่อมวลชนมาเกือบ 30 ปี ทั้งงานสายข่าวและจัดรายการทีวี-วิทยุมานับไม่ถ้วน "ไม่เป็นกลาง แต่เป็นธรรม พร้อมนำเสนอความจริง"