กรุเงเทพฯ – นายกรัฐมนตรี ต้อนรับนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ในโอกาสเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ก่อนหารือทวิภาคี เดินหน้าความร่วมมือด้านการศึกษาและการท่องเที่ยว ขอนิวซีแลน์พิจารณาฟรี วีซ่าให้คนไทย พร้อมยกระดับความสัมพันธ์ ตอกย้ำเกือบ 7 ทศวรรษ
วันที่ 17 เมษายน 2567 เวลา 10.00 น. ณ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้การต้อนรับ นายคริสโตเฟอร์ ลักซอน (The Right Honourable Christopher Luxon) นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ในโอกาสการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาล
นายกรัฐมนตรีไทยและนิวซีแลนด์ ร่วมตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ จากนั้น นายกรัฐมนตรีเชิญนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ไปยังห้องสีม่วง เพื่อแนะนำคณะรัฐมนตรี แล้วจึงเชิญไปยังห้องสีงาช้างด้านนอก เพื่อลงนามในสมุดเยี่ยม และชมของที่ระลึกที่ทั้งสองฝ่ายมอบให้แก่กัน และร่วมหารือกลุ่มเล็ก ณ ห้องสีงาช้างด้านใน
การเดินทางเยือนไทยครั้งนี้ ถือเป็นการเยือนของนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ในรอบ 11 ปี และเป็นโอกาสอันดี ในการติดตามและสานต่อความร่วมมือ ที่เป็นประโยชน์ระหว่างกัน ภายหลังการหารือทวิภาคีของทั้งสองฝ่าย ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย สมัยพิเศษฯ ณ นครเมลเบิร์น เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ยินดีอย่างยิ่งที่ได้เยือนประเทศไทยในครั้งนี้ พร้อมทั้งขอบคุณการต้อนรับอย่างอบอุ่น เน้นย้ำการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันและการจัดทำแผนงานร่วมกัน เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันสู่การเป็น ‘หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Strategic Partnership)” ในปี 2569 ซึ่งเป็นปีครบรอบ 70 ปี ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับนิวซีแลนด์
ด้านนายกรัฐมนตรี ย้ำความพร้อมของไทย ในการเดินหน้าร่วมกับนิวซีแลนด์ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือที่จะนำไปสู่การยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันในปี 2569 หรือเร็วกว่านั้น
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายหารือประเด็นความร่วมมือที่สำคัญร่วมกัน ดังนี้
ด้านความสัมพันธ์ระดับประชาชน ซึ่งถือเป็นเสาหลักสำคัญของความสัมพันธ์ไทย-นิวซีแลนด์ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องเพิ่มพูนความร่วมมือด้านการศึกษา และการท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ในระดับประชาชนให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยด้านการศึกษา มีนักศึกษาชาวไทยจำนวนมากที่ไปศึกษาต่อยังนิวซีแลนด์ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า ไทยและนิวซีแลนด์มีศักยภาพที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างกันได้อีกมาก ไทยมีโรงเรียนนานาชาติที่มีคุณภาพ แต่ยังขาดความเชี่ยวชาญในระดับอาชีวศึกษา ซึ่งจะตอบสนองความต้องการของตลาดงานได้ รวมถึงการสนับสนุนให้มีความเชื่อมโยงด้านการศึกษาระหว่างมหาวิทยาลัย ซึ่งนิวซีแลนด์มีความเชี่ยวชาญ และมีระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ
ด้านการท่องเที่ยว ไทยและนิวซีแลนด์แลกเปลี่ยนด้านการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่ง โดยนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์กล่าวว่า ไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวนิวซีแลนด์ และต้องการเพิ่มพูนจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างกันมากขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า การกลับมาเปิดให้บริการเที่ยวบินตรงระหว่างกันอีกครั้งของสายการบินไทยจะเป็นแรงผลักดันสำคัญในการเพิ่มพูนจำนวนนักท่องเที่ยวของทั้งสองฝ่ายให้กลับเข้าสู่ระดับก่อนการแพร่ระบาดของสถานการณ์โควิด-19
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีขอให้ฝ่ายนิวซีแลนด์ พิจารณายกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางไทย ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกันให้ง่ายขึ้น พร้อมเสนอโครงการ “6 ประเทศ 1 จุดหมาย” เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากนอกภูมิภาค ส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยว 6 ประเทศในทริปเดียว
ด้านเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีเสนอให้มีความร่วมมือกับนิวซีแลนด์ในด้านอาหารแห่งอนาคต (Future Food) โดยเฉพาะอาหารฮาลาล รวมถึงการแลกเปลี่ยนในด้านเทคโนโลยี ซึ่งนิวซีแลนด์มีความเชี่ยวชาญ และพร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดีแก่ไทย
ส่วนความร่วมมือในกรอบพหุภาคี นายกรัฐมนตรีขอให้นิวซีแลนด์ พิจารณาให้การสนับสนุนไทย ในการขอเข้าเป็นสมาชิก OECD ซึ่งนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ยินดีให้การสนับสนุน พร้อมขอให้ไทยสนับสนุนบทบาทของนิวซีแลนด์ ในการผลักดันความสัมพันธ์อาเซียน-นิวซีแลนด์ สู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน (Comprehensive Strategic Partnership) รวมถึงการสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างกันอย่างเต็มรูปแบบมากขึ้น โดยเห็นว่าไทยเป็นประเทศที่สำคัญในภูมิภาค นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีชื่นชมความตั้งใจของนิวซีแลนด์ในการเข้าเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาของ ACMECS ซึ่งไทยพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
ทั้งสองฝ่าย ยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในประเด็นสถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมา โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ไทยให้ความสำคัญและติดตามสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมาอย่างใกล้ชิด และหวังให้มีสันติภาพ ความสงบสุข และเสถียรภาพในเมียนมา โดยไทยได้ทำงานร่วมกับหลายฝ่าย เพื่อสนับสนุนการหาทางออกอย่างสันติ รวมถึงให้การสนับสนุนด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: