X

ประชุม ครม.เศรษฐกิจนัดแรก เร่งหาแนวทางให้เศรษฐกิจโตได้ตามศักยภาพ ตั้งเป้า 3.5 %

กรุงเทพฯ – ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจนัดแรก ชี้ ไทยยังมีศักยภาพ และพื้นฐานเศรษฐกิจดี ตั้งเป้าโตอย่างน้อย 3.5 % หลังโตต่ำมากว่า 10 ปี เร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก่อนเริ่มโครงการดิจิทัลวอลเล็ต

วันที่ 27 พฤษภาคม 2567 เวลา 16.30 น. ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2567 ร่วมกับรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, ปลัดกระทรวงการคลัง, เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.), ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ, เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ), ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รวมถึงผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้าร่วมการประชุมด้วย

ก่อนการประชุม นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงตัวเลขเศรษฐกิจ ที่ออกมาต่ำกว่าการประมาณการค่อนข้างมาก แม้จะยังไม่เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย เพราะมีเรื่องการท่องเที่ยวช่วย แต่เครื่องยนต์ยังเดินหน้าไม่เต็มที่ และตัวเลขเศรษฐกิจไม่ดีมาอย่างยาวนานและต่อเนื่อง รวมถึงยังมีปัญหาอีกหลายเรื่อง เช่น ปัญหาเศรษฐกิจโลกโตช้า กำลังซื้ออ่อนตัว โดยเฉพาะกลุ่มฐานราก รวมทั้งสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ และปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น สังคมสูงวัย ความสามารถทางการแข่งขัน หนี้ครัวเรือน และหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)

ซึ่งส่วนใหญ่ต้องการการแก้ไขโดยการปรับโครงสร้าง และรากฐานของเศรษฐกิจ แต่มีอีกหลายเรื่องที่ภาครัฐสามารถทำได้เลย เช่น การเร่งการเบิกจ่ายภาครัฐ การกระตุ้นกำลังซื้อ การกระตุ้นการท่องเที่ยว จะดำเนินการอย่างไร เพื่อจะทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นโดยเร็ว จึงต้องระดมความคิดหาทางออก เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจโตได้ตามศักยภาพ

ภายหลังการประชุม นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย รัฐมนตรีช่วยว่าการทั้ง 2 คน คือ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล แถลง โดยสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

ที่ประชุมหารือถึงการแก้ปัญหา ทั้งการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างระยะยาว ระยะปานกลาง และเรื่องที่ต้องแก้ไขเฉพาะหน้า เมื่อดูศักยภาพประเทศไทยแล้ว ยังอยู่ในศักยภาพและมีพื้นฐานที่ดี จึงคิดว่าไม่น่าจะอยู่ที่ 1 กว่า หรือ 2 กว่าเปอร์เซ็นต์ อย่างน้อยควรจะอยู่ที่ 3.5 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป แต่ไทยต่ำกว่า 3.5 เปอร์เซ็นต์ มาตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา จะมีประเทศที่จีดีพี ต่ำกว่าไทยอยู่บ้าง คือ ประเทศในทางยุโรป อังกฤษ และญี่ปุ่น เป็นต้น

ปัญหาสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำ คือ กำลังการผลิตต่ำมาอย่างต่อเนื่อง เพราะกำลังซื้อผู้บริโภคหดหายเนื่องจากไม่มีรายได้ ดังนั้น จึงต้องเพิ่มกำลังซื้อ ซึ่งกระทรวงการคลัง และ ธปท. อาจจะต้องมาหารือกัน ถึงกรอบเงินเฟ้อที่เหมาะสม เพื่อนำไปสู่การกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้ผลิตและผู้บริโภคอยู่ได้

ระยะเร่งด่วน คือ การทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงแหล่งเงินทุน และมีสภาพคล่องให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยการดำเนินการต่าง ๆ ต้องอยู่ในกรอบวินัยทางการเงินการคลัง

ทั้งนี้ ทุกฝ่ายเห็นพ้องว่า จำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยปลัดกระทรวงการคลังเสนอว่า ควรจะมีกลไกกระตุ้นเศรษฐกิจในระหว่างนี้ จนไปถึงช่วงปลายปี ก่อนที่จะเริ่มโครงการดิจิทัลวอลเล็ต

นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้แต่ละหน่วยงาน ไปคิดมาตรการต่าง ๆ ที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย ให้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ก่อนจะนำกลับมาหารือกันในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า โดยมี สศช. และ สศค. เป็นเลขานุการร่วม เพื่อขับเคลื่อนประสานงานหน่วยงานต่าง ๆ

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of ลักขณา สุริยงค์

ลักขณา สุริยงค์

ทำหน้าที่สื่อมวลชนมาเกือบ 30 ปี ทั้งงานสายข่าวและจัดรายการทีวี-วิทยุมานับไม่ถ้วน "ไม่เป็นกลาง แต่เป็นธรรม พร้อมนำเสนอความจริง"