กรุงเทพฯ – นายกรัฐมนตรี ใช้โอกาสในรายการ ‘คุยกับเศรษฐา’ โปรโมตผลงาน ย้ำ เป็นนายกรัฐมนตรี ของคนไทยทั้งประเทศ มีหน้าที่ดูแลคนไทยทุกคน ยึดปัญหาของประชาชนเป็นสำคัญ แจง การลงพื้นที่ตรวจราชการต่างจังหวัด การประชุม ครม.สัญจร และไปต่างประเทศบ่อย เผย จัดรายการฯ เพราะต้องการสื่อสารโดยตรง
วันที่ 22 มิถุนายน 2567 เวลา 08.00-08.30 น. รายการ ‘คุยกับเศรษฐา’ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย เป็นเทปแรก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงจุดมุ่งหมายของการจัดรายการว่า รัฐบาลปัจจุบัน ทุก ๆ กระทรวง ทบวง กรม รัฐมนตรีทุกคนได้ทำงานกันหนักมาก และยังไม่มีช่องทางที่นอกเหนือจากมีผู้สื่อข่าวมาสัมภาษณ์ ไม่มีช่องทางที่จะสื่อสารถึงพี่น้องประชาชนโดยตรง เพื่ออธิบายให้ฟังว่า รัฐบาลทำอะไรไปแล้วบ้าง และแผนงานระยะยาว คือ อะไรบ้าง
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการทำงานแบบไม่เหน็ดเหนื่อยว่า ถ้าจะบอกว่าไม่เหนื่อยก็คงจะโกหก นายกรัฐมนตรีทุกท่านก็ทำงานกันหนัก มีทั้งเหนื่อยกาย เหนื่อยใจ และเชื่อว่าทุกท่านแบกภาระหนักหน่วงนี้อยู่เยอะ แต่ส่วนตัวเหนื่อยนอนคืนเดียวก็หาย แต่เราเสนอตัวเข้ามาทำงานแล้ว ถือเรื่องที่สำคัญมากกว่า คือ เรื่องความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน หลายคนที่อยู่ที่ฐานรากของสังคมเขาเหนื่อยกว่าเยอะ สองวินัยที่ยึดมั่น คือ มีวินัยในการทำงานและทำงานให้หนัก แต่ก็ต้องดูแลสุขภาพ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า ในฐานะนายกรัฐมนตรีของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยเพียงอย่างเดียว ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องลงพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของพรรคพลังประชารัฐ ของพรรคภูมิใจไทย ด้วยเหมือนกัน เพราะทุกคนคือคนไทย นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บริหารสูงสุดของประเทศ มีหน้าที่ต้องดูแล ให้ความมั่นใจได้ว่า ไม่ได้เลือกจังหวัดลงพื้นที่
ลงพื้นที่ต่างจังหวัด-ประชุม ครม.สัญจร เพื่อรับทราบปัญหาจาก ปชช.โดยตรง
นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงถึงการลงพื้นที่ต่างจังหวัด ว่า ต้องยอมรับว่า ตนเองมีต้นทุนเป็นรองนักการเมืองหลาย ๆ ท่าน ที่เติบโตมาจากการเมืองตั้งแต่อายุ 30 กว่า แต่ตนเองเพิ่งเข้าสู่สนามการเมือง ดังนั้น การลงพื้นที่จริง ๆ เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง สำหรับมือใหม่ ต้องการเข้าใจถึงปัญหาจริง ๆ ไม่ใช่ฟังแต่รายงานที่มาจากกระดาษ
โดยการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ไม่ใช่ความลับ นายกรัฐมนตรีหลาย ๆ ท่าน ก็ทำอยู่แล้ว แต่รายละเอียดแตกต่างกันไปบ้าง การที่ ครม.ทั้งคณะลงไปจังหวัดไหน พื้นที่ใด ก็จะมีการตื่นตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ครม.สัญจรนัดแรก เลือกไปจังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งเป็นจังหวัดที่ GDP (ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ) ต่ำที่สุด เป็นจังหวัดที่ยากจนที่สุด ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณว่า รัฐบาลให้ความสนใจกับเรื่องพวกนี้ การที่ลงพื้นที่ต่างจังหวัด จังหวัดข้างเคียงก็มีความสำคัญ จะทราบว่าแต่ละจังหวัดต้องการความช่วยเหลือในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น การเกษตร น้ำท่วม น้ำแล้ง เป็นต้น
การลงพื้นที่ ถือเป็นการมอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ การลงหน้างานมีส่วนช่วยเหลือ ทำให้เขามีความมั่นใจขึ้น แต่เหนือสิ่งอื่นใด ไม่ได้ไปคนเดียว ไปทั้งคณะรัฐบาลไปหมด ทุกกระทรวง ทบวง กรม มีการกำหนด KPI ชัดเจนว่ามีอะไรบ้าง และเป็นการสร้างความคาดหวังให้พี่น้องประชาชนในครั้งต่อไป ที่เราจะไป ครม.สัญจร ว่า ถ้าเกิดคณะรัฐมนตรีมา จังหวัดข้างเคียงจะได้อานิสงส์อะไรบ้าง
การลงพื้นที่แต่ละครั้ง ต้องแบ่งเป้าหมายเป็น 2-3 อย่าง คือ พบปะมวลชน เพราะต้องการจะได้เห็นจริง ๆ ว่า มีความทุกข์ยากมากน้อยขนาดไหน จะได้รับฟังโดยตรง โดยไม่มีการกีดกัน การได้พบข้าราชการ ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะว่าไม่ฉะนั้นโอกาสที่จะได้พบกับข้าราชการ นายอำเภอ องค์การบริหารส่วนจังหวัดต่าง ๆ
ลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต เพื่อแก้ไขปัญหาท่องเที่ยวในภาพรวม
นายเศรษฐา ทวีสิน ชี้แจงถึงการลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ว่า เรื่องการท่องเที่ยว เป็นหนึ่งในนโยบายเรือธงของรัฐบาล ภูเก็ตเป็นจังหวัดที่ทำรายได้สูงมากให้ประเทศ และมีศักยภาพสูงมากเช่นกัน แต่ปัญหาก็เยอะตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำประปา ขยะ สนามบิน ถนน มาเฟีย ความมั่นคง ความปลอดภัย จึงต้องให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง
สัปดาห์แรกที่เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ลงไปจังหวัดภูเก็ต โดยเชิญรัฐมนตรีคมนาคมไปดูเรื่องการจราจร ระยะหลังจากในเมืองไปสนามบินใช้เวลา 2 ชั่วโมง ทำให้เสน่ห์ของภูเก็ตหายไปหมด ปัจจุบัน เครื่องบินต่อชั่วโมงลงได้ 25 ลำ จะให้ได้มากกว่านี้ก็ลำบาก แต่มีความต้องการลงสูงมาก ก็ต้องดูเรื่องสนามบินภูเก็ต แต่ภาคใต้ไม่ได้มีแค่ที่ภูเก็ต มีพังงา กระบี่ และระนอง ด้วย อยากตั้งชื่อว่า ‘สนามบินอันดามัน’ เพราะพยายามจะให้ครอบคลุมให้ได้ 3-4 จังหวัด
ส่วนเรื่องน้ำประปา ได้ลงพื้นที่ไปกับ สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่จะลากจากเขื่อนเชี่ยวหลาน แล้วนำมาดูแลจังหวัดพังงา กระบี่ ภูเก็ต
รายการ ‘คุยกับเศรษฐา’ จะออกอากาศทุกวันเสาร์ที่ 3 ของเดือน เริ่มเสาร์นี้เป็นครั้งแรก โดยทาง NBT2HD ททบ.5 และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ทั่วประเทศ ออกอากาศเวลา 08.00-08.30 น. / เวลา 09.30-10.00 น. ทางช่อง 9 MCOT / และเวลา 18.00-18.30 น. ทางวิทยุ อสมท 47 สถานี
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: