กรุงเทพฯ – พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เดินหน้าฟ้อง มาตรา 157 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ และ 2 นายพลดูแลกฎหมาย พร้อมขู่ฟ้องนายกรัฐมนตรี หากไม่ได้กลับ สตช. เผย ภายในสัปดาห์นี้ เตรียมฟ้อง ก.ตร.1 คน และอดีตตำรวจอีก 2 คน ฐานหมิ่นประมาท ยืนยัน ไม่ใช่กลืนน้ำลาย แต่ต้องเรียกร้องความยุติธรรม
วันที่ 22 มิถุนายน 2567 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ (บิ๊กโจ๊ก) หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมเอกสาร ยื่นเรื่องฟ้อง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อดีต รรท.ผบ.ตร., พล.ต.ท.อภิชาติ สุริบุญญา ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี และพล.ต.ต.อภิสัณห์ หว้าจีน ผู้บังคับการกองวินัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีลงนามคำสั่งให้ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน อย่างไม่เป็นธรรม และไม่ชอบด้วยกฎหมาย
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ต้องการเรียกร้องความยุติธรรม เพราะบุคคลเหล่านี้ กระทำผิดพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 120 วรรค 4 ซึ่งสอดคล้องกับความเห็น คณะกรรมการกฤษฎีกาคณะที่ 2 ที่มีมติเอกฉันท์ ว่าการให้ตนเองออกจากราชการไว้ก่อน ต้องมีความเห็นจาก คณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง หากการให้ออกราชการไปกระทบสิทธิ์ผู้นั้น แต่ รรท.ผบ.ตร.กลับใช้อำนาจผิดและผิดพลาด มาจากความเร่งรีบ ในฐานะคนเซ็นคำสั่ง จะต้องรับผิดชอบ แต่หากจะเล่นงานตนเองจริง ๆ ต้องกลับไปแก้ไขให้ถูกต้อง คือ ต้องเพิกถอนคำสั่งที่มิชอบ
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ จะบอกว่า ไม่รู้ว่าไส้ในหรือข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ไม่ได้ เพราะในหนังสือที่นายกรัฐมนตรีส่งตัวตนเองกลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ระบุว่า สตช.ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง จึงต้องส่งกลับ และจากนั้นก็มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน
ข่าวน่าสนใจ:
อย่างไรก็ตาม ถ้า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยอมมาขอโทษ หรือพูดคุย ก็ยอมรับ เพราะต้องการให้องค์กรตำรวจสงบ
ในส่วนคดีอาญา กับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.นั้น ขณะนี้อยู่ที่ ป.ป.ช.หมดแล้ว ก็ต้องปล่อยไปตามกระบวนการ
พร้อมยืนยันว่า หากได้กลับ สตช.จะไม่มีการล่าหัว ล้างแค้นใครอีก ทุกอย่างจะจบ ขอกลับไปทำงานตามสิทธิ์
ขู่ฟ้อง นายกฯ ถ้ายังเพิกเฉย
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่า ในฐานะประธาน ก.ตร. จะต้องใช้อำนาจในการดำเนินการ เป็นผู้บังคับบัญชาแก้ปัญหา ต้องกล้าตัดสินใจ จะทำลอยตัวไม่ได้ เพราะเคยมีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อปี 2482 ว่า หน่วยงานราชการใดที่หารือคณะกรรมการกฤษฎีกา หน่วยงานนั้นจะต้องปฏิบัติตาม หากนายกรัฐมนตรียังละเลยหรือเพิกเฉย ก็จะใช้สิทธิ์ในการฟ้องร้องเช่นกัน โดยไม่กลัวว่านายกรัฐมนตรีจะโกรธ เพราะพูดในหลักการของกฎหมาย และฟ้องในตำแหน่ง
ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 มิ.ย.) จะยื่นหนังสือถึง ผบ.ตร.ให้ดำเนินการตามกฎหมาย
ทั้งนี้ ต้องรอผลการสอบสวนของ คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ด้วย แต่ถ้าวินิจฉัยยืนตามคำสั่งเดิมของ รรท.ผบ.ตร.ก็จะไปร้องศาลปกครองต่อ
เล็งสอนมวยกูรู จ่อฟ้อง ก.ตร.-อดีต ตร.อีก 2 คน
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยอีกว่า นอกจากนี้ ยังเตรียมยื่นเรื่องฟ้องศาล ในข้อหาฐานหมิ่นประมาท ก.ตร.1 คน และอดีตตำรวจอีก 2 คน เพราะอยากจะสอนมวยพวกกูรูที่รู้เยอะ ชอบออกมาวิจารณ์
อย่างไรก็ตาม ไม่ขอตอบโต้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่วิพากย์วิจารณ์ว่า ถ้าตนเองได้เป็น ผบ.ตร. สตช.จะฉิ_หาย เนื่องจากเป็นบุคคลสาธารณะ ใครจะวิจารณ์ก็ได้ แต่ตนเองมีสิทธิ์ที่จะดำเนินการตามกฎหมาย
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันด้วยว่า ยังเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.อยู่ แต่ปฏิเสธการทำงานคู่ขนานกับ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด (ทนายตั้ม) และกระแสข่าว นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เข้ามาช่วยเหลือในเรื่องกฎหมาย โดยระบุว่า นายวิษณุ เป็นคนของแผ่นดิน ของประเทศ ถ้ามาช่วยเหลือจะเสียหาย ส่วนทนายตั้ม ก็ไม่ได้ติดต่อกันมานานแล้ว การดำเนินการของทนายตั้ม เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ไปสั่งอะไรไม่ได้
ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินทางไปยังศาลอาญากรุงเทพฯใต้ ตามนัดไต่สวนมูลฟ้องคดีที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.ต.จรูญเกียติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กรณีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน กล่าวหาตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ ซึ่ง พล.ต.ต.จรูญเกียติ ขอเลื่อนการนัดไต่สวน
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ชี้ว่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ มีหน้าที่เป็นเพียงพนักงานสอบสวน รวบรวมข้อมูล และส่งสำนวนไปยัง ป.ป.ช. ไม่ได้มีอำนาจในการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน แสดงความคิดเห็นเชิงวินิจฉัย หรือ พิพากษาคดี การให้สัมภาษณ์ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้สังคมเชื่อว่า ตนเองกระทำผิดไปแล้ว จึงจำเป็นต้องยื่นฟ้องเพื่อคืนความยุติธรรม ยืนยันจะไม่ยอมความ หรือไกล่เกลี่ย แน่นอน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: