X

‘ลุงชาญ’ นายกฯ ตกสวรรค์?

กรรมเก่า ตามรังควาญ ‘ชาญ พวงเพ็ชร์’ ติดคำสั่งศาลสั่งให้ ‘ยุติการปฏิบัติหน้าที่’ ตั้งแต่เป็นนายก อบจ.ครั้งก่อน คดีทุจริตถุงยังชีพ อาจดับฝัน ต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่ทันที ถ้า กกต.รับรอง นายก อบจ.ปทุม จ่ออีกคดี ซื้อเครื่องออกกำลังกายแพงเกินจริง 

ดีใจได้ไม่นาน หลัง ‘ลุงชาญใจดี’ ชาญ พวงเพ็ชร์ ชนะเลือกตั้งเป็นว่าที่ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) ปทุมธานี สมัยที่ 4 แต่… เจอล็อกจากคดีค้างเก่าในอดีต ครั้งดำรงตำแหน่ง นายก อบจ.ปทุมธานี ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดด้วยมติเอกฉันท์ 9 เสียง เมื่อ 31 มี.ค.64 กรณี ‘จัดซื้อถุงยังชีพ’ ช่วยผู้ประสบอุทกภัย 2 ครั้ง เมื่อปี 2554 มูลค่านับล้านบาท ซึ่งผ่านมา 13 ปี คดียังเดินหน้า

ต่อมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 1 ประทับรับฟ้อง และมีคำสั่งให้ยุติปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเมื่อ 11 ม.ค.67 นายชาญและพวก ได้เดินทางไปรายงานตัวเพื่อส่งฟ้องคดี และยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัว ศาลอาญาฯ นัดไต่สวนสืบคดี กลางเดือน ก.ค.นี้

‘ปกรณ์ นิลประพันธ์’ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ชี้ชัดว่า หาก ‘ลุงชาญ’ เข้าปฏิบัติหน้าที่ นายก อบจ.เมื่อไหร่ ก็ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่เมื่อนั้นโดยอัตโนมัติ เพราะเคยมีคำสั่งให้ยุติปฏิบัติหน้าที่แล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้ไปยุ่งเหยิงในคดีที่ผ่านมา และป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น แต่หาก ‘ลุงชาญ’ ต้องการจะโต้แย้งคำสั่ง ก็ต้องไปดำเนินการต่อ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีอำนาจ เพื่อออกคำสั่งดำเนินการต่อไป

‘นิวัติไชย เกษมมงคล’ เลขาฯ ป.ป.ช. โยนให้ไปถาม กระทรวงมหาดไทย ว่าเรื่องนี้จะมีผลต่อการดำรงตำแหน่ง นายก อบจ.ปทุมธานี หรือไม่ เพราะ ป.ป.ช.ชี้มูลมานานแล้ว ตอนนี้อยู่ในขั้นสืบพยานของชั้นศาล

ขณะที่ ‘เสี่ยหนู’ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะกำกับดูแล กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.) ไม่รับเผือกร้อน บอกว่า ไม่รู้เรื่อง ยังไม่เห็นหนังสือจาก สถ. จึงโยนต่อว่า“ไม่ใช่เรื่องของกระทรวงมหาดไทย ที่จะไปสั่งให้ใครหยุดหรือไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่ ขึ้นอยู่กับกฎหมาย และการตีความ ตรงนี้เป็นเรื่องของท้องถิ่น เป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะด้านกฎหมาย กระทรวงมหาดไทยไม่เกี่ยว

♦ เมื่อ 1 ก.ค.2567 อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.) ทำหนังสือชี้แจง มท.1 (อนุทิน ชาญวีรกูล) 2 ประเด็นใหญ่ นายชาญ พวงเพ็ชร์ มีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้ง นายก อบจ.ปทุมธานี แต่จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที ตามกฎหมาย ป.ป.ช.

1.นายชาญ พวงเพ็ชร์ สามารถลงสมัครเป็นนายก อบจ.ปทุมธานี ได้ แม้ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดคดีทุจริต และศาลฯ ประทับรับฟ้องแล้ว แต่… ‘คดียังไม่ถึงที่สุดและไม่ได้ถูกคุมขังโดยหมายศาล อีกทั้งไม่ได้ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง นายชาญ จึงยังไม่มีลักษณะต้องห้าม’ 

2.นายชาญ พวงเพ็ชร์ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ นายก อบจ.ปทุมธานี แม้ต่างกรรมต่างวาระ… ‘การที่ นายชาญ พวงเพ็ชร์ ได้กระทำความผิดเมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง นายก อบจ.ปทุมธานี ในวาระก่อน และศาลอาญาได้ประทับฟ้อง เมื่อพ้นจากตำแหน่งไปแล้วก็ตาม แม้ต่อมาเมื่อนายชาญ ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่ง นายก อบจ.ปทุมธานี ในอีกวาระหนึ่ง นายชาญ ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตาม พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 81 และ 93 เทียบเคียงความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา’

ทั้งนี้ ถ้า ‘ลุงชาญ’ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ผู้ที่จะทำหน้าที่ รักษาราชการแทน นายก อบจ. คือ ปลัด อบจ.

จัดซื้อเครื่องออกกำลังกายแพงเกินจริง
ยังไม่หมดแค่เรื่องทุจริตถุงยังชีพ ‘ลุงชาญ’ ยังถูก สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบ การตั้งงบประมาณจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย ระหว่างปี 2555-2556 หลายสัญญา ที่พบว่า ตั้งราคาจัดซื้อสูงเกินกว่าความเป็นจริง ถึงกว่า 44 ล้านบาท และส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.สอบสวนตามขั้นตอนกฎหมาย

ตามที่ ‘ลุงชาญ’ ตกเป็น 1 ใน 5 ผู้บริหารระดับสูงของ อบจ. ที่ถูก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลงนามในคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 35/2560 เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 9 ซึ่งเป็นเหตุทำให้ต้องถูก ‘ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่เป็นการชั่วคราว’ เพื่อเข้าสู่กระบวนการตั้งคณะกรรมการสอบสวน จากหน่วยงานต้นสังกัดอย่างเป็นทางการ เกี่ยวกับการตั้งงบประมาณจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย ระหว่างปี 2555-2556 หลายสัญญา

เปิดผลสอบ สตง.
สาระสำคัญผลการตรวจสอบของ สตง. ระบุว่า ในปีงบประมาณ 2555-2556 อบจ.ปทุมธานี จัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย จำนวน 12 สัญญา รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 74 ล้าน 118,500 บาท แบ่งเป็น ปี 2555 จำนวน 3 สัญญา วงเงิน 28 ล้าน 38,000 บาท และปี 2556 จำนวน 9 สัญญา วงเงิน 46 ล้าน 80,500 บาท

สตง.ระบุว่า ขั้นตอนการขอนุมัติจัดซื้อ อบจ.ปทุมธานี ไม่ได้สืบราคาของเครื่องออกกำลังกาย จากบริษัทที่จำหน่ายตามท้องตลาดและท้องถิ่นอื่น และไม่ได้ระบุราคาที่เคยซื้อหรือจ้างครั้งหลังสุด ภายในระยะเวลา 2 ปีงบประมาณ ที่ผ่านมา

โดย อบจ.ปทุมธานี ทำสัญญาซื้อขายเครื่องออกกำลังกายจากผู้ขาย 2 ราย คือ บริษัท สไลเดอร์เวิลด์ซิสเต็มส์ จำกัด 4 สัญญา และบริษัท สมุปบาท จำกัด 8 สัญญา ซึ่งมีการเบิกจ่ายเงินให้ผู้ขายไปแล้วทั้ง 12 สัญญา

สตง.ยังสืบราคาเครื่องออกกำลังกาย (คุณภาพใกล้เคียงกับของ อบจ.ปทุมธานี) โดยเครื่องออกกำลังกาย 1 ชุด อุปกรณ์ 8 ประเภท นำราคาสูงสุดกับต่ำสุดมาเฉลี่ย พบว่า ราคาชุดละ 195,658 บาท 86 สตางค์ แต่ อบจ.ปทุมธานี ตั้งงบฯ จัดซื้อราคาสูงถึงชุดละ 500,000 บาท หรือสูงกว่าสืบราคาชุดละกว่า 3 แสนบาท

เมื่อนำราคาเครื่องออกกำลังกายที่จัดซื้อ เมื่อปี 2555-2556 ทั้ง 12 สัญญา (151 ชุด) วงเงินกว่า 74 ล้านบาท มาเปรียบเทียบกับราคาที่ได้จากการสืบราคา คิดเป็นเงิน 29 ล้าน 544,487 บาท 86 สตางค์ เท่ากับ อบจ.ปทุมธานี จัดซื้อในราคาสูงเกินกว่าความเป็นจริง เป็นเงินถึง 44 ล้าน 5 แสน 74,012 บาท 14 สตางค์

สตง.สรุปว่า การจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายของ อบจ.ปทุมธานี จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 20 (3)

เมื่อ 30 ส.ค.2559 คตง.เห็นชอบ ผลการดำเนินการของ สตง. ให้ดำเนินคดีอาญาในความผิดฐาน ‘เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ’ นายชาญ พวงเพ็ชร์ นายก อบจ.ปทุมธานีและพวก รวม 5 คน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังถือว่า บุคคลทั้ง 5 เป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ มีสิทธิชี้แจงข้อเท็จจริงแก้ข้อกล่าวหาได้ตามขั้นตอน

ทำไมพรรคเพื่อไทย จึงเลือกคนมีคดีมาลงสมัคร
คนปทุมฯ พูดคุยกันอย่างกว้างขวาง หลังเสียเวลาไปเลือก นายก อบจ.มาแล้ว แต่ดูแววจะถูกล็อก เพราะคดีทุจริตค้างเก่า เพื่อชาวปทุมฯ
พร้อมตั้งคำถามอย่างข้องใจว่า “ทำไม พรรคเพื่อไทยจึงเลือกคนมีคดีติดตัว มาเป็นตัวแทนพรรคลงสมัคร รู้อยู่แล้วแต่มั่นใจ หรือ โดนหลอก! หรือหาใครไม่ทัน!”

ด้านผู้ใหญ่ฝั่งพรรคเพื่อไทย ประสานเสียง ศาลยังไม่ตัดสินถือว่า ‘บริสุทธิ์’ ตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว​ ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่
‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ แกนนำพรรค เพื่อไทย ระบุว่า ‘ลุงชาญ’ จะหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ต้องศาลสั่งเท่านั้น ไม่ใช่อัตโนมัติ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหม่และสถานการณ์ใหม่ ‘ลุงชาญ’ ยังมีสิทธิเพราะตอนสมัครยังไม่ขาดคุณสมบัติ ต้องปล่อยให้เป็นไปตามข้อกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ปัจจุบันยังไม่มีข้อกฎหมายใดบังคับ ห้าม และยังไม่มีการสั่งจากศาล ตอนนี้ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้

สอดคล้องกับ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ‘สรวงศ์ เทียนทอง’ ที่บอกว่า คดีดังกล่าวอยู่ในอำนาจศาล ควรให้ศาลเป็นผู้สั่ง หากกระทรวงมหาดไทย สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ถือเป็นคำสั่งทางปกครอง ซึ่งผู้ถูกคำสั่งสามารถฟ้องร้องไปยังศาลปกครองได้

“ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ได้ตรวจสอบข้อมูลแล้ว เห็นว่า ป.ป.ช.เป็นโจทก์ฟ้อง ในขณะที่ศาลประทับรับฟ้อง นายชาญ ไม่มีตำแหน่งหน้าที่ จึงไม่มีกรณีที่ต้องให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ คดีอยู่ในอำนาจพิจารณาของศาล ถ้าจะต้องให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ป.ป.ช.ที่เป็นโจทก์ต้องยื่นคำร้องต่อศาล การให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ไม่มีบัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.วิธีพิจารณาของศาลอาญาทุจริต เพียงแต่เขียนไว้ใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. และเป็นดุลพินิจของศาล ว่าต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ไม่ใช่เป็นการให้หยุดปฏิบัติหน้าที่โดยอัตโนมัติ และ กกต.ประกาศรับรองแล้ว” 

การเล่นงาน ‘ลุงชาญ’ กับ ‘พรรคเพื่อไทย’ ไม่หมูแน่นอน!… ในเมื่อ ครอบครัวนายใหญ๋ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ถึงขั้นลงทุน ลงแรง เดินตลาด ไปงานบวช คุย 8 บ้านใหญ่ ช่วยชิงเก้าอี้คืนมา แม้คะแนนจะทิ้ง ‘บิ๊กแจ๊ส-พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง’ ไม่ถึง 2,000 คะแนน แต่งานนี้จะ “เสียไม่ได้”

อาการ ‘ดิ้น’ หาทางออกจะต้องพลุ่งพล่าน แม้ยังมีช่องทางที่ศาลฯ เคยพิพากษา เรื่องการหยุดปฏฺิบัติหน้าที่ของผู้นำท้องถิ่น รายอื่นไว้แล้ว แต่จะยกมาเป็นมาตรฐานได้? เรื่องแบบนี้ต้องแยกเป็นกรณีไป (case by case) เพราะต้องพิจารณา ‘ประเด็นแห่งคดี และคำสั่งศาลฯ’ 

ไม่ใช่แค่คนปทุมฯ แต่คนทั้งประเทศ ต่างเฝ้าจับตาว่า ปัญหานี้จะจบอย่างไร แต่คงจะไม่ง่ายอย่างที่เลขาฯ กฤษฎีกา บอก  

‘ลุงชาญ’ จะได้ไปต่อ หรือ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน  คนปทุมเขารอว่า “จะต้องเสียเวลาไปเลือกตั้งกันใหม่?” กฎหมายประเทศไทย แปลกดี!   

**ข้อมูลน่าสนใจ จากการเลือก นายก อบจ.ปทุมธานี**
จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 949,421 คน
จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มาแสดงตนขอรับบัตรเลือกตั้ง 472,536 คน
จำนวนบัตรเลือกตั้งที่ได้รับมาทั้งหมด 962,899 บัตร
จำนวนบัตรเลือกตั้งที่ใช้ลงคะแนนเลือกตั้ง 472,536 บัตร
จำนวนบัตรดี 428,349 บัตร
จำนวนบัตรเสีย 11,302 บัตร
จำนวนบัตรเลือกตั้งที่ทำเครื่องหมายไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 32,885 บัตร
จำนวนบัตรเลือกตั้งที่เหลือ 490,363 บัตร

ผู้สมัครที่ได้รับคะแนนสูงสุด เรียงตามลำดับ ดังนี้
นายชาญ พวงเพ็ชร์ ได้ 203,032 คะแนน
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ได้ 201,212 คะแนน
นายนพดล ลัดดาแย้ม ได้ 16,983 คะแนน
นายอธิวัฒน์ สอนเนย ได้ 7,122 คะแนน

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ลักขณา สุริยงค์

ลักขณา สุริยงค์

ทำหน้าที่สื่อมวลชนมาเกือบ 30 ปี ทั้งงานสายข่าวและจัดรายการทีวี-วิทยุมานับไม่ถ้วน "ไม่เป็นกลาง แต่เป็นธรรม พร้อมนำเสนอความจริง"