กรุงเทพฯ – รอง ผบช.น. ระบุ สาเหตุฆาตกรรม 6 ศพชาวเวียดนาม 1 ในผู้เสียชีวิต ใช้ไซยาไนด์วางยาฆ่ากันเอง จบปมหนี้สิน 10 ล้านบาท
วันที่ 17 กรกฎาคม 2567 ความคืบหน้า กรณีพบศพชาวเวียดนาม 6 ศพ เป็นชาย 3 ศพ หญิง 3 ศพ ในห้องพัก โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ที่สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) พร้อมตำรวจชุดคลี่คลายคดี ร่วมกันแถลงข่าว
จากการตรวจสอบไล่เรียงตามไทม์ไลน์ของทั้ง 6 คน เดินทางมาคนละวันกัน และเช็กอินที่โรงแรมต่างวัน-เวลา บางคนเดินทางเข้ามาประเทศไทยหลายครั้ง จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบการเช็กอินที่โรงแรมด้วยตัวเอง ไม่มีคนอื่นแปลกปลอมมาพัก และเมื่อวันที่ 15 ก.ค. คนทั้ง 6 คนเข้าไปในห้องพัก 502 โดยไม่มีบุคคลอื่นเข้าไปในห้องดังกล่าว และมีการแจ้งว่าพบศพ เวลา 16.30 น.
ตามไทม์ไลน์ วันที่ 15 ก.ค.
ผู้เสียชีวิตหมายเลข 4 (Mr.HUNG DANG VAN : นายฮุง ดาง วาน อายุ 55 ปี สัญชาติอเมริกัน) สั่งอาหารจากโรงแรม และนำมาส่งที่ห้อง 502 ตั้งแต่เวลา 11.42 น. ประกอบด้วย ข้าวผัด 5 จาน ต้มยำกุ้ง 4 ถ้วย ผัดผัก ผัดผักบุ้ง และแก้วน้ำชา 6 ใบ
ต่อมา ผู้เสียชีวิตหมายเลข 3 (Mr.DINH TRAN PHU : นายดินห์ ทราน ฟู อายุ 37 ปี สัญชาติเวียดนาม) โทรสั่งข้าวผัดเพิ่มอีก 1 จาน เป็นจานที่ 6 และนำมาส่งที่ห้อง 502 มีภาพพนักงานโรงแรมเข้ามาส่งอาหารเวลา 13.51 น. และออกไปเวลา 13.57 น.
สอบถามทราบว่า ตอนเข้าไป พบแค่ผู้หญิงหมายเลข 5 (Ms.SHERINE CHONG : น.ส.เชอรีน ชอง อายุ 56 ปี สัญชาติอเมริกัน) ซึ่งเป็นเจ้าของห้อง เป็นผู้รับอาหารและเครื่องดื่มคือน้ำชา
พนักงานนำอาหาร ชา แก้ว และน้ำร้อน มาวางที่โต๊ะกลม บอกว่าจะชงชาให้ แต่ผู้หญิงหมายเลข 5 น.ส.เชอรีน บอกว่า “ไม่ต้อง” 
พบไซยาไนด์ใน กระบอกน้ำ-แก้วชา-เลือดผู้เสียชีวิต
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวต่อว่า ผลพิสูจน์หลักฐานเบื้องต้น พบ ‘สารไซยาไนด์’ ในกระบอกน้ำร้อนและแก้วน้ำทั้งหมด 6 ใบ ดังนั้น 1 ใน 6 คนจึงเป็นผู้ก่อเหตุ และเวลา 13.57 น. เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดเรื่อง โดยใช้สารไซยาไนด์ ส่วนสาเหตุ เกิดจากปมหนี้สิน 10 ล้านบาท ที่มีการทวงถามมาตลอด และนัดหมายจะไปเคลียร์กันที่ญี่ปุ่น แต่วีซ่าไม่ผ่าน จึงมาที่ไทยแทน
ทั้งนี้ ได้ประสานสถานทูตเวียดนาม สหรัฐอเมริกา และสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) สหรัฐฯ เข้ามาช่วยคลี่คลายคดี เพื่อให้เกิดความกระจ่าง ส่วนสาเหตุการใช้ไซยาไนด์ เกิดจากปมหนี้สิน 10 ล้านบาท และมีการทวงถามมาตลอด และนัดหมายจะไปเคลียร์ที่ที่ญี่ปุ่น แต่วีซาไม่ผ่านจึงนัดมาคุยกันที่ไทย กระทั่งเกิดเหตุครั้งนี้
ด้าน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ระบุว่า สพฐ.ตร. ร่วมกับพนักงานสอบสวน ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และเก็บวัตถุพยานไปพิสูจน์ ทั้งถ้วยกาแฟ ของเหลวในกระติกชา ขวดน้ำ กาน้ำชา น้ำผึ้ง รวมถึงสารพันธุกรรม และลายนิ้วมือแฝง
เบื้องต้น พบสารไซยาไนด์อยู่ในของเหลวในกาน้ำชา คราบในแก้วกาแฟทั้ง 6 ถ้วย ส่วนการเก็บตัวอย่างเลือดชายผู้เสียชีวิตที่นั่งพิงกำแพงอยู่ มีส่วนผสมของไซยาไนด์เช่นเดียวกัน สำหรับการตรวจเชิงปริมาณ และตัวอย่างอาหารอื่น ๆ จะทราบผลต่อไป
รอง ผบช.น.กล่าวถึงการตรวจสอบกระเป๋าเดินทางทั้ง 8 ใบว่า ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย แต่ในกระเป๋าของ น.ส.เชอรีน ชอง พบเอกสารการฟ้องร้องที่ดิน ตั้งแต่ปี 2565 จะต้องให้ล่ามแปลเพื่อนำข้อมูลเข้าสำนวนต่อไป
ขณะเดียวกัน ได้ประสาน ตม.และสถานทูตเวียดนาม ตรวจสอบรายละเอียด ว่ากลุ่มคนเหล่านี้ทำธุรกิจอะไร หลังญาติของสามี-ภรรยา บอกว่า ทั้งคู่ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างทำถนนที่เวียดนาม ส่วนธุรกิจที่อ้างว่าจะลงทุน คือ สร้างโรงพยาบาลในญี่ปุ่น ต้องสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม
นอกจากนี้ จะประสานสถานทูตสหรัฐฯ ตรวจสอบปูมหลังของ 2 คน ที่ถือสัญชาติอเมริกัน คือ นายฮุง ดาง วาน และ น.ส.เชอรีน ชอง โดยนายฮุง ดาง วาน เข้ามาวันที่ 7 ก.ค. จองห้องพักเป็นของ น.ส.เชอรีน แต่นายฮุง ใช้บัตรเครดิตตนเองรูดค้ำประกันจองห้องพัก 
