กรุงเทพฯ – ตำรวจ แจงยิบ สยบเครือข่ายเสี่ยโจ้ น้ำมันเถื่อน ค้น 13 จุด 4 จังหวัด เตรียมขอตำรวจสากลออกหมายแดง ตามจับตัวมาดำเนินคดี หลังหนีออกนอกประเทศ ท้าให้มามอบตัว ถ้าคิดว่าถูกกลั่นแกล้ง จ่อออกหมายเรียก ลูกน้องสาวฝ่ายบัญชีอีกคน
วันที่ 19 กรกฎาคม 2567 พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง (ศปนม.ตร.) และ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นำแถลงความคืบหน้า คดีขโมยเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนของกลาง 3 ลำ ซึ่งคาดว่าจะส่งสำนวนสอบสวนได้ภายในสัปดาห์หน้า
โดยวานนี้ (18 ก.ค.) เจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปราม และกองบังคับการตำรวจน้ำ ได้ปฏิบัติการตรวจค้นเป้าหมาย 13 จุดใน 4 จังหวัด ตามหมายศาล แบ่งเป็น จ.สมุทรปราการ 1 จุด, สมุทรสาคร 2 จุด, เพชรบุรี 2 จุด, สงขลา 2 จุด และปัตตานี 6 จุด เป็นที่อยู่ของกลุ่มผู้ต้องหา และผู้ถูกกล่าวหาที่เตรียมออกหมายเรียก รวมทั้งอู่ต่อเรือและจุดที่พบเส้นเงินที่เกี่ยวข้อง ซึ่งพบหลักฐานบ่งชี้ว่า นายสหชัย กับพวก สั่งการให้นำเรือหลบหนี
จึงขอศาลอาญา อนุมัติออกหมายจับบุคคล 5 คน ลงวันที่ 16 ก.ค.2567 ประกอบด้วย
1.นายสหชัยฯ อายุ 55 ปี
2.นายสมเกียรติฯ อายุ 56 ปี
3.นายสำเริงฯ อายุ 58 ปี
4.นางอนันตญาฯ อายุ 25 ปี
5.นายนรินทรฯ อายุ 27 ปี
กระทำความผิดฐาน ‘ร่วมกันเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันเอาไปเสียซึ่งทรัพย์สินอันเจ้าพนักงานได้ยึดรักษาไว้เพื่อเป็นหลักฐานฯ’
ข่าวน่าสนใจ:
- พบศพต่างชาติลอยอืดกลางอ่าวสัตหีบ สวมกางเกงตัวเดียว ข้อมือสัก อักษร HOPE CLUB ยังไม่ทราบว่าถูกฆ่าโยนทิ้งทะเลหรือจมน้ำตาย
- อบจ.สุราษฎร์ฯแถลงผลงาน
- จังหวัดสกลนคร พัฒนาศักยภาพบุคลากร ภาคีเครือข่าย เฝ้าระวัง ดูแลรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยยาเสพติด
- กองบิน 5 แถลงข่าวการจัดงาน “สดุดีวีรชน 8 ธันวาคม 2484” รำลึกถึงความกล้าหาญ และความสามัคคีของวีรชนผู้กล้า ในสมัยสงครามมหาเอเชียบูรพา
พฤติการณ์ผู้ต้องหา
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 19 มี.ค.67 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับ ตำรวจน้ำ, เจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต และกรมเจ้าท่า ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 28 คน พร้อมของกลาง เรือบรรทุกน้ำมัน 5 ลำ และน้ำมันรวม 325,000 ลิตร ในความผิดฐาน งร่วมกันพยายามลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งน้ำมันที่มิได้ผ่านพิธีการศุลกากร’ ปัจจุบันอยู่ระหว่างสอบสวนของอัยการสูงสุด และกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) มอบหมายให้ กองบังคับการตำรวจน้ำ เป็นผู้ดูแลรักษาเรือบรรทุกน้ำมันและน้ำมันเชื้อเพลิงของกลางไว้ที่ สถานีตำรวจน้ำสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
ต่อมา ช่วงวันที่ 9-10 มิ.ย.67 สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาพัทยา ได้ประกาศเตือนว่า จะมีคลื่นสูงและฝนฟ้าคะนอง ตำรวจน้ำเกรงว่าเรือของกลางและท่าเทียบเรือจะเสียหาย จึงให้เรือของกลาง 4 ลำ พร้อมลูกเรือ ออกไปทิ้งสมอในระยะปลอดภัย ห่างจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำ ประมาณ 100 เมตร
วันที่ 12 มิ.ย. เวลา 06.00 น. เจ้าหน้าที่พบว่า เรือ 3 ลำ คือ เรือ เจ.พี., เรือกำไรเงินหรือซีฮอส และเรือดาวรุ่ง พร้อมลูกเรือ 15 คน (เป็นกลุ่มผู้ต้องหาในคดีก่อนหน้า 14 คน) ร่วมกันควบคุมเรือหลบหนีไป ศปนม.ตร. จึงสั่งการให้ CIB ลงพื้นที่เร่งสืบสวนหาข่าว ติดตามเรือของกลาง พร้อมลูกเรือ เพื่อดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้อง
ตำรวจ กก.2 บก.ป. สืบสวนสอบสวนแล้ว ขออนุมัติศาลอาญา ออกหมายจับผู้ต้องหา ทั้ง 15 คน ในความผิดฐาน ‘ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนฯ’
ต่อมา วันที่ 17 มิ.ย. ตำรวจน้ำและตำรวจ กก.2 บก.ป. ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหาตามหมายจับ 8 คน พร้อมเรือของกลาง 3 ลำ มีน้ำมันเถื่อนของกลางเหลือรวมกันอยู่เพียง 18,000 ลิตร
สืบสวนขยายผล พบว่า นายสหชัย เป็นผู้สั่งการวางแผน นำเรือ 3 ลำ ซึ่งเป็นของนายสหชัยหลบหนี โดยตระเตรียมนำอุปกรณ์วิทยุสื่อสารและเครื่องมือนำทาง GPS ให้ไต๋เรือทั้ง 3 ลำไว้ เนื่องจากเครื่องเดิมถูกตำรวจยึดไป ขณะที่กลุ่มลูกเรือจัดเตรียมอาหารและน้ำดื่มเป็นเสบียงระหว่างหลบหนี กระทั่งถูกจับกุมได้ เมื่อ 17 มิ.ย.
จึงขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหา 3 คน คือ นายสหชัย นายสมเกียรติ และนายสำเริง แต่ผู้ต้องหาทั้งสาม หลบหนีไปต่างประเทศแล้ว
นอกจากนี้ ยังแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 2 คน คือ นางอนันตญา และนายนรินทร พร้อมจับกุม นายเจ๊ะดอเลาะ อายุ 46 ปี ในข้อหาครอบครองวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท
ตรวจค้นสถานที่ตามหมายค้น 13 จุด เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาซักถามปากคำ พร้อมตรวจยึดพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง รวมประมาณ 70 รายการ ส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. ดำเนินคดี
สอบถามปากคำผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
เตรียมขอหมายแดงตำรวจสากล ตามจับ เสี่ยโจ้
พล.ต.อ.ไกรบุญ ยังเรียกร้องให้เสี่ยโจ้ เข้ามามอบตัวต่อสู้คดี ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย หากเชื่อมั่นว่าตัวเองทำถูกและถูกกลั่นแกล้ง จะประสานขอหมายแดงไปยังตำรวจสากลเพื่อจับกุมเสี่ยโจ้ ต่อไปด้วย ยืนยันว่าไม่มีความกังวลใจ ที่จะดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ หรือประเด็นที่อัยการเคยท้วงติง ว่าการจับถุมเรือน้ำมันเถื่อน 5 ลำ ก่อนหน้านี้ ไม่สามารถทำได้ เพราะเรือไม่ได้อยู่ในราชอาณจักร เพราะตอนนี้ อัยการมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ยืนยันตำรวจมีอำนาจในการจับกุมแน่นอน
สำหรับเจ้าหน้าที่รัฐ ตอนนี้ยังไม่มีพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงถึง รวมถึง ‘หนุ่ม เมืองเพชร’ ซึ่ง บิ๊กเต่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.ออกมาระบุว่า เป็นคีย์แมนคนสำคัญที่กุมความลับของเสี่ยโจ้ ยังไม่มีพยานหลักฐาน ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการเรือหายในครั้งนี้ แต่หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง จะดำเนินคดีทั้งหมด ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน
ยังไม่พบเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง
ด้าน พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. คาดว่า กลุ่มผู้ต้องหาน่าจะยังหลบหนีอยู่ในแถบอาเซียนและอยู่ด้วยกัน จะเอาผิดทั้งขบวนการ ตั้งแต่ผู้สั่งการถึงลูกเรือ อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนสอบสวน ซักถาม และพยานหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด ยังไม่พบข้อมูลไปถึงเจ้าหน้าที่ แต่หากพบเกี่ยวข้องจะดำเนินการอย่างเต็มที่ สำหรับเรือทั้ง 3 ลำที่หายไป เป็นของนายสหชัย ส่วนอีก 2 ลำ เป็นของนายหนุ่ม แจ้งว่าป่วยโควิด ขอเลื่อนการเข้าพบพนักงานสอบสวน คาดว่าจะส่งสำนวนสอบสวนได้ภายในสัปดาห์หน้า
ผบช.ก. กล่าวด้วยว่า กรมศุลกากรประเมินราคาน้ำมันที่หายไป อยู่ที่ 9 ล้านบาท ส่วนค่าปรับกรณีจับกุมน้ำมันเถื่อนครั้งแรก 5 ลำ อยู่ที่ 36 ล้านบาท
เล็งออกหมายจับ สาวฝ่ายบัญชี เสี่ยโจ้ อีกคน
ส่วน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. กล่าวถึงการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ผู้ต้องหาอีก 2 คน ที่ จ.ปัตตานี คือ นางอนันตญา และนายนรินทร ในข้อหาเดียวกัน เนื่องจากเป็นฝ่ายบัญชีการเงิน มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นลูกน้องคนสนิทของเสี่ยโจ้และเป็นคนโอนเงินให้กลุ่มไต้ก๋งเรือทั้ง 3 ลำ
นอกจากนี้ ยังมีนางลดาวรรณ ฝ่ายบัญชีการเงิน ที่เป็นลูกน้องของเสี่ยโจ้ อีกคน หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วเช่นกัน จะได้ออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา ถ้าไม่มา ก็จะออกหมายจับต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: