กรุงเทพฯ – นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รับสนองพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 สัญญา จะรับผิดชอบหน้าที่ให้ดีที่สุด ทำให้ประเทศไทย เป็นประเทศแห่งโอกาสและความสุข ของคนไทยทุกคนอย่างเท่าเทียม วันที่ 18 สิงหาคม 2567 เวลา 09.29 น. ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อัญเชิญพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 เดินทางถึงที่ทำการพรรคเพื่อไทย กรุงเทพมหานคร สถานที่รับสนองพระบรมราชโองการฯ
ต่อมา เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อ่านพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ความว่า
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า โปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า ด้วยความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรค 1 อนุมาตรา 4 ประกอบมาตรา 160 อนุวมาตร 4 อนุมาตรา 5 และ ประธานสภาฯ ได้นำความ กราบบังคมทูลพระกรุณาว่า
สภาผู้แทนราษฎร ได้ลงมติ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ.2567 เห็นชอบด้วย ในการแต่งตั้ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
อาศัยอำนาจตามมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 16 สิงหาคม พุทธศักราช 2567 เป็นปีที่ 9 ในรัชกาลปัจจุบัน
ผู้รับสนองพระราชโองการ
วันมูหะมัดนอร์ มะทา
ประธานสภาผู้แทนราษฎร
จากนั้น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ถวายความเคารพ ถวายราชสักการะ ถวายบังคม 3 ครั้ง แล้วถวายความเคารพ พระบรมสาทิสลักษณ์ฯ
ต่อมา นายกรัฐมนตรี กล่าวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และสนองพระบรมราชโองการ ว่า
“เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งให้ดิฉัน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นับเป็นเกียรติยศและเป็นความภูมิใจสูงสุดแก่ชีวิต
ดิฉัน ครอบครัว และพรรคเพื่อไทย สํานึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นล้นพ้น ทั้งจะมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ด้วยความจงรักภักดี ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชน สนองพระราชปณิธานตามพระปฐมบรมราชโองการ และตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญทุกประการ
ดิฉัน ขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ที่ได้มอบความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ ให้ดิฉันได้มีโอกาสทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย
ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ ที่จะนำพาประเทศไทยเดินหน้า ฝ่าฟันทุกอุปสรรค แก้ไขปัญหาความเดือดร้อน แก้ไขปัญหาปากท้อง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน
3 ปีที่เหลือตามวาระของรัฐสภา ดิชั้นในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหาร จะขอทำหน้าที่ร่วมกับฝ่ายนิติบัญญัติด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง เปิดพื้นที่ในการรับฟังทุกความคิดเห็น เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยกันอย่างมั่นคง
พี่น้องประชาชนคนไทยที่รักทุกท่าน ภารกิจนี้ เป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ ไม่อาจสำเร็จได้ด้วยการทำงานของนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ดิฉันมีความมุ่งหวังที่จะประสานพลังของคนทุกรุ่น ประสานพลังของบุคคลที่มีความสามารถในประเทศไทยจากทุกภาคส่วน ทั้งคณะรัฐมนตรี พรรคร่วมรัฐบาล ข้าราชการ เอกชนและพี่น้องประชาชน
ดิฉัน จะส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพ ทักษะของคนไทยทุกคน และทำให้ทุกตารางนิ้วบนแผ่นดินไทย เป็นพื้นที่ให้คนไทยได้กล้าฝัน ได้กล้าสร้างสรรค์ และได้กล้าที่จะกำหนดอนาคตของตัวเองได้
ดิฉัน แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี จะรับผิดชอบหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด ทำให้ประเทศไทย เป็นประเทศแห่งโอกาส เป็นประเทศแห่งความสุข ของพี่น้องคนไทยทุกคนอย่างเท่าเทียม”
ทั้งนี้ หลังจากมีพระบรมราชโองการแต่งตั้ง นายกรัฐมนตรีแล้ว นายกฯจะต้องจัดตั้งคณะรัฐมนตรี และเมื่อเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ตรวจสอบคุณสมบัติรายชื่อ ครม.แล้ว จึงจะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ต่อไป
หลังจากนายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว จะต้องแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาภายใน 15 วัน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: