เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 มี.ค. ภาพเหตุการณ์ นายจรูญ บุหิรัญ นายอำเภอบุ่งคล้า นำทหารกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดบึงกาฬ เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ตำรวจ สภ.บุ่งคล้า แพทย์เวร รพ.บุ่งคล้า ตำรวจพิสูจน์หลักฐานบึงกาฬ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างศรีวิไลจุดบึงโขงหลง เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุหลังมีชาวบ้านไปหาของป่าพบซากศพคนตายอยู่ในป่าทึบภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 2 กิโลเมตร และอยู่เลยฐานพิทักษ์ป่าบ้านหนองบ่อลึกเข้าไปประมาณ 300 เมตร
เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่และชาวบ้านทั้งชายและหญิงกว่า 60 คนเดินเท้าเข้าไปยังจุดพบศพ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุห่างจากเขาภูวัวเพียง 300 เมตร เป็นใต้กอไผ่กลางป่าอยู่ติดกับหนองน้ำ พบซากศพเพศชาย กระจัดกระจายไปทั่ว เหลือเพียงกระดูกส่วนเอวลงไปที่ขาติดอยู่ภายในกางเกงยีนส์ ส่วนซี่โครงและกะโหลกศีรษะ กระดูกขา กระดูกแขน หมวก ร้องเท้ากระดูกเชิงกราน กระดูกสันหลัง กระดูกต้นคอ และชิ้นส่วนอื่นๆ ห่างกันราว 20 เมตร ทั้งหมดจำนวน 12 จุด
นอกจากนี้ยังพบรอยเท้าของช้างป่าจำนวนมาก เหยียบย่ำไปมา ที่ต้นไม้และก่อไผ่มีร่องรอยการเสียดสีและมีดินโคนติดอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ และเก็บชิ้นส่วนผู้ตาย นำออกมาตรวจสอบที่ฐานพิทักษ์ป่าบ้านหนองบ่อ หลังจากตรวจสอบแพทย์ระบุว่าเสียชีวิตมาแล้ว 1-2 เดือน ทราบชื่อว่านายวิชิต เพชรสมบัติ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 หมู่ที่ 2 ชาวบ้านหนองบ่อ ที่หายออกจากบ้านเข้าป่าไปตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.
จากการสอบสวนนายควรคิด เพชรสมบัติ อายุ 40 ปี ยืนยันว่าผู้ตายคือนายวิชิตพี่ชาย ที่หายตัวออกจากบ้านไป โดยมักจะเข้าป่าขึ้นเขาไปกับพระธุดงค์ หรือไม่ก็เดินทางขึ้นเขาลงเขาภูวัว นำอาหารไปถวายพระธุดงค์อยู่เป็นประจำ ช่วงที่หายตัวไปใหม่ๆ ก็ได้ออกตามหาและมาพบรถ จยย.จอดอยู่ทางเข้าป่าจุดพบศพ จึงนำกลับไปไว้ที่บ้าน ซึ่งคาดว่าระหว่างทางเดินอาจจะมาพบกับโคลงช้างป่าที่ลงมาหากินพอดี และอาจถูกช้างป่าทำร้ายจนถึงแก่ชีวิตก็เป็นได้
ส่วนที่ตัวเองเชื่อว่าเป็นศพของพี่ชายคือ กางเกงยีนส์ และโทรศัพท์ที่พบติดกับโครงกระดูก เพราะเป็นกางเกงยีนส์ของตัวเองที่พี่ชายยืมใส่และโทรศัพท์ก็ชาร์จให้ก่อนออกจากบ้านแล้วก็ไม่ได้พบกันอีกเลย
นายทวีป คำแพงเมือง หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า กรณีนี้ชาวบ้านเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ก่อน บางทีเข้าไปหาของป่า พวกหน่อไม้ เห็ดป่า บ้าง ก็ให้ระมัดระวังเรื่องช้างป่า หรือแม้กระทั่งอันตรายจากสัตว์ชนิดต่างๆ ซึ่ง จนท.เองก็ทำงานอย่างเข้มงวดตลอดเวลา ที่เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นมาถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัย เพราะช้างป่าจะลงมาหากินบริเวณตามแนวชายป่าทุกปี เพราะว่ามีบ่อน้ำ มีป่าไผ่ที่อุดมสมบูรณ์ เพราะช้างก็อยู่ในป่าตลอด
ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว มีช้างป่าอยู่เกือบ 50 ตัว ซึ่งข้อเท็จจริงกรณีนี้ชาวบ้านลือกันว่าถูกช้างทำร้ายนั้นเราไม่สามารถพิสูจน์ได้ อาจจะเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว หรือถูกสัตว์อื่นทำร้ายก็ได้ จากการสอบถามพ่อและน้องของผู้ตายไม่ติดใจในการเสียชีวิตในครั้งนี้ ซึ่งเบื้องต้นทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จะได้จัดการช่วยเหลือญาติผู้ตายในการจัดงานศพต่อไป
