รพ.สต.ป่าแดง เดินเชิงรุกป้องกันโควิดผู้ป่วยติดเตียง ร่วมกับ รพ.แพร่ให้บริการถึงบ้านหวั่นปีใหม่
บริการถึงบ้านหมายทำสถิติให้เข้าเป้าร้อยละ 70 เน้นระบบป้องกันโควิดช่วงเทศกาลปีใหม่ หวั่นระบาดจากลูกหลานกลับมาเยี่ยมบ้าน สสจ.แพร่ เต้นมาตรการดูแลตัวเองสำคัญที่สุด
เวลา 10.00 น.วันที่ 24 ธันวาคม ทีมแพทย์และพยาบาลจากโรงพยาบาลแพร่ ร่วมกับ รพ.สต.ป่าแดง ต.ป่าแดง อ.เมือง จ.แพร่ ทำการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเป็นการบริการในพื้นที่ โดยตั้งจุดฉีดวัคซีนแอสต้าเซนเนก้าเข็มที่ 1 จำนวน 130 คน ที่บริเวณหน้าที่ทำการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลป่าแดง นอกจากนั้นยังมีบริการฉีดวัคซีนให้กับผู้ป่วยติดเตียงที่ไม่สามารถออกมารับบริการได้ โดยส่งบุคลากรทางการแพทย์เข้าไปยังบ้านโดยตรงจำนวน 23 ราย เตรียมการรองรับการกลับคืนถิ่นของชาวแพร่เยี่ยมบ้าน หวั่นพาโควิดติดต่อญาติผู้ใหญ่ผู้สูงอายุผู้ป่วยติดเตียงในบ้าน จึงเร่งวางแผนป้องกันด้วยการเพิ่มปริมาณการฉีดวัคซีนให้มีประมาณมากขึ้น
นางพันธ์ทิพย์ อารินทร์ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ รพ.สต.ป่าแดง กล่าวว่า ในพื้นที่มีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ไปแล้วจำนวนร้อยละ 67.08 ซึ่งหลังการฉีดวัคซีนในวันนี้ ทำให้สถิติการฉีดวัคซีนในพื้นที่ตำบลป่าแดงได้ตามเป้าคือร้อยละ 70 เป็นไปตามความคาดหมาย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการป้องกันกลุ่มผู้ป่วยติดเตียงที่เป็นผู้สูงอายุ จะต้องผ่านช่วงเทศกาลปีใหม่ คนเหล่านี้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูงมากถ้ามีลูกหลานเดินทางมาจากจังหวัดต่างๆ เพื่อเยี่ยมเยียนในวันปีใหม่ การฉีดวัคซีนในวันนี้จะช่วยได้ระดับหนึ่งสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง อย่างไรก็ตาม รพ.สต.ป่าแดง ยังให้ความสำคัญกับการป้องกันโรคทีไม่ติดต่อเรื้อรัง โดยมีเจาะเลือด เพื่อหาระดับน้ำตาลสะสมย้อนหลัง 3 เดือน ติดตามค้นหาความเสี่ยงและอาการแทรกซ้อนจากโรคเดิม เช่น ดูภาวะการเสื่อมของไต ดูภาวะหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ ภาวะหลอดเลือดในสมองเพื่อป้องกันอัมพฤก อัมพาต และตรวจปัสสาวะดูการกรองของไต มีการตรวจตาเนื่องจากภาวะระดับน้ำตาลสูง อาจทำให้เลนส์ตาเสื่อม ตรวจเท้าเพื่อหาระดับความรู้สึกเส้นประสาทส่วนปลาย
เภสัชกรเด่น ปัญญานันท์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแพร่ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่สำคัญที่ต้องยังคงมาตรการเข้มในการป้องกันการระบาด หรือ เกิดคลัสเตอร์ใหม่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งคณะกรรมการควบคุมโรคระดับจังหวัดมีการผ่อนคลายไปบ้างแต่นักท่องเที่ยว และ ผู้ที่เดินทางกลับบ้านความมีความเคร่งครัดในการรักษาระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่ ไม่ไปมั่วสุมกับคนที่มาจากต่างถิ่น ควรเว้นระยะห่าง เพื่อไม่ให้โรคโควิด 19 เกิดระบาดขึ้นในจังหวัดแพร่ เหมือนสงกรานต์ที่ผ่านมา ซึ่งถ้าประชาชนให้ความร่วมมือ ปัญหาการระบาดจะอยู่ในสภาวะที่ควบคุมได้อย่างแน่นอน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: