พนักงานปั๊มน้ำมัน ประสบอุบัติเหตุ ญาติขอหมอทศฯช่วยเรื่องประกันสังคม แต่กลับนำเข้านำรูปผู้ป่วยและเรื่องราวไปโพสต์ในเฟซบุ๊กของตนเองจนมีคนบริจาคมากกว่า 300 รายช่วยน้องที่ประสบอุบัติเหตุยอดพุ่งใกล้ 100,000 บาท แต่เงินไม่ถึง
เวลา 9:00 น วันที่ 25 มีนาคม 2567 ครอบครัวของน้องชมพู่ น.ส.เกวรินทร์ สุรีย์ ผู้ป่วยจากอุบัติเหตุ คือนางสมทรง เทียมแสน อายุ 66 ปี ยายผู้ปกครองของผู้ป่วย เข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแพร่ กรณีที่ นายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ ส.ส.จังหวัดแพร่ พรรคเพื่อไทย นำภาพน้องชมพู่ผู้ป่วยจากอุบัติเหตุพร้อมทั้งเรื่องราวการเจ็บป่วยของน้องชมพู่ นำไปเผยแพร่ในเฟซบุ๊ก ชื่อนายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ ทำให้มีผู้สนใจเรื่องราวของน้องชมพู่ จนมีผู้ใจบุญบริจาคเงินช่วยเหลือน้องชมพู่โดยโอนเงินเข้าผ่านมูลนิธิปันบุญ ธนาคารกรุงไทย ตามกำลังจิตศรัทธาจากการติดตามการโพสต์ของนายแพทย์ทศพร พบว่ามีผู้บริจาคเข้ามาช่วยน้องชมพู่กว่า 300 ราย รวมเป็นเงินโดยประมาณ 50,000-60,000 บาท โดยประมาณ
ต่อมาญาติผู้ป่วยได้อ่านเฟซบุ๊กของนายแพทย์ทศพรจึงพบว่าการบริจาคเงินช่วยน้องชมพู่แต่มิได้ส่งมายังบ้านของผู้ป่วยทั้งๆ ที่ครอบครัวผู้ป่วยมีฐานะยากจน จำเป็นต้องใช้เงินในการดูแลรักษาในเบื้องต้นอย่างมาก ญาติของผู้ป่วยได้ติดตามทวงถามไปที่มูลนิธิปันบุญตั้งอยู่ในตัวเมืองแพร่ ก็ได้คำตอบว่าทางมูลนิธิไม่มีภารกิจในการช่วยเหลือผู้ป่วย ซึ่งนายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ ได้นำเงินไปมอบให้ 1,000 บาทในวันที่ไปพบผู้ป่วย จากนั้นก็เงียบหายไป เมื่อเป็นเช่นนี้แสดงว่าการโพสต์ขอความเห็นใจให้มีการบริจาคก็เหมือนกับนำเรื่องราวของผู้ป่วยโพสต์เพื่อหารายได้เข้ามูลนิธินั่นเอง เป็นวิธีการหารายได้โดยมิชอบ ผิดวัตถุประสงค์ของมูลนิธิอย่างชัดเจน และมิได้ขออนุญาตตามสิทธิของผู้ป่วยแต่อย่างใด
ในขณะที่น้องชมพู่หลังประสบอุบัติเหตุร่างกายท่อนล่างอ่อนแรงใช้งานไม่ได้ระบบสมองมีสติฟั่นเฟือนคุ้มคลั่ง ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 มีนาคม น้องชมพู่เกิดอาการคลุ้มคลั่งด้วยอาการทางสมองที่ได้รับกระทบกระเทือนอย่างหนัก ญาติน้องชมพู่ต้องขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองแพร่และหน่วยกู้ภัยนำน้องชมพู่ส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลแพร่ล่าสุดวันนี้ (25 มีนาคม) อาการน้องชมพู่ไม่ดีขึ้นกำลังรอการวินิจฉัยของแพทย์เฉพาะทางอาจต้องส่งไปดูแลที่โรงพยาบาลเกี่ยวกับประสาทต่อไป
หลังเข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแพร่นายธารณ์ ธรรมิกนนท์ ผอ.กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแพร่ ได้รับเรื่องโดยแบ่งประเด็นออกดังนี้ 1.การชดเชยเยียวยาผู้ประสบอุบัติเหตุจากการทำงานตามกฎหมายประกันสังคมขณะเกิดเหตุ หลังเกิดเหตุและถ้าผู้ป่วยถึงกับพิการจะดำเนินการตามขั้นตอนอย่างไรตามกฎหมายประกันสังคมซึ่งจะส่งหนังสือติดตามไปยังสำนักงานประกันสังคมจังหวัดแพร่เพื่อหาช่องทางช่วยเหลือโดยเร็ว 2.กรณีของนายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ และมูลนิธิปันบุญ ที่มีการรับบริจาคช่วยเหลือน้องชมพู่ได้ดำเนินการอย่างถูกต้องหรือไม่อย่างไรจะมีการสอบสวนหาข้อเท็จจริงเพื่อรายงานให้ผู้ร้องเรียนต่อไป
ทางด้านนายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “เรื่องนี้ผมไม่ได้เกี่ยวเป็นเรื่องของมูลนิธิ มูลนิธิเขาเข้าไปดูแลอยู่ ส่วนเรื่องราวของน้องชมพู่ที่ลงในเฟซบุ๊กผม เป็นเรื่องเล่า ผมเล่าเวลาไปพบใครต่อใครซึ่งในเฟซบุ๊กไม่ได้ระบุว่าเป็นใครที่ไหนอย่างไรในเฟซบุ๊กผมไม่ได้ระบุเลยว่าเป็นใครอยู่ที่ไหน ทางมูลนิธิถ้ามีใครแจ้งเข้าไปขอความช่วยเหลือก็จะทยอยช่วยไปเรื่อยๆ เรื่องส่งศพ รถขนศพหรือให้สตางค์ปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่องไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น ทางผู้ป่วยได้ขอความช่วยเหลือทางด้านการเยียวยา ช่วยเจรจากับบริษัทที่ผู้ป่วยทำงานอยู่ไม่ได้ขอความช่วยเหลือด้านอื่นๆ อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้มีผู้บริจาคให้กับน้องชมพู่ผ่านมูลนิธิปันบุญ จังหวัดแพร่ ซึ่งทางมูลนิธิได้ยืนยันกับญาติผู้ป่วยว่าเงินบริจาคมิได้มีวัตถุประสงค์การนำมาให้กับผู้ป่วยแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามการโพสต์ในเฟซบุ๊กของนายแพทย์ทศพรได้โพสต์อาการป่วยรวมทั้งใบหน้าของผู้ป่วยอย่างชัดเจนถึงจะมีการเบลอภาพแต่ก็จำได้ต่อเมื่อมีการทักท้วงจึงมีการขยายภาพผู้ป่วยให้ใหญ่ขึ้นจนไม่เห็นใบหน้าในรูปภาพเดิม
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: