เวลา 11.00 น.วันที่ 27 กันยายน 2567 นายวิเชียร สมฤทธิ์ นายก องค์การบริหารส่วนตำบลนาพูน ประธานป่าชุมชนบ้านเปาปม-ดงยาง นายนิเวศน์ จินดาสถาน รองนายก อบต.นาพูน นายศิริชัย โตสุวรรณ รองประธานป่าชุมชนบ้านเปาปม-ดงยาง นายอุทัย กาศวิเศษ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.นาพูน อ.วังชิ้น จ.แพร่ เข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าสาธารณะของหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 101 เด่นชัย –ศรีสัชนาลัย พบมีการลักลอบตัดต้นสักขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นต้นไม้อนุรักษ์ของชุมชน พบร่องรอยมีการตัดและใช้เครื่องจักรชักลากออกจากพื้นที่ จากการสอบถามชาวบ้านมีรถกระบะคันสีฟ้า ไม่ทราบทะเบียนเข้ามาตัดไม้ในคืนวันที่ 24 กันยายนและสามารถนำออกไปได้ในช่วงเวลา 05.00 น.ของวันที่ 25 กันยายน เนื่องจากไม้ขนาดใหญ่และมีฝนตกหนักทำให้ไม่สามารถลำเลียงออกได้โดยสะดวก มีร่องรอยรถแทรกเตอร์เข้ามาชักลากออกมาบริเวณฌาปนสถานบ้านเปาปม-ดงยาง
เวลา 11.30 น. นายวิเชียร สมฤทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาพูน ได้เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.ท.พิตตินันท์ คำศรีวาท พนักงานสอบสวนเวร สภ.นาพูน เพื่อสืบสวนหาคนร้ายมาดำเนินคดี โดยนายวิเชียร กล่าวว่า พฤติกรรมของคนร้าย ใช้ช่วงจังหวะที่กรรมการหมู่บ้านเปาปม – ดงยาง ไม่อยู่เดินทางไปรับรางวัลอนุรักษ์ป่าไม้ดีเด่นระดับประเทศที่ กทม. คือรางวัล “คนรักป่า ป่ารักชุมชน”ประจำปี 2567 เป็นถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระกษิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งร่องรอยการตัดไม่มีการย่อยไม้ออกเป็นท่อนสั้นๆ คาดว่า กลุ่มตัดไม้กลุ่มนี้น่าจะเป็นพ่อค้าไม้ที่นำไปขายเพื่อสร้างบ้าน ถือเป็นการกระทำที่อุกอาจเข้าตัดไม้ที่ชาวบ้านร่วมกันอนุรักษ์ไว้เป็นสมบัติของชาติ
นายนิเวศน์ จินดาสถาน รองนายกกล่าวว่า ไม้สักต้นดังกล่าวมีความใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางราว 1 เมตร มีความสูงมากกว่า 20 เมตร เมื่อนำไปจำหน่ายจะมีราคาไม่น้อยกว่า 70,000 บาท การชักลากไม้ทำด้วยความลำบากเนื่องจากมีฝนตกหนักทำให้เห็นร่องรอยรถติดหล่ม จึงว่าจ้างรถกไถเข้ามาช่วยในการชักลากไปยังทางหลวง บนทางหลวงนั้นมีด่านตำรวจดงยาง สภ.นาพูน สกัดอยู่ แต่กลุ่มตัดไม้ก็ผ่านไปได้ เรื่องนี้จะมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.นาพูนเป็นผู้ทำหน้าที่หาคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
นายศิริชัย โตสุวรรณ รองประธานป่าชุมชนบ้านเปาปม –ดงยาง กล่าวว่า ชาวบ้านช่วยกันอนุรักษ์มานานบริเวณดังกล่าวถือเป็นป่าดั้งเดิมต้นไม้มีขนาดใหญ่และสูงสวยงามมีระบบนิเวศที่ดี ในพื้นที่ 5 ไร่ ส่วนหนึ่งใช้เป็นฌาปนสถาน(ที่เผาศพประจำหมู่บ้าน) ชาวบ้านมีสำนึกในการอนุรักษ์ป่าช่วยกันดูแลป่าชุมชนและป่าต้นน้ำมาเป็นอย่างดีจนกรมป่าไม้ให้ความสำคัญส่งเข้าประกวดหมู่บ้านอนุรักษ์ป่า ไม่คิดว่าจะมีคนร้ายเหยียบย่ำใจกันขนาดนี้
