ขณะโลกร้อนเพราะขาดต้นไม้ ยังมีมือดีลอบตัดไม้อนุรักษ์ของชุมชนเป็นว่าเล่นใน จ.แพร่ ท้าทายผู้รับผิดชอบอิทธิพลใหญ่ไม่เถื่อนยังมีอยู่ ตัดไม้ริมทางไม่หยุดไม่สนสภาวะโลกร้อน พนักงานสอบสวนนาพูนพบกล้องวงจรปิดรถลำเลียงท่อนซุงไม้สักที่ถูกตัดผ่านด่านดงยางเฉยอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย ผู้ตัองสงสัยเข้ารายงานตัวพนักงานสอบสวน ขณะชาวบ้านพบบัตรประชาชนตกอยู่ในที่เกิดเหตุ
หลังจากเหตุการณ์ลักลอบตัดไม้สักขนาดใหญ่ที่ชาวบ้านร่วมกันอนุรักษ์ในพื้นที่สาธารณะของตำบลนาพูน อ.วังชิ้น จ.แพร่ นายวิเชียร สมฤทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาพูน ได้เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.ท.พิตตินันท์ คำศรีวาท พนักงานสอบสวนเวร สภ.นาพูน เพื่อสืบสวนหาคนร้ายมาดำเนินคดี เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา
ล่าสุด พนักงานสอบสวน สภ.นาพูน ได้เข้าตรวจกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ที่ด่านตรวจยาเสพติด จุดสกัดด่านดงยาง หมู่ 7 ต.นาพูน อ.วังชิ้น จ.แพร่ ทางหลวงหมายเลข 101 พบภาพรถต้องสงสัยคือ รถหกล้อบรรทุกไม้สีฟ้า 1 คัน วิ่งผ่านด่านเมื่อเวลา 05.58.32 น. รถไถสีส้ม 1 คันวิ่งผ่านด่านเมื่อเวลา 05.58.54 น.ของวันที่ 25 กันยายน 2567 ซึ่งขณะที่พนักงานสอบสวน สภ.นาพูน กำลังสอบพยานเพิ่มเติมคือชาวบ้านผู้พบเหตุเหตุการณ์การลำเลียงไม้สักออกจากจุดตัดไม้ ส่วนหลักฐานของรถนั้น กล้องวงจรปิดได้บันทึกเลขทะเบียนไว้หมดแล้ว กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
เวลา 15.00 น. วันที่ 28 กันยายน ชาวบ้านได้แจ้งว่า พบบัตรประชาชนของนายวันชัย พันธ์สำโรง ที่อยู่ตามบัตรประชาชน 368 หมู่ 1 ต.แก้ง อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี ตกอยู่ในที่เกิดเหตุบริเวณที่มีการตัดไม้สักยักษ์ ทำให้ร.ต.ท.พิตตินันท์ คำศรีวาท พนักงานสอบสวนเวร สภ.นาพูน ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุเพื่อทำการสอบสวนเพิ่มเติม และทำการอายัดบัตรประชาชนดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานเพื่อทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป
ในขณะเดียวกัน นายวันชัย พันธ์สำโรง เจ้าของบัตรเดินทางมาที่เกิดเหตุเพื่อขอบัตรประชาชนคืน โดยอ้างว่าทำตกใหม่หลังทราบข่าวว่า มีการตัดไม้จึงเข้ามาดูจึงทำให้บัตรตก นายวันชัยกล่าวด้วยว่า ตนเป็นเจ้าของรถบรรทุกสีฟ้าที่มีเครนอยู่ด้านหลังและบรรทุกไม้ที่ปรากฎอยู่ในกล้องวงจรปิดของตำรวจ ซึ่งได้ไปแสดงตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.นาพูนแล้ว ไม้ที่อยู่หลังรถบรรทุกของตนเป็นไม้แห้งนำมาจากสวนทุเรียนก่อนเข้าด่าน สวนทุเรียนทางเข้าอยู่ติดกับ “ดงยางโฮมสเตย์” บ้านดงยาง ก่อนผ่านด่านเล็กน้อย เมื่อนำไม้บรรทุกรถออกลำเลียงไปบ้านที่บ้านบ่อแก้ว ต.ไทรย้อย อ.เด่นชัย จ.แพร่ จึงผ่านด่านตำรวจจึงปรากฏในกล้องวงจรปิด เจ้าของ “ดงยางโฮมสเตย์”เป็นพยานได้ มีหลักฐานการตัดอยู่ที่สวนทุเรียน
นายศิริชัย โตสุวรรณ รองประธานป่าชุมชนบ้านเปาปม- ดงยาง และเป็นกรรมการดูแลพื้นที่สาธารณะที่อนุรักษ์เป็นป่าดั้งเดิมและฌาปนสถานของหมู่บ้านบริเวณที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ชุมชนได้รับถ้วยรางวัล “คนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน”ระดับประเทศเป็นถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระกษิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี วันที่ไปรับรางวัล 24 กันยายน คืนนั้นก็มีการลักลอบตัดกัน. อย่างนี้ชาวบ้านยอมไม่ได้ ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ได้ออกมาเป็นพยาน แต่ขณะนี้ต้องปกปิดตัวพยานเนื่องจากเกรงอันตรายต่อชาวบ้าน ข้อความหนึ่งของพยานนั้นเห็นรถก่อเหตุ เป็นรถกระบะ6 ล้อสีฟ้ามีเครนยก และรถไถสีส้ม เดินทางออกจากจุดเกิดเหตุไปบนถนนสาย 101 ห่างจากจุดเกิดเหตุ 100 เมตร ในเวลาก่อนผ่านกล้องวงจรปิดของด่านตำรวจ ส่วนผู้ที่พบบัตรประชาชนของผู้ต้องสงสัยตกอยู่ในที่เกิดเหตุเตรียมไปให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน
นายศิริชัย กล่าวต่อว่า เป็นที่น่าสังเกตว่ามีการแจ้งความไปแล้ว แต่พนักงานสอบสวนมิได้มาดูที่เกิดเหตุ แม้วันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีมาดูและเก็บบัตรประชาชนก็มิได้มาตรวจสอบจุดที่ถูกตัดไม้แต่อย่างใด ร่องรอยรถไถ ร่องรอยเครน และการชักลากไม้ ที่สามารถเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ได้แต่พนักงานสอบสวนไม่ให้ความสำคัญจุดเกิดเหตุแต่อย่างใด
แหล่งข่าวกล่าวว่า ไม้สักท่อนดังกล่าวถูกนำไปเก็บซุกซ่อนไม่นำเข้าไปยังโรงงานแปรรูปไม้แต่อย่างใด เมื่อเรื่องเงียบก็จะนำออกมาแปรรูปเป็นเฟอร์นิเจอร์รากไม้ที่จำหน่ายอยู่ในเขตอำเภอเด่นชัย ก่อนหน้านี้มีการตัดอยู่เป็นประจำโดยที่ผู้นำหมู่บ้านทราบดีแต่ไม่มีใครกล้าแจ้งเบาะแสเนื่องจากอิทธิพลทางการเงิน โดยเฉพาะไม้สักที่ถูกตัดในป่าชุมชนบ้านดงยางที่มีการลักลอบตัดไปกว่า 30 ต้น และ ไม้ริมทางหลวงหมายเลข 101 ตรงเขตติดต่อ ตำบลไทรย้อย อำเภอเด่นชัย- ตำบลนาพูน อำเภอวังชิ้น ห่างจาก ศาลาคะชา ไปทางอำเภอวังชิ้นราว 20 เมตร มีการตัดไม้มีค่าสองข้างทางหลวงหมายเลข 101 อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย
แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า กลุ่มผู้ตัดไม้ในบริเวณบ้านบ่อแก้ว ต.ไทรย้อย อ.เด่นชัย มีอยู่ประมาณ 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งเป็นอดีตสีกากี มีการทำไม้ชักรากไม้จากป่า มีโรงงานแปรรูป โรงงานสิ่งประดิษฐ์และโรงค้า สวมเอกสารเป็นไม้ถูกต้อง ปัจจุบันมีอิทธิพลมากเพราะมีเงิน จ่ายให้กับหน่วยงานที่รับผิดชอบอย่างถ้วนหน้า อีกกลุ่มเป็นกลุ่มทำไม้จากภาคอีสาน นำไม้จากป่าเข้าสู่การแปรรูป ทำสิ่งประดิษฐ์ และมีโรงค้าเป็นของตนเอง โดยทั้งสองกลุ่มอ้างว่า ทำไม้ที่ไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบมิได้เข้าตรวจสอบใดใด
นายวิเชียร สมฤทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาพูน ในฐานะประธานป่าชุมชนบ้านเปาปม-ดงยาง กล่าวว่าเริ่มมีกลิ่นอิทธิพลเข้ามาข่มขู่ชาวบ้านผู้นำหมู่บ้าน ในขณะที่พนักงานสอบสวนไม่ให้ความสำคัญต่อการทำคดีทั้งๆ ที่ประเทศกำลังวิกฤตด้วยภัยพิบัติ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ปล่อยให้มีการตัดไม้ข้างทางเข้าโรงงานโดยมีการนำไปสวมใบอนุญาต อยากวิงวอนผู้เกี่ยวข้องช่วยกันแก้ปัญหาอย่าเห็นแก่อามิจเล็กๆ น้อยๆ นายวิเชียรกล่าว/
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: