เวลา09.00น.วันที่ 23 มกราคม นายสัมฤทธิ์ สวามิภักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานเวทีประชาพิจารณ์สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนเร่งรัดขยายเส้นทางหลวงหมายเลข 101 ซึ่งเป็นสายประธานเชื่อมกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง จาก ต.ห้วยโรง อ.ร้องกวาง จ.แพร่ ต.อ่ายนาไลย อ.เวียงสา จ.น่าน ระยะทาง 16.15 กิโลเมตร ปรับปรุ่งจากสองช่องทางจราจรเป็น 4ช่องทางจราจร การประชาพิจารณ์ดังกล่าวจัดขึ้นที่อาคารเอนกประสงค์ หมู่ 11 บ้านห้วยน้ำอุ่น ต.อ่ายนาไลย อ.เวียงสา จ.น่าน มีประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ต.ห้วยโรง อ.ร้องกวาง จ.แพร่ จำนวน 3 หมู่บ้าน ต.อ่ายนาไลย อ.เวียงสา จ.น่าน จำนวน 5 หมู่บ้านรวม 1,000 คน
ผลของการทำประชาพิจารณ์ ชาวบ้านห่วงเรื่องการเวนคืนที่ทำกิน ที่อยู่อาศัย การเปิดช่องกลับรถ การสร้างทางคู่ขนานช่วงผ่านหมู่บ้าน ส่วนใหญ่ชาวบ้านต้องการให้ดำเนินการก่อสร้างสี่ช่องทางจราจรเพื่อเปิดจังหวัดน่านให้สามารถเดินทางได้สะดวกและเป็นการลดอุบัติเหตุเนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นเส้นทางบนภูเขา
ข่าวน่าสนใจ:
- บุรีรัมย์ เตือนวัยรุ่นอย่าทำ ขับรถหวาดเสียว ยกล้อโชว์ จับส่งศาล ศาลพิพากษาสั่งปรับและจำคุก
- กาญจนบุรี พิธีตักบาตรพระ 10,000 รูป ฉลองตั้งเมือง 193 ปี พร้อมอุทิศส่วนกุศลแด่บรรพบุรุษผู้มีพระคุณต่อประเทศชาติ
- ระทึก เพลิงไหม้บ้าน 2 ชั้นวอดทั้งหลัง น้องแมว 7 ชีวิต รอดตายหวุดหวิด โดย 3 ตัวโดนไฟลวกบาดเจ็บ
- ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิขานรับนโยบายกระทรวงคมนาคม พร้อมอำนวยความสะดวกผู้โดยสาร ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568
นายสัมฤทธิ์ สวามิภักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวว่า เส้นทางดังกล่าวเชื่อมจากจังหวัดแพร่ไปน่านเป็นเส้นทางหลักสายเดียว ที่ผ่านมามีสถิติอุบัติเหตุสูงมากปีหนึ่งเสียชีวิต เป็น 100 ราย การขยายเส้นทางจึงต้องมองที่ความปลอดภัย อย่างไรก็ตามการขยายเส้นทางสายนี้ไม่เพียงสร้างความสะดวกสบายให้กับชาวน่านมากขึ้นเท่านั้นแต่ยังเป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างประเทศอาเซี่ยนโดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการคมนาคม การขนส่งสินค้า การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในกลุ่มประเทศอาเซี่ยน ถ้าเส้นทางดังกล่าวสำเร็จจะต่อเชื่อมการท่องเที่ยวการค้าขายได้อย่างเสรีในอนาคต จะเป็นประโยชน์ในการเชื่อมประเทศจีน ลาว เวียดนามและไทย ได้อย่างสะดวกสบายมาก
นายมงคล ปิ่นสกุล นายช่างโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 101 กล่าวว่า โครงการสร้างทางสี่ช่องทางจราจรสาย 101 มีการสำรวจสิ่งแวดล้อมผ่านไปแล้วโดยการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ซึ่งการทำประชาพิจารณ์ผ่านไปแล้วจะมีการจัดการปัญหาของชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ในการหาแนวทางช่วยเหลือร่วมกันตามกฏหมายเวนคืนอย่างเป็นธรรม ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการสำรวจเพื่อประเมินงบประมาณในการชดเชยเยียวยาต่อไป
อมรา วงค์ยะ 4/3หมู่3 ต.ห้วยโรง อ.ร้องกวาง จ.แพร่ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับการสร้างทางแต่หวั่นว่า เส้นทางจะตัดผ่านไร่ข้าวโพดของตนเองซึ่งไม่มีเอกสารสิทธิ์กลัวไม่ได้ค่าชดเชย อยากให้ทางการเห็นใจชาวบ้านในการช่วยเหลือถ้าพื้นที่ทำกินถูกถนนตัดผ่าน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: