ส.ส.อนาคตใหม่ แพร่ลงพื้นที่เก็บปัญหาประชาชนสู่การแก้ไข สร้างฐานใหม่การเมืองแพร่
ลงเก็บข้อมูลพื้นที่ทับซ้อน เด่นชัย –สูงเม่น ส่งผลถึงการปกครองท้องถิ่นงบประมาณการช่วยเหลือไปไม่ถึง เลขาตั้ม ส.ส.ใหม่ไม่รอช้าลงทำงานแก้ปัญหาให้ชาวบ้านสวนทางการเมืองระอุส่วนกลาง
เวลา 08.00 น.วันที่ 14 มิถุนายน นายกฤติดนัย สันแก้ว ส.ส.แพร่ พรรคอนาคตใหม่ เป็นส.ส.ใหม่ป้ายแดงของจังหวัดแพร่ พร้อมทีมงานลงพื้นที่พบแกนนำประชาชนใน ต.หัวฝาย อ.สูงเม่น จ.แพร่ ที่ศาลเจ้าพ่อพิชัย เจ้าแม่ถึงหมู่ 6 ต.หัวฝาย ปากทางเข้าอ่างเก็บน้ำแม่มาน โดยมีนายสมชาย แสนหาญแกนนำแก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อน นางอำพร หมูนิล ผช.ผู้ใหญ่บ้าน 6 นางพิสมัย สบายวงศ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 นายชัยสิน สีเหลือง แกนนำชาวบ้าน ต.น้ำชำ นายศักดา รอบโลก ผู้แทนสภาเกษตรกร อ.สูงเม่นและชาวบ้านอีกจำนวน 15 คน เพื่อขอดูหลักฐานและแนวทางแก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนระหว่างต.หัวฝาย อ.สูงเม่น กับ ต.แม่จั๊วะ อ.เด่นชัย ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงแนวเขตเพื่อเพิ่มจำนวนประชากรในการตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในอดีต ทำให้ที่อยู่ของโฉนดและบ้านเลขที่ไม่ตรงกับเขตพื้นที่ปกครองจริง เกิดปัญหาทำธุรกรรม การติดต่อหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐกับเอกชนทำได้ยาก และที่สำคัญองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้ง ต.หัวฝาย และ ต.แม่จัวะ ไม่กล้า ที่จะใช้งบประมาณเข้าไปพัฒนาในพื้นที่ทับซ้อน เนื่องจากต้องตอบปัญหากับ สตง.ที่ยุ่งยามมาก
นายกฤติดนัย สันแก้ว ส.ส.แพร่ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะไม่มีการพูดคุยกันมาก่อนระหว่างอำนาจรัฐกับประชาชนในท้องถิ่น มีการขยับเขตเพื่อให้ประชากรเพียงพอในการตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อบต.และเทศบาลในอดีต ในขณะที่ชาวบ้านเจ้าของพื้นที่ไม่เห็นด้วยและต้องการกลับไปอยู่ในแนวเขตเดิม ซึ่งแนวเขตเดิมกระทรวงมหาดไทยใช้ลำห้วย “จำผักหละ”จากภูเขาภูพยาพ่อไปยังแม่น้ำยมเป็นตัวกำหนด แต่แนวใหม่เขตท้องถิ่นของ ต.แม่จั๊วะ อ.เด่นชัย ขยับเข้ามาในเขต ต.หัวฝาย อ.สูงเม่น จ.แพร่ ในถนนเข้าอ่างเก็บน้ำแม่มานเป็นแนวเขต ประชาชนนับ 100 รายอยู่ในพื้นที่ทับซ้อน เกิดปัญหาจากการพัฒนาเข้าไม่ถึง สาเหตุสำคัญน่าจะมาจากการไม่ได้ทำประชาคมมาก่อน ทำให้ชาวบ้านไม่ยินยอม เหตุการณ์เกิดมานานสมัยตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ความจริงแล้วถ้าจะกลับไปที่แนวเขตเดิม ก็เปลี่ยนประกาศกระทรวงมหาดไทยใหม่เท่านั้นไม่ต้องแก้ไขอะไร แต่ถ้าจะใช้แนวเขตใหม่ปัญหาคือทางราชการต้องแก้หลายเรื่อง ตั้งแต่ที่ตั้งโฉนดของทุกแปลง บ้านเลขที่ทุกบ้านทำทะเบียนบ้านใหม่หมดแต่ทุกวันนี้ปล่อยค้างมานานกว่า 10 ปี สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในกฤติดนัย กล่าวว่า เรื่องนี้จะนำปัญหาเข้าหารือกับนายพงษ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ เสียก่อนเพื่อให้เห็นปัญหาและแนวทางแก้ร่วมกันจากนั้นคงเป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยที่จะเร่งจัดการตามชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมต้องการและจากการประกาศเจตนารมย์ของชุมชนดั้งเดิมที่ต้องการอยู่ตามโฉนดเดิม แต่ถ้ายังไม่เร่งดำเนินการจะรวบรวมเรื่องนี้ไปสู่การแก้ไขเชิงนโยบาย โดยจะนำเข้าสภาผู้แทนราษฎรเพื่อหารือระดับประเทศต่อไป
