สัญญาปากเปล่า ซึ่งที่ดินจัดสรรสัญญาน้ำไฟถนนพร้อม ซื้อที่ดินแล้วจัดการสร้างบ้านให้ สร้างเสร็จจึงรู้ว่าไฟฟ้าไม่มีใช้พ่วงจากบ้านเจ้าของโครงการให้ไปขอขยายเขตเองต้องใช้เงินนับแสน เกิดการถกเถียงไม่พอใจใช้อิทธิพลปิดถนน ร้องศูนย์ดำรงธรรมช่วยขอสิทธิ์คืน
การตัดสินใจหาซื้อที่ดินสร้างบ้านถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ของแต่ละครอบครัว และถ้าตัดสินใจไปแล้วการแก้ไขกลับคืนเป็นเรื่องยาก นายพิทักษ์ชัย รักสุข อายุ 57 ปี ชาวบ้านในบ้านทุ่งน้ำใส ต.นาจักร อ.เมือง จ.แพร่ เดิมเป็นชาวสิงบุรีเดินทางมาตั้งรกรากที่จังหวัดแพร่ ตั้งแต่ปี 2559 นายพิทักษ์ชัย ได้ตกลงซื้อที่ดินจัดสรร จำนวน 1.ไร่ เป็นโครงการจัดสรรในชุมชนเพื่อสร้างบ้านเมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2562 ด้วยราคา 500,000 บาทซื้อที่ดินจาก ร.ต.อ.สีหราช สุคันธมาลา รอง สวป. สภ.ห้วยม้า อ.เมืองแพร่ โดยมีข้อตกลงการซื้อที่ดินสร้างบ้านผู้จัดสรรสัญญาว่าที่ดินทุกแปลงมีไฟฟ้าและถนนผ่านสะดวกสบาย พร้อมกับหาผู้รับเหมาสร้างบ้านให้ด้วย บ้านของนายพิทักษ์ชัยสร้างด้วยราคา 320,000 บาท แต่การสร้างบ้านบานปลายไปถึง 470,000 บาท บ้านสร้างเสร็จในช่วงต้นเดือนมิถุนายนนี้ เมื่อเดินไฟฟ้าเข้าบ้านจึงทราบว่า ในโครงการจัดสรรไม่ได้ขยายเขตไฟฟ้าตามที่พูดกัน ทำให้มีการต่อว่ากับผู้ขาย ต่อมา ร.ต.อ.สีหราช ขึ้นป้ายถนนส่วนบุคคลห้ามผ่าน ทำให้นายพิทักษ์ชัยกลายเป็นผู้เดือดร้อนเข้าออกบ้านของตนเองไม่ได้ จึงนำหลักฐานการซื้อขายและหนังสือร้องเรียนเข้าไปที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแพร่ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อขอความเป็นธรรมหลังเจ้าของโครงการจัดสรรที่ดิน ติดป้ายห้ามผ่านถนนเข้าหมู่บ้าน นอกจากนั้นนายพิทักษ์ชัย ยังได้ร้องเรียนขอความเป็นธรรมไปที่ สำนักนายกรัฐมนตรี และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกด้วย
นายโชคดี อมรวิวัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ในฐานะดูแลศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแพร่ ได้ทำหนังสือถึงนายพิทักษ์ชัยว่า ทางจังหวัดแพร่ได้รับเรื่องร้องขอความเป็นธรรมไว้แล้ว และกำลังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการให้เกิดความเป็นธรรมในกรณีจัดสรรที่ดิน โดยได้สั่งการให้ตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริงในฐานะผู้ขายที่ดินเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ และให้นายอำเภอเมืองแพร่ เร่งดำเนินการ ซึ่งจะมีการไกล่เกลี่ยปัญหาดังกล่าวในวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ ที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองแพร่ ซึ่งได้ทำการเชิญ ร.ต.อ.สีหราช สุคันธมาลา และผู้ที่ซื้อที่ดินจัดสรรมาหาข้อยุติสร้างความเป็นธรรมให้กับทุกฝ่ายก่อนที่จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
การจัดสรรที่ดินมีกฎหมายรองรับและคุ้มครองทั้งผู้จัดสรรและผู้ซื้อ ป้องกันการหลอกลวง อยู่แล้ว แต่พบว่าในช่วงที่เมืองแพร่กำลังขยายเมืองออกไป มีการจัดสรรที่ดินในช่วงชานเมืองมากขึ้น แต่การจัดสรรที่ดินส่วนใหญ่ไม่ดำเนินการตามกฎหมาย ทำให้ผู้ที่ต้องการมีที่ดินมีบ้าน ตกเป็นเหยื่อของการซื้อขายไม่ผ่านการควบคุมของกฎหมาย ซึ่งมีหลายฝ่ายในจังหวัดแพร่ มีข้อเสนอให้จังหวัดแพร่ เร่งรัดในการควบคุมการจัดสรรที่ดินและบ้านจัดสรร ให้เป็นไปตามกฎหมาย เพื่อการอยู่อาศัยของประชาชนผ่านการควบคุมของกฎหมายอย่างเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
