แพร่วางฐานผู้สนใจสร้างภาคีเครือข่าย ฯ รวมตัวร่วมเข้าชื่อพัฒนากฎหมาย “กัญชา”
กระแสการใช้กัญชาเป็นยาบำบัดโรค กำลังได้รับความสนใจในสังคมไทยและทั่วโลก โดยเฉพาะโรคที่เป็นปัญหามากคือ มะเร็ง ในจังหวัดแพร่ มีประชาชนให้ความสนใจที่จะใช้กัญชาเป็นยารักษาโรค สังเกตได้จากการเปิดนิรโทษกรรมผู้ที่ใช้กัญชารักษาโรค โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพร่ที่ผ่านมามีประชาชนไปเข้าคิวขอจดทะเบียนนิรโทษกรรมการครอบครองกัญชาจำนวนนับ 1,000 คน
ล่าสุดกลุ่มที่สนใจกัญชาในจังหวัดแพร่ ได้รวมตัวกันเพื่อพัฒนา ยกระดับองค์กรและการใช้กัญชาให้ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อสร้างรายได้และเป็นยาบำบัดให้กับผู้ป่วย รวมตัวกันเป็นเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนพัฒนาสมุนไพรครบวงจรจังหวัดแพร่ เพื่อรองรับการปลูกกัญชาทางการแพทย์ตามกฎหมาย โดยจะมีเวทีเสวนา “กัญชากับวิถีไท” ขึ้นที่หอประชุม อบจ.แพร่ บ้านกอเปา ต.ทุ่งโฮ้ง อ.เมือง จ.แพร่ ขึ้นในเวลา 09.00 น.วันที่ 31 สิงหาคมนี้ กลุ่มดังกล่าวนำโดยนายรักเกียรติ สารทอง ประธานเครือข่ายสภาวิสาหกิจชุมชนพัฒนาสมุนไพรครบวงจร จังหวัดแพร่ ได้นำนักวิชาการและเชื่อมโยงกลุ่มสนใจกัญชาในระดับประเทศ อาทิ สมาคมแพทย์อาชีรเวชศาสตร์และสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย สมาคมดีเลชั่นแห่งประเทศไทย สมาคมพิทักษ์สิทธิข้าราชการ สถาบันวิจัยภูพาน และ วิสาหกิจชุมชนพัฒนาสมุนไพรครบวงจรแห่งประเทศไทย
นายรักเกียรติ สารทอง กล่าวว่า เวทีเสวนา “กัญชากับวิถีไท” ครั้งนี้ ที่จังหวัดแพร่ มุ่งเน้นให้ประชาชนได้รับความรู้และความเข้าใจเรื่อง กัญชาทางการแพทย์ กฎหมายที่เกี่ยวข้องและร่วม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้คุณ แผนปฏิบัติงานปลูกกัญชาต้นแบบเพื่อสนับสนุนงานวิจัยทางการแพทย์ รวมไปถึงแนวโน้มการพัฒนากัญชาตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และ ปลายน้ำด้วยเทคโนโลยีมาตรฐานสากล มีการแลกเปลี่ยนตำรับยาสมุนไพรตามวิถีพื้นบ้านที่มีกัญชาเป็นส่วนผสม รวมไปถึงช่องทางโอกาสที่ประชาชนจะเข้าถึงการใช้กัญชาหรือทำการเกษตรคือปลูกกัญชาตามกฎหมายได้อย่างไร แนวทางการเข้าถึงเช่น การจัดแจ้งวิสาหกิจเพื่อรองรับการปลูกกัญชาทำอย่างไร สิ่งที่สำคัญในงานเสวนาครั้งนี้ คือการ เข้าชื่อ ภาคประชาชนร่วมเสนอกฎหมายว่าด้วยการใช้กัญชาที่ต้องถอดกัญชา และ กระท่อม ออกจากพืชเสพติดมาเป็นสมุนไพรทางยา ร่าง พ.ร.บ.สำนักงานพืชเศรษฐกิจแห่งชาติ. ดังนั้นผู้เข้าร่วมต้องเตรียมความพร้อมในการร่วมเสนอร่างกฎหมายภาคประชาชน โดยขอให้ผู้สนใจเตรียมสำเนาบัตรประชาชนและ สำเนาทะเบียนบ้านมาให้พร้อมเพื่อจะได้ดำเนินการเสนอร่างกฎหมายภาคประชาชนได้อย่างรวดเร็ว นายรักเกียรติกล่าว
นายอำนวย พลหล้า หัวหน้าศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้า จ.แพร่. กล่าวว่าเรื่องการยกระดับพัฒนาทุกๆด้านของกัญชา. ไม่แตกต่างจากการขับเคลื่อนเหล้าพื้นบ้าน เหมือนกำลังทำให้ผู้ร้ายเป็นพระเอก. ในสังคมยังเต็มไปด้วยความขัดแย้ง. ฝ่ายเห็นประโยชน์ราวร้อยละ20. ฝ่ายต่อต้านเพราะเชื่อว่าเป็นยาเสพติดมีปริมาณพอๆกัน ส่วนร้อยละ60. ยังไม่รู้ไม่เข้าใจ. การจัดเวทีแสดงความคิดเห็นเติมความรู้ถือว่าเป็นสิ่งดีดังนั้นสิ่งสำคัญคือการมีส่วนร่วมของประชาชนแสดงออกและรับรู้มากขึ้นแล้วสามารถตัดสินใจได้เวทีนี้จะเป็นประโยชน์มาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจัดเวทีเสวนา “กัญชาวิถีไท” ได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะ กลุ่มประชาชนที่สนใจ เครือข่ายหมอพื้นบ้านจังหวัดแพร่ สถาบันทางการเมือง พรรคการเมืองที่มีอยู่ในจังหวัดทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล องค์กรพัฒนาเอกชน สถาบันการศึกษา และบริษัทเอกชนที่ทำงานธุรกิจเพื่อสังคมทางการแพทย์ ได้แก่บริษัทหัสดินสมุนไพรเวิลด์ จำกัด หจก.เจ้าพระยาโอสถ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: