ยังสู้ไม่ถอย นักวิชาการ นักอนุรักษ์ ศิลปิน เครือข่ายต้านเขื่อน สมัชชาคนจน ชุมชนตำบลสะเอียบ ร่วมสืบชะตาแม่น้ำยม ตั้งโรงเรียนแม่น้ำยม มหาวิทยาลัยสักทองแหล่งองค์ความรู้อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม พร้อมร่วมสาปแช่งเผารายชื่อผู้สนับสนุนสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น เผาหุ่นนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.กระทรวงยุติธรรมเข้ามายุ่งผลักดันสร้างเขื่อนใหญ่
เวลา 10.00 น.วันที่ 2 พฤศจิกายน ชาวบ้านดอนแก้ว ดอนชัย แม่เต้น และดอนชัยสักทอง จำนวน 1,000 คน พร้อมด้วยแกนนำต้านเขื่อนแก่งเสือเต้นใน 4 ยุค คือ ยุค 1 นายชุม สะเอียบคง ยุค 2 นายเส็ง ขวัญยืน ยุค 3 นายอุดม ศรีคำภา และยุค4 คือยุคปัจจุบันคือนายนายสมมิ่ง เหมืองร้อง ร่วมกันนิมนต์พระสงฆ์ 9 รูปประกอบพิธีสืบชะตาแม่น้ำ พร้อมทั้งระลึกถึงนักต่อสู้ต้านเขื่อนผู้ล่วงลับไปในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา โดยมี กลุ่มนักวิชาการ นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม สมัชชาคนจน กลุ่มศิลปินเพื่อสิ่งแวดล้อม องค์กรพัฒนาเอกชน และเครือข่ายต้านเขื่อนการทำลายแม่น้ำโขงเข้า ร่วมพิธี เป็นการรำลึกถึงการต่อสู้กับโครงการขนาดใหญ่ของรัฐที่สามารถยับยั้งมาได้ระดับต้นๆ ในประเทศไทย ก่อนหน้านั้นมีเพียงเขื่อนน้ำโจนที่สามารถหยุดได้แบบเบ็ดเสร็จคือยุติการสร้างอย่างถาวร
ในพิธีดังกล่าวมีการฟื้นฟูป่าไม้และร่วมกันบวชป่า และ ปลูกต้นไม้เพิ่มเติมในบริเวณที่จัดงานคือ “ผาอิง” ริมน้ำยม ต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ หลังการบวชป่าแล้ว ชาวบ้านได้ร่วมกันสาปแช่งและเผารายชื่อกลุ่มที่สนับสนุนให้มีการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น พร้อมทั้งเผาหุ่นนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.จังหวัดสุโขทัย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่มีข่าวว่านายสมศักดิ์ จะรื้อปัดฝุ่นโครงการแก่งเสือเต้นขึ้นมาอีกครั้ง
นายสมมิ่ง เหมืองร้อง แกนนำคนปัจจุบัน กล่าวว่า เป็นที่น่าภาคภูมิใจในความร่วมมือของเครือข่ายที่ทำงานร่วมกับชาวสะเอียบมา โดยเฉพาะกลุ่มนักวิชาการ เอ็นจีโอ ศิลปิน สมัชชาคนจน ฯลฯ เดินทางมาร่วมงานอย่างพร้อมเพียงกัน ซึ่งการจัดงานครบรอบ 30 ปี นอกจากพิธีกรรมเช่นเดียวกับการต่อต้านเขื่อนในอดีตแล้วยังมีเวทีเสวนาเกี่ยวกับการพัฒนาทำไม่ต้องมีเขื่อน และอีกหลายๆ ประเด็น งานครบรอบ 30 ปีจัดในวันนี้ไปจนถึงวันที่ 3 พฤศจิกายน นี้
ดร.ชัยณรงค์ เศรษฐเชื้อ นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า การพัฒนาเรื่องน้ำในปัจจุบันรัฐยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงคือไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความเหมาะสมของชุมชน ตัวอย่างในปัจจุบันคือ การเสริมสปิลย์เวย์ของอ่างเก็บน้ำใน ต.สรอย อ.วังชิ้น จ.แพร่ ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายมากสำหรับประชาชนที่อยู่ใต้แนวเขื่อนถ้าน้ำมาจำนวนมากอาจเกิดปัญหารุนแรงได้ แต่ในภาพรวมการต่อสู้ของภาคประชาชนมายาวนานถึง 30 ปี เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าภาคประชาชนสามารถจัดการระบบน้ำของตนเองได้ ราชการควรเข้าไปให้การสนับสนุนและส่งเสริมให้แนวคิดของชุมชนสามารถดำเนินการได้ไม่ควรไปคิดใหม่หรือทำเสียเอง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: