ชัยภูมิ – หลังเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูจะต้องเก็บมาขายกลับไม่ได้ราคาขายไม่ออกในช่วงนี้ราคาที่เคยขายได้สูงกว่ากก.ละ 10-13 บาท มาถึงวันนี้เหลือขายได้ไม่เกิน 2.20 บาทต่อกก.เท่านั้น แถมพิษราคาน้ำแพงยังมาซ้ำเติมทำให้ต้นทุนค่าขนส่งขาดทุนช้ำหนักเพิ่มกันไปใหญ่อีก จำต้องยอมทำใจปล่อยให้สับปะรดยืนต้นตายคาไร่ในพื้นที่อีกนับ 2 หมื่นไร่ ในพื้นที่จ.ชัยภูมิ ยังไม่รู้ชะตากรรม ส่งผู้นำชุมชน ตัวแทนเกษตร ยื่นหนังสือผ่านผู้ว่าฯไปถึงรัฐบาลและกระทรวงที่เกี่ยวข้องฝากวิงวอนเร่งหาแนวทางช่วยเหลือชาวไร่สับปะรดเป็นการด่วนด้วย!
( 26 พ.ค.61 ) ขณะที่จ.ชัยภูมิ นายอุทิศ ลาดจันทึก กำนันตำบลท่าหินโงม ในฐานะเกษตรกรชาวไร่ผู้ปลูกสับปะรดโดยตรงและเป็นตัวแทนกลุ่มเกษตรกรชาวไร่สับปะรดในพื้นที่ พร้อมด้วยตัวแทนผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในเขตอ.เมืองชัยภูมิ ได้นำหนังสือเอกสารเพื่อวอนผ่านไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผ่านนายมงคล อดทน รองผู้ว่าราชการจ.ชัยภูมิ ที่เดินทางมาตรวจราชการในพื้นที่ต.ท่าหินงิม เพื่อรับส่งต่อไปถึงนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจ.ชัยภูมิ และผ่านต่อไปถึงรัฐบาล และกระทรวงต่างๆที่เกี่ยวข้องในการ
ที่ขณะนี้ทางกลุ่มเกษตรกรชาวไร่สับปะรดในพื้นที่จ.ชัยภูมิ ทั้งหมดขณะนี้มีเกือบ 20,000 ไร่ ที่เริ่มมีผลผลิตสับปะรดจะออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมากอีกไม่น้อยกว่า 1.5 หมื่นตัน แต่ได้รับผลกระทบจากปัญหาราคารับซื้อจากโรงงานตกต่ำมากในขณะนี้เหลือขายได้ในราคากิโลกรัมละ 2.20 บาท/กก. ที่เดิมราคาสับปะรดมีราคาแต่ละปีที่ผ่านมาขายได้ไม่ต่ำกิโลกรัมละไม่น้อยกว่า 10-13 บาท ซึ่งปีนี้ถือว่าราคาตกต่ำมาก
และปัญหาในช่วงนี้ที่เกิดภาวะราคาน้ำมันที่แพงขึ้นด้วย ทำให้ค่าขนส่งนำไปจำหน่ายให้กับโรงงาน เกษตรกรยังต้องมีต้นทุนเพิ่มขึ้นจำนวนมากจนไม่คุ้มทุนได้ขึ้นมาเป็นเท่าตัวอีก ซึ่งนำสับปะรดได้ขายได้ราคาเพียง 2.2 บาท/กก. ตามขนาดลูกที่ใหญ่สุดที่จะได้ราคานี้เท่านั้น ส่วนลูกขนาดเล็กลองลงมาก็ยังถูกโรงงานกดราคาถ้าๆไม่ขายในราคากิโลกรัมละ ไม่เกิน 50 -70 สตางค์ ก็ขนกลับเกษตรกรที่ขนสับปะรดไปก็จำต้องขายดีกว่าขนกลับมาขายไม่ได้เน่าทิ้งไปเสียเปล่าอีก
รวมทั้งค่าน้ำมันที่เมื่อขายสับปะรดได้แต่ละครั้งยังได้เงินขาดทุนมากแล้ว ยังต้องหักมาจ่ายค่าน้ำมัน ค่าเช่ารถ ที่ต้องไปขายไกลกันถึงที่ระยอง,ชลบุรี ในแต่ละครั้งขาดทุนจนอยู่ไม่ได้อีกแล้วในขณะนี้อีกด้วย
“จำต้องพากันอยู่เฉยๆดีกว่า ต้องจำยอมปล่อยให้สับปะรดเท่าทิ้งอยู่คาส่วนไปเองดีกว่า ไปเก็ยมาขายก็เหนื่อยหนักขาดทุนเข้าตัวเองเจ้ฐตัวไปเสียเปล่า ซึ่งการมอบหนังสือขอความช่วยเหลือของเกษตรกรผ่านทางจังหวัด ผู้ว่าฯไปถึงรัฐบาลและหน่วยงานกระทรวงทบวงกรมที่เกี่ยวข้องครั้งนี้ อยากให้เร่งหาแนวทางมาช่วยเหลือชาวไร่สับปะรดเป็นการด่วนด้วย ซึ่งถามว่าสับปะรดมีการปลูกมากเกินไปหรือล้นตลาดหรือไม่ ในพื้นที่จ.ชัยภูมิมีพื้นที่ปลูกเท่าเดิมและยังน่าจะลดน้อยลงด้วย แต่ทำไมราคาถึงตกต่ำขนาดนี้”
จึงอยากให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้มีเวทีมานั่งพูดคุยหาแนวทางร่วมกันว่าจากนี้ไป จะมีแนวทางแก้ไขราคาสับปะรดตกต่ำในขณะนี้ร่วมกันทุกฝ่ายที่ชัดเจนออกมาร่วมกันได้อย่างไรที่ยั่งยืนต่อไปด้วย ซึ่งชาวไร่สับปะรดเดือดร้อนหนักและกำลังรอความหวังจากรัฐบาลอยู่ในขณะนี้โดยด่วนต่อไปด้วย
ขณะที่ด้านนายชาติชาย ตู้ประกาย อายุ 43 ปี ผู้ประกอบการที่มีโควตารับรับซื้อสับปะรดจากโรงงานในพื้นที่ ต.ท่าหินโงม องเมือง จ.ชัยภูมิ เปิดเผยว่า ปัญหาราคาสับปะรดตกต่ำมากในปีนี้ถือว่าต่ำสุดในรอบกว่า 8 ปี ที่ผ่านมา ที่ขายไม่ได้ราคาเกินกว่า 2.20 บาทต่อกิโลกรัม จากทุกปีที่ผ่านมาได้ราคากว่า 10-13 บาทต่อกิโลกรัม ปีนี้ถือว่าต่ำมากแบบสุดๆ ซึ่งในช่วงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เร่งนำส่งสับปะรดให้กับโรงงานหลายพื้นที่ได้มากกกว่าวันละไม่น้อยกว่า 70-90 ตัน แต่มาช่วงนี้ทางโรงงานงดรับซื้อน้อยลง ต้องสลับวันรับซื้อ ที่ปัญหาราคาสับปะรดตกต่ำหากจะแก้จริงๆต้องอยู่ที่โรงงานที่ปีนี้รับซื้อน้อยลง ไม่มีโควตาส่งออกลดน้อยลง ส่วนสับปะรดที่เหลืออีกจำนวนมากคาดว่าน่าจะไม่น้อยกว่า 1.7 หมื่นไร่ ในส่วนของจ.ชัยภูมิ ที่ยังจะต้องออกมาสู่ตลาดต่อเนื่องอีกจำนวนมากในขณะนี้จะลำบาก
ไม่มีที่ขาย ต้องปล่อยเน่าทิ้งคาลานรับซื้อขณะนี้ส่วนของตนเองก็เด้รับความเสียหายไปจำนวนมากด้วยเช่นกัน ซึ่งก็ต้องรอดูว่าทางกระทรวงที่เกี่ยวข้อง และรัฐบาล จะมีแนวทางออกมาช่วยเรื่องนี้อย่างไรต่อไป ที่ยังต้องมากระทบเรื่องค่าขนส่งน้ำมันแพงในขณะนี้เกษตรกร ผู้ประกอบการก็ยิ่งได้รับผลกระทบกันไปใหญ่อีกเพิ่มมากขึ้นด้วย
