ชัยภูมิ – ซึ่งล่าสุดกลายเป็นเรื่องโอละพ่อหญิงวัย 47 ปี เจ้าทุกข์ผู้เสียหายรายนี้กลับไม่ขอเอาเรื่องแจ้งความเอาผิดกับใคร ด้าน ตร.เองยัน ถึงไม่มีเจ้าทุกข์เข้าแจ้งความแต่ จนท.พบเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งหน้าแล้ว ที่เข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดอุกอาจเป็นอาญาต่อแผ่นดินรุนแรง ทาง จนท.ก็จำเป็นต้องเร่งติดตามตัวคนร้ายผู้ก่อเหตุรายนี้มาดำเนินคดีให้ได้ต่อไป!!
( 19 พ.ย.62 ) ความคืบหน้าหลังเกิดเหตุเมื่อเวลา 15.05 น.ของวันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา ทางด้าน พ.ต.ท.ฐิติพัฒน์ คำรังสี สว.(สอบสวน)สภ.เมืองชัยภูมิ ได้รับแจ้งจาก 191 ตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ ว่ามีเหตุคนร้ายบุกเข้าไปทำร้ายร่างกายหญิงรายหนึ่งและจี้ชิงทรัพย์ภายในร้านค้าแห่งหนึ่ง ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ จึงเร่งรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมชุดสืบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ มาต่อเนื่องตั้งแต่วานนี้
หลังพบในที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นหญิง 1 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลชัยภูมิไปก่อนหน้าแล้ว ทราบต่อมาชื่อน.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 47 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของร้านหลังดังกล่าวได้รับบาดเจ็บ จึงเข้าตรวจสอบภายในร้าน พบร่องรอยการถูกรื้อค้นกระจัดกระจายภายในห้องทำงาน และ มีคราบเลือดอีกจำนวนหนึ่ง
จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจหลักฐาน สภ.เมืองชัยภูมิ เข้าเก็บร่องรอยลายนิ้วมือแฝงภายในห้องดังกล่าว พบเชือกสีแดงที่คนร้ายใช้ผูกคอหญิงผู้เสียหายจำนวน 1 เส้นวางอยู่บริเวณหน้าโต๊ะทำงานภายในห้องเกิดเหตุ และ มีร่องรอยการรื้อค้นหาทรัพย์เอาทองคำน้ำหนักรวม 10 บาท และ เงินสดอีกจำนวน 6,000 บาท ก่อนหลบหนีไป
ซึ่งหลังจากวานนี้ที่ทาง จนท.ตร.ได้สอบถามไปยังหญิง วัย 47 ปี ผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บที่ยังอยู่ในห้องฉุกเฉินเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองได้เผลอหลับ ก่อนที่คนร้ายจะฉวยโอกาสวิ่งเข้ามาเตะเข้าที่ใบหน้าของตน และได้ทำการต่อสู้กันอยู่พักหนึ่ง แต่สู้ฤทธิ์คนร้ายที่เป็นผู้ชายไม่ใหว ก่อนที่คนร้ายจะใช้เชือกที่นำมาด้วยลัดเข้าที่คอของตนจึงทำเป็นแกล้งตาย ก่อนที่คนร้ายจะรื้อค้นเอาทรัพย์สินได้ทองคำหนักรวมจำนวน 10 บาท และ เงินสดอีกจำนวน 6,000 บาท ก่อนหลบหนีไป
จนต่อมาล่าสุดเมื่อช่วงสายของวันนี้( 19 พ.ย.62 ) ทางด้านหญิงผู้เสียหาย วัย 47 ปี รายนี้กลับมีท่าทีเปลี่ยนไปไม่ขอให้ข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ในการช่วยติดตามผู้ก่อเหตุรายนี้มาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว และไม่ขอเอาเรื่องกับใครที่เกิดขึ้นและไม่ขอเข้าแจ้งความเอาเรื่องกับผู้ก่อเหตุในครั้งนี้แล้ว ซึ่งทางด้าน พ.ต.ท.ฐิติพัฒน์ คำรังสี สว.(สอบสวน)สภ.เมืองชัยภูมิ พร้อมชุดสืบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ ที่พยายามระดมชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามคลี่คลายคดีนี้ก็เริ่มทำงานด้วยความลำบากมากขึ้น ซึ่งคดีนี้ถึงแม้เจ้าทุกข์ไม่แจ้งความ แต่กรณีนี้ถือเป็นคดีต่ออาญาแผ่นดินที่เกิดขึ้นแล้ว ที่มีการก่อเหตุอุกอาจมากกลางวันแสกๆ ที่มีประชาชนชาวบ้านใกล้เคียงพบเห็นเหตุการณ์จำนวนมาก โดยไม่เกรงกลัวกฏหมาย ในกรณีนี้ทางจนท.ตร.ก็ยังจะต้องเร่งติดตามคนร้ายผู้ก่อเหตุในคดีนี้มาดำเนินคดีให้ได้ต่อไป ซึ่งล่าสุดพบเบาะแสคนร้ายรายนี้น่าจะเป็นคนใกล้ตัวที่จะได้ติดตามตัวมาดำเนินการสอบสวนเอาผิดในคดีอาญาตามกฎหมายต่อไป
