ชัยภูมิ – ยังสร้างผลกระทบให้กับคนในพื้นใกล้โครงการช้ำหนักอีกต่อเนื่องไม่เลิก สะท้อนการทำงานภาครัฐ”ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก” หลังมีการเข้ามาดำเนินโครงการขยายถนน 4 เลนมานานกว่า 3 ปีมาตั้งแต่ปี 2559 จนปัจจุบันเข้าปี 2561 จนชาวบ้านในพื้นที่เขตอ.แก้งคร้องเกินสุดเหลือที่จะทนแล้ว หลังเข้าฤดูฝนถูกน้ำท่วมรายวันไม่หยุด คราวนี้มาถึงคิวชาวอ.ภูเขียว ก็เกินสุดที่จะทนอีก ฝากวิงวอนถึงหัวหน้า คสช.-รัฐบาลปัจจุบันช่วยเด็ดขาดเสียที หลังชาวบ้านทนรอนานมาถึง 3 ปี 3 ผู้ว่าฯ ถึง 3 ฤดูฝนแล้ว ยังเงียบ!
( 28 พ.ค.61 ) ขณะที่จ.ชัยภูมิ กรณีชาวบ้านในหลายพื้นที่หลายอำเภอของจ.ชัยภูมิ ต่างพากันสุดเหลือที่จะทน ต่อกรณีความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก จากปัญหาโครงการจากรัฐที่เข้ามาดำเนินการในพื้นที่แต่กลับมาสร้างผลกระทบสร้างความเสียหายความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในพื้นที่จ.ชัยภูมิครั้งนี้
สืบเนื่องหลังจากทางภาครัฐได้ทุ่มงบประมาณผ่านกรมทางหลวงที่รวมมูลค่าการลงทุนสูงกว่า 830,620,700.00 บาท เพื่อลงมาดำเนินโครงการขยายถนน 4 เลนบนถนนทางหลวงสาย 201 ที่จะต้องมีการปรับยกระดับผิวถนนสูงขึ้นจากผิวเดิมอีกกว่า 5 เมตร ในช่วงเส้นทางถนนสายชัยภูมิ-แก้งคร้อ-ชุมแพ มาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2559 ที่ผ่านมาจนปัจจุบัน มีการสร้างดำเนินการเสร็จไปในจุดพื้นที่ผ่านอำเภอแก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ส่วนเชื่อมแรกเป็นที่เสร็จเรียบร้อยไปแล้วมาช่วงต้นปี 2560 ที่ผ่านมา
ข่าวน่าสนใจ:
แต่มาจนปัจจุบันกลับยังไม่มีแผนมารองรับการวางท่อระบายน้ำรอดใต้ถนนที่เคยมีอยู่เดิมก่อนที่จะมีการเข้ามาดำเนินโครงการนี้ในพื้นที่อ.แก้งคร้อ ที่มีระยะทางใน รอยต่อจากถนน 2 เลน ที่ทำเพิ่มขึ้นให้เป็น 4 เลน ให้เชื่อมต่อลงคลองธรรมชาติให้กับชาวบ้านตามเดิม จนเกิดปัญหาน้ำท่วมถนนกลายเป็นเขื่อนกั้นน้ำท่วมเข้าชุมชนไม่มีทางน้ำผ่านให้ระบายออกได้เลยจนปัจจุบันยังเป็นที่คาใจของชาวบ้านที่นี่มาตลอดยาวนานตั้งแต่ปี 2559มาจนถึง2561 จนปัจจุบัน ที่ในช่วงนี้เองก็จะกลับเข้าสู่หน้าฝนเป็นรอบปีที่ 3 แล้ว ซึ่งเมื่อเกิดฝนตกลงมาก็จะมีสภาพน้ำท่วมขังตามถนนซ้ำซากแบบรายวันเป็นระยะทางยาวกว่า 1 กม. ชาวบ้านร้านตลาดในชุมชนโซนเศรษฐกิจตัวอำเภอแก้งคร้อต้องเดือนร้อนหนักมานานกว่า 3 ปีนี้แล้ว ทางภาครัฐที่เกี่ยวข้องเองก็ยังไม่มีแนวทางลงช่วยเหลือแก้ปัญหาให้กับราษฎรในพื้นที่จุดนี้ได้เลยหลังเคยร้องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางจังหวัดผ่านมาแล้ว2ผู้ว่าราชการจ.ชัยภูมิ ก็ยังไม่เป็นผล
ซึ่งเมื่อหาเกิดมีฝนตกลงมาครั้งใด ในเขตอำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ เพียงช่วงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง และทำให้เกิดน้ำท่วมสูงกว่า 50-70 ซม.ท่วมซ้ำซากในบริเวณถนนสาย201 ชัยภูมิผ่านช่วงอ.แก้งคร้อ –ชุมแพ เขตตำบลหนองไผ่ ตำบลช่องสามหมอและเขตเทศบาลแก้งคร้อ กินระยะทางยาวซ้ำซากอีกกว่า 1 กิโลเมตร ทำให้น้ำได้ทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในบริเวณริมถนนยาวตลอดทั้งสายต่อเนื่องในเขตโซนเศรษฐกิจตัวอำเภอแก้งคร้อ ได้รับความเสียหายอีกเป็นจำนวนมากหลายร้อยครอบครัวมาตลอดยังไม่หยุดชาวอ.แก้งคร้อออกมาวิงวอนผ่านไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตลอดช่วงหน้าฝนในปี 2560 ที่ผ่านมาจนจะมาถึงหน้าฝนรอบใหม่ในปี 2561 นี้อีกแล้ว ก็ยังไม่มีแนวทางจากภาครัฐที่จะมาใส่ใจแก้ปัญหาในจุดนี้ได้อีก
ซึ่งครั้งนี้ ทางด้านนายแอ๊ด ตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่ อายุ 51 ปี ซึ่งมีอาชีพเปิดอู่ซ่อมรถจยย.ที่ถูกน้ำท่วมในช่วงตลอดหน้าฝนตกที่ผ่านมานับครั้งไม่ถ้วนในช่วงหน้าฝนซ้ำมาอีกปี 61 นี้ ก็จะเกิดน้ำท่วมเข้าบ้านซ้ำซากมามากกว่าหลายสิบครั้งมาแล้ว ตนและชาวบ้านที่มีบ้านติดถนนในบริเวณนี้จะถูกน้ำท่วมกันเป็นประจำ
หลังมีโครงการขยายถนน 4 เลน ของทางภาครัฐกรมทางหลวงเข้ามาขยายถนนครั้งนี้ และส่วนของการเข้ามาช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ชาวบ้านที่ผ่านมาก็มีแต่รับปากว่าจะแก้ให้ ซึ่งมาจนขณะนี้นานนับ 3 ปี 3 รอบฤดูฝน และน่าจะ 3 ผู้ว่าราชการจ.ชัยภูมิ ที่เปลี่ยนแล้วก็ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาดำการแก้ไขแต่อย่างใดยังปล่อยให้ประชาชนรับชะตากรรมเช่นนี้เรื่อยมาและยังกล่าวต่ออีกว่าเคยมีจนท.ที่มาตอบแนวทางแก้ปัญหาให้ชาวบ้านในจุดนี้ กลีบมาบอกว่าถ้าไม่อยากถูกน้ำท่วมก็ให้ทำการยกบ้านให้สูงขึ้นเพื่อหนีน้ำ ซึ่งตนก็บอกว่าคงทำไม่ได้เพราะไม่มีเงินขนาดนั้น ซึ่งตนเองคิดว่าการทำช่วยนี้ของภาครัฐถือเป็นการโยนบาปผลักภาระความรับผิดชอบให้พ้นตัวไปวันๆมาตลอดเท่านั้น จึงอยากวิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยหาทางแก้ปัญหาที่ยั่งยืนมากกว่านี้ต่อไปโดยเร็วเสียทีด้วย
ขณะที่ล่าสุดเอง หลังจากโครงการขยายถนน 4 เลนในจุดนี้เองที่มีการดำเนินการก่อสร้างขยายถนน 4 เลน ผ่านในพื้นที่อ.แก้งครอ้เสร็จสิ้นไปแล้ว และการดำเนินการแก้ปัญหาให้กับคยในอ.แก้งคร้อ ก็ยังไม่รู้ว่าจะมีทิศทางออกมาที่ชัดเจนได้อย่างไร
ที่ล่าสุดจนวันนี้ที่ 28 พ.ค.61 คนในพื้นที่อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ที่ก็มีการดำเนินการก่อสร้างถนนเชื่อมต่อขยายถนน 4 เลนดังกล่าวเข้ามาในพื้นที่ ต่อจากอ.แก้งคร้อ มาถึงที่อ.ภูเขียว ที่ตั้งอยู่ติดกัน ก่อนที่จะผ่านไปถึงที่อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่นต่อไป
แต่กลับได้รับคำถามที่ไม่มีคำตอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องครั้งนี้ขึ้นมาอีก ซึ่งมีนางงามจิต ขจรวงศ์สถิต ตัวแทนชาวบ้านโนนทรายคำ หมู่ 4 ต.ผักปัง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ได้ฝากวิงวอนผ่านสื่อมสวลชนมาถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกว่า ปัจจุบันโครงการขยายถนน 4 เลน สาย 201 ที่ผ่านมาถึงอ.ภูเขียว มาตั้งแต่ช่วงบ้านแค่-บ้านโนนทรายคำ จนมาถึงเขตหน้าโรงพยาบาลภูเขียว เกือบถึงหน้าศาลจังหวัดภูเขียว และที่ว่าการอำเภอภูเขียวแล้ว ตลอดช่วงมีระยะทางยาวกว่า 3 กิโลเมตร การเข้ามาดำเนินโครงการกลับมาสร้างความเดือดร้อนให้กับคนในพื้นที่อ.ภูเขียว มาต่อเนื่องไม่หยุดอีก
ซึ่งมีการนำเครื่องจักรเข้ามาขุดลอกผิวถนนเพื่อขยายเป็น 4 เลน ทั้ง 2 ด้าน ก็มีการมาขุดเป็นหลุ่มหน้าบ้านเรือนประชาชน ทางเข้าหมู่บ้าน ทางเข้าออกชุมชนจนลึกลงไปเกือบเมตร การเข้าออกชุมชนก็ได้รับผลกระทบเกิดความลำบากมากมาตั้งแต่ช่วงเดือน ก.พ.2561 ที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันประชาชนในพื้นที่เกิดความลำบากมาก เพราะยังไม่มีการเข้ามาดำเนินการใดๆต่อเลย เพื่อปรับพื้นที่ให้ชาวบ้านได้เข้าออกบ้านเรือนหรือชุมชนตามเดิม ได้ ทิ้งโครงการให้เงียบมาตั้งแต่ก.พ.61 ก็มาหลายเดือนแล้ว
เมื่อพอช่วงนี้เข้าสู้หน้าฝนตกถนนที่ถูกลอกเอาผิวออกลึกเอบเมตรฝนตกลงมาน้ำก็ท่วมขังเข้าออกบ้านชุมชนไม่ได้อีก และตลอดกว่า 3 เดือนที่ผ่านมา ก็ยังไม่มีหน่วยงานใดมาช่วยสนใจแก้ปัญหาเรื่องนี้เลย ซึ่งทำแบบนี้ถือว่าทำแบบชุ่ยๆมากโดยไม่สนใจว่าชาวบ้านเขาจะเข้าออกหรือสัญจรไปมาอย่างไรอยู่กันได้ต่อไปอย่างไรเลย
ในครั้งนี้จึงอยากฝากวิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในโครงการนี้ช่วยเร่งแก้ปัญหาในจุดนี้ชาวบ้านโดยเร็วด้วย เพราะช่วงนี้ลูกหลานก็เปิดภาคเรียนกันจำนวนมากแล้ว ทั้งหน้าฝนไปมาก็ลำบากพอแล้ว กลับมาเจอหน้าบ้านตัวเองมีถนนแต่นำรถเข้าออกไม่ได้ แล้วจะพากันอยู่อย่างไรต่อไปได้อีก หรือยุคนี้จะต้องรอให้พล.อ.ประยุทธ์ฯ หรือต้องรอหัวหน้า คสช. รับฐาลสั่งการ แล้วคนที่มีส่วนร่วมบริหารในบ้านนี้เมืองนี้ทำอะไรกันไม่ได้เลย และมาจนจะ 3 ปี ผ่านมา 3 ผู้ว่า ผ่านมา 3 ฤดูฝนแล้ว ทางท่านหัวหน้า คสช.รัฐบาลก็ควรจะทราบเรื่องปัญหาได้แล้วก็ควรรีบสั่งการเด็ดขาดช่วยแก้ปัญหาในจุดนี้ให้กับชาวบ้านที่นี่เสียที เพราะปัจจุบันจนสุดที่จะทนแล้ว ตัวแทนชาวบ้านรายนี้กล่าวทิ้งท้าย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: