ชัยภูมิ – ได้เป็นอย่างดี และยังช่วยเป็นต้นแบบการสร้างพลังชุมชนชาวเมืองชัยภูมิเข้มแข็ง ประกาศย้ำอ้อนชาวชัยภูมิ บนเวทีเฮลั่นสุดปลื้มใจที่ตนเองก็มีมารดาเป็นชาวชัยภูมิที่มีแนวคิดช่วยกันแก้ปัญหาภัยแล้งที่ดีช่วยกันได้มากขึ้น พร้อมขอให้ทุกพื้นที่ช่วยกันนำตัวอย่างที่ดีของชาวชัยภูมิช่วยกันเดินหน้าโมเดลต้นแบบขยายผลให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ที่ประสบภัยแล้ง เพื่อที่จะเป็นแนวทางช่วยกันผ่าวิกฤตภัยแล้งหนักอีกหลายพื้นที่ปีนี้ให้ผ่านพ้นไปได้อย่างยั่งยืนในอนาคตได้ต่อไป!
วันนี้ (25 ธันวาคม 2562) ที่จ.ชัยภูมิ ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะพรรคร่วมหลักจาก 3 พรรคทั้งปชป. ,ภูมิใจไทย และพลังประชารัฐ และรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ลงพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ เพื่อติดตามการแก้ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่เขตอ.เมืองชัยภูมิ และเยี่ยมชมการดำเนินงานในไร่อ้อยสมัยใหม่เพื่อลดปัญหาการเผาอ้อย ที่อ.ภูเขียว ในภาคบ่าย ซึ่งจะนำไปสู่การลดปริมาณค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่ไม่ให้เกินมาตรฐานช่วยกันในทุกพื้นที่ในทั่วประเทศให้มากขึ้น
โดยจุดแรกในช่วงเช้าพลเอกประยุทธ์ฯนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปที่บริเวณคลองเทา บ้านหนองแหน ต.หนองไผ่ อ.เมืองชัยภูมิ เพื่อพบปะประชาชนในพื้นที่กว่า 10,000 คนและเยี่ยมชมการขุดลอกคูคลองเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งซ้ำซากของจังหวัดชัยภูมิ มายาวนานจนปัจจุบัน
ซึ่งได้มีการร่วมแรงร่วมใจกันทุกฝ่ายทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ของจ.ชัยภูมิ ที่จะเข้ามาช่วยกันพัฒนาคลองเทา บ้านหนองแหน ต.หนองไฝ่ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาลำคลองในเขตที่เส้นทางน้ำเชื่อมต่อกันในรอยต่อติดกันของ 4 องค์ปกครองส่วนท้องถิ่น ให้เกิดมีการบูรณาการ การทำงานระหว่างเทศบาลเมืองชัยภูมิ องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ สำนักงานชลประทานจังหวัดชัยภูมิ กับองค์การบริหารส่วนตำบลทั้ง 4 แห่ง ที่มีเส้นทางน้ำเชื่อมคลองต่อกัน ในตำบลโพนทอง ตำบลบุ่งคล้า องค์การบริหารส่วนตำบลกุดตุ้ม และ ตำบลหนองไผ่ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ โดยมีการลงนามความร่วมมือ( MOU) พัฒนาลำคลองในเขตที่เส้นทางน้ำเชื่อมต่อกัน ระหว่างเทศบาลเมืองชัยภูมิ องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ สำนักงานชลประทานจังหวัดชัยภูมิ นำเครื่องจักรกลเข้ามาช่วยกันขุดลอกคลองให้เกิดความลึกมากขึ้นกว่า 8 เมตร ความกว่ากว่า 30-32 เมตร และขยายไหลทางริมตลอดคลองจาก 4 เมตร เป็น 9 เมตรได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในแต่ละช่วงตลอดคลองเทา ที่ผ่าน 4 ท้องที่ตำบลในครั้งนี้แต่ละจุดมีระยะทางกว่าตำบลละ 2-3 กิโลเมตร และหากจะใช้งบประมาณรัฐที่มีไม่เพียงพอที่จะใช้ดำเนินการทั้งหมดมากกว่า 20 ล้านบาท
แต่ด้วยความร่วมแรงร่วมใจกันทุกภาคส่วนภายในพื้นที่ที่ชาวบ้านต้องประสบปัญหาน้ำท่วมภัยแล้งซ้ำซากมาตลอดทุกปีในจุดนี้ ได้ริเริ่มเป็นโมเดลต้นแบบนำร่องเกิดขึ้นเป็นแห่งแรกของจ.ชัยภูมิ และของประเทศไทย ที่ไม่มีการใช้งบประมาณจากท้องถิ่นฝ่ายเดียว แต่จะเป็นการบูรณาการร่วมกันทั้งองค์การบริหารส่วนตำบลเจ้าของพื้นที่แต่ละแห่งจะเข้ามาช่วยรับผิดชอบค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ชาวบ้านในแต่ละพื้นที่เป็นแรงงาน หุงหาอาหารมาช่วยกัน ทางฝ่ายองค์กรท้องถิ่นก็จะเป็นเครื่องจักรเข้ามาช่วยกันทั้ง 4 ตำบล 1 เทศบาลเมืองชัยภูมิ มาต่อเนื่องตั้งแต่ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา
ซึ่งผลการดำเนินงานในระยะที่ 1 สามารถขุดลอกให้เป็นคลองได้ความยาว 21.8 กิโลเมตร ใช้งบเป็นค่าน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณเพียง 1.3 ล้านบาท ซึ่งถ้าหากขุดลอกโดยวิธีการจ้างเหมาต้องใช้งบประมาณสูงมากกว่า 20 ล้านบาทขึ้นไป จนครั้งนี้ทำให้สามารถประหยัดงบประมาณทางราชการได้กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ หลังจากโครงการนี้แล้ว และยังมีแผนจะขุดลอกต่อไปในระยะที่ 2 อีกประมาณ 20 กิโลเมตร
ซึ่งการเดินทางมาเยี่ยมพื้นที่โครงการต้นแบบแก้ปัญหาภัยแล้ง ขุดลอกคลองเทาที่จ.ชัยภูมิ ในจุดนี้ สร้างความปลื้มใจให้กับ พลเอกประยุทธ์ เป็นอย่างมาก ที่จะกล่าวชอบบนเวทีพบปะชาวบ้านตลอดช่วงบนเวทีบนครั้งที่มีการกล่าวพูดคุยมอบนโยบายอยู่นานเกือบ 1 ชั่วโมง และยังกล่าวถึงความปลื้มยินดีต่อชาวชัยภูมิ ด้วยว่าตนเองก็ดีใจที่ได้เป็นลูกคนชาวชัยภูมิ ที่มีมารดาหรือแม่ เป็นคนจ.ชัยภูมิ เช่นกันที่ทั้งตนเองที่มีหน้าตาดีขนาดนี้ก็เพราะได้มาจากแม่ชาวชัยภูมิ ที่อดีตทางพ่อเป็นชาวกรุงเทพฯ และได้มาเป็นทหารอยู่ที่โคราช และได้มาเจอแม่ที่เป็นชาวชัยภูมิ จึงเกิดตนเองขึ้นมาได้ว่านี้
จึงรู้สึกดีใจมาก ที่มาเยี่ยมพื้นที่การแก้ปัญหาภัยแล้ง ที่จ.ชัยภูมิ และเห็นความสำเร็จของคนชัยภูมิ ที่มีความรักสานสามัคคีกัน ทุกฝ่ายจนมีการดำเนินการขุกลอกคลองเทาจนสำเร็จโดยไม่มีการพึ่งพางบจำนวนมากจากรัฐได้ และจะถือเป็นโมเดลต้นแบบขยายผลไปในอีกหลายพื้นที่ในการช่วยกันแก้ปัญหาภัยแล้งในปีนี้ได้
ซึ่งจะประโยชน์จากโครงการที่เห็นได้ชัดเจนคือเป็นการแก้ปัญหาน้ำท่วมตัวเมืองชัยภูมิและแก้ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ดังกล่าวในปีนี้ได้อีกด้วย ซึ่งสามารถมีต้นทุนน้ำมาเก็บไว้ผลิตประปาในแต่ละชุมชนเพื่อผ่านพ้นวิกฤตภัยแล้งส่วนหนึ่งหั้กบชาวจ.ชัยภูมิในปีนี้ในจุดนี้ไปได้ จนสร้างความพึงพอใจของพี่น้องประชาชนจากการที่มีน้ำใช้เพื่อการเกษตร และน้ำดิบเพื่อการผลิตน้ำประปา ตามมาอีกจำนวนมากอย่างยั่งยืนในอนาคตได้อีกด้วย
ซึ่งสำหรับสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นจ.ชัยภูมิในปีนี้นั้น ถือว่าหนักมากกว่าอีกหลายๆพื้นที่ในภาคอีสาน ที่จังหวัดชัยภูมิประสบปัญหาฝนแล้งทิ้งช่วงมาอย่างต่อเนื่องหนักสุดในรอบหลายสิบปี โดยในปีนี้ (2562) มีปริมาณฝนเพียง 774 มม. ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 1,137 มม. ทำให้ปัจจุบันมี 40 หมู่บ้านที่ขาดแคลนน้ำ และ 500 หมู่บ้านที่เสี่ยงกับการขาดแคลนน้ำ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 33 ของจำนวนหมู่บ้านทั้งหมด 1,620 หมู่บ้าน จังหวัดชัยภูมิได้พยายามแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ประชาชนช่วยเหลือตนเอง เช่น การสร้างฝายมีชีวิต จำนวน 1,546 ฝาย กระจายทั้ง16 อำเภอ ส่วนหน่วยงานภาครัฐให้การสนับสนุน และวางระบบโครงข่ายการพัฒนาแหล่งน้ำทั้งระบบ เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในระยะยาวต่อไป
จากนั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะจะได้เดินทางไปที่ไร่กุดจอก ตำบลโคกสะอาด ในเขตอำเภอภูเขียว จ.ชัยภุมิ ในช่วงบ่ายต่อ เพื่อพบปะประชาชนในพื้นที่อีกกว่า 10,000 คน ในการพบปะบนเวทีในการช่วยกันปัญหาฝุ่นละอองขนาตเล็ก PM2.5 ไม่ให้เกินค่าเฉลี่ยมาตรฐานเพื่อเยี่ยมชมการดำเนินงานในไร่อ้อยสมัยใหม่เพื่อลดปัญหาการเผาอ้อย ที่อ.ภูเขียว ซึ่งจะนำไปสู่การลดปริมาณค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่ไม่ให้เกินมาตรฐานช่วยกันในทุกพื้นที่ ให้ขยายผลให้เกิดความเข้มแข็งเป็นต้นแบบช่วยกันให้มากขึ้นในทั่วประเทศต่อไป ก่อนเดินทางกลับช่วงเวลาประมาณกว่า 17.00 น.วันเดียวกัน
ขณะที่บรรยากาศอีกด้านในส่วนประชาชนในพื้นที่ชาวจ.ชัยภูมิ ที่ชอบเสี่ยงโชคในการเดินทางมาครั้งนี้ของนายกฯพลเอกประยุทธ์ฯ ก็คงหนีไม่พ้นที่มีการพยายามวิ่งติดตามดูทะเบียนรถ ที่พลเอกประยุทธ์ฯนั่งมาเดินทางมาลงพื้นที่เยี่ยมชาวบ้าน ก็ถูกมุ่งไปที่ เลขท้าย 1155 ตามคาด จนล่าสุดมีรายงานว่าเลขท้ายดังกล่าวของลอตเตอรี่ชาวบ้านในพื้นที่จ.ชัยภูมิ ตามหาซื้อกันเกลี้ยงแผงหมดอย่างรวดเร็วแล้วในวันนี้ที่นายกฯ ประยุทธ์เดินทางมาด้วยเช่นกัน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: