ชัยภูมิ – เตรียมจัดใหญ่งานสืบสานประเพณีโบราณตามรอยสุดยอดช้างเผือกคู่แรกเมืองชัยภูมินำถวายต่อราชวงศ์จักรีมายาวนาน ในระหว่าง 12 – 20 ม.ค.2563 ปีนี้ ตลอด 9 วัน 9 คืน เตรียมจัดใหญ่งานประจำปีเจ้าพ่อพญาแล เจ้าเมืองคนแรกผู้ก่อตั้งจังหวัดชัยภูมิมายาวนานกว่า 200 ปี เปิดให้ชมและร่วมงานพิธีโบราณมีให้ชมเพียงแห่งเดียวในโลกอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีต่อแผ่นดินเกิดและราชวงศ์จักรีมายาวนาน ตามรอยประวัติศาสตร์เมืองชัยภูมิ หมู่บ้านค่ายฝึกช้างมาแต่โบราณจนปัจจุบันที่เคยนำถวายสุดยอดช้างเผือก 2 เชือกแรกคู่บารมีต่อราชวงศ์จักรีมายาวนานจนปัจจุบัน!
( 9 ม.ค.63 ) ที่จ.ชัยภูมิ นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ นำตัวแทนทุกภาคส่วนในจังหวัดชัยภูมิ ร่วมกันเปิดแถลงเตรียมการจัดงานสืบสานประเพณีโบราณถวายช้างเจ้าพ่อพญาแล เจ้าเมืองคนแรกผู้ก่อตั้งเมืองชัยภูมิ ซึ่งเป็นประเพณีเก่าแก่มีให้ชมเพียงแห่งเดียวในโลกที่จ.ชัยภูมิของประเทศไทยในปัจจุบัน ที่จะมีประชาชนชาวชัยภูมิจากทั่วสารทิศนับหลายหมื่นคนต่างจะพากันออกมาร่วมแรงร่วมใจกันจัดงานนี้ขึ้น เพื่อเป็นการสืบสานประเพณีนี้มายาวนานนับร้อยปี
เพื่อเป็นการแสดงถึงความจงรักภักดีต่อราชวงศ์จักรี และแสดงความกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด ที่จะมีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี และในปีนี้การจัดงานประจำปีเจ้าพ่อพญาแล ประจำปี 2563 ซึ่งจะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 12-20 ม.ค.ของทุกปีตลอดช่วงงาน 9 วัน 9 คืน ณ บริเวณรอบลานวงเวียนอนุสารีย์เจ้าพ่อพญาแล หรือพระยาภักดีชุมพล เจ้าเมืองคนแรกผู้ก่อตั้งเมืองชัยภูมิ
โดยพิธีถวายช้างดังกล่าว จ.ชัยภูมิ เองมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาของหมู่บ้านช้างเก่าแก่มาแต่โบราณ ที่จะเป็นค่ายฝึกช้าง ณ บ้านค่ายหมื่นแผ้ว อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ในปัจจุบัน เพื่อออกไปคล้องช้างป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ของจ.ชัยภูมิในปัจจุบันเพื่อส่งไปช่วยการสู้รบให้กับกองทัพไทยมายาวนาน รวมทั้งเป็นแหล่งกำเนิดช้างเชือกสำคัญถวายในราชวงศ์จักรี มาต่อเนื่องถึง 2 เชือกในรัชกาลที่ 1 สมโภชขึ้นระหว่างวันอาทิตย์ เดือน 4 ขึ้น 9 ค่ำ ปีขาล จุลศักราช 1156 ( พ.ศ.2336 ) ได้พระราชทานนามว่า พระอินทรไอยรารัตนนาเคนทร์ คเชนทรบดินทร์อินทรังสรรค์ อนันตคุณสมบูรณ์เลิศฟ้า และต่อมาในรัชกาลที่ 2 ในวันศุกร์แรม 3 ค่ำ ปีวอก จุลศักราช 1174 (พ.ศ.2355) ได้พระราชทานนามใหม่ว่า อินทรไอยรา คชาชาติฉัททันต์ พิศผิวพรรณเผือกตรี สียอดตองแห้ง วิศณุแกล้งรังรักษ์ มงคลลักษณเลิศฟ้า(โคบุตร)
และช้างเผือกเชือกที่ 2 ของจ.ชัยภูมิ เป็นช้างเผือกเอก ลูกเถื่อน สมโภชขึ้นเมื่อวันศุกร์ เดือนยี่ แรม 4 ค่ำ ปีระกา จุลศักราช 1163 (พ.ศ.2344) พระราชทานนามว่า พระเทพกุญชร บวรศรีเศวต เอกชาติฉัททันต์ อนันตคุณสมบูรณ์เลิศฟ้า และต่อมาในรัชกาลที่ 2 ในวันศุกร์ เดิอน4 แรม 3 ค่ำ ปีวอก จุลศักราช 1174 (พ.ศ.2355) พระราชทานนามใหม่ว่า พระเทพกุญชร บวรศรีเศวต อมรเมศนฤมิตร เผือกผ่องพิศโสภณ มิ่งมงคล นาเคนทร์ คชคเชนทรเฉลิมขวัญ ชาติฉัททันต์สูงศักดิ์ วิไลลักษณเลิศฟ้า(แม่ศรีเมือง-แม่สองเมือง)
ซึ่งในการจัดงานประจำปีเจ้าพ่อพญาแล และสืบสานประเพณีโบราณถวายช้างเจ้าพ่อพญาแล ในปีนี้ประชาชนทั่วสารทิศโดยเฉพาะชาวชัยภูมิทั้งจังหวัด จะออกมาร่วมงานเริ่มตั้งแต่เวลา 05.00 น.ของวันที่ 12 ม.ค.63 ปีนี้ ที่จะจัดให้เป็นวันเปิดงานอย่างเป็นทางการประจำทุกปี และจะจัดต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 12-20 ม.ค. ตลอด 9 วัน 9 คืนของทุกปี เพื่อให้ชาวชัยภูมิทั่วสารทิศได้ออกมาร่วมตัวกันที่หน้าบริเวณรอบวงเวียนหน้าอนุสารีย์เจ้าพ่อพญาแล ย่านกลางใจเมืองชัยภูมิ ได้มาร่วมพิธีบวงสรวงดวงวิญญาณเจ้าพ่อพญาแลเจ้าเมืองคนแรกให้รับทราบว่าชาวชัยภูมิ ทุกหมู่เหล่าจะออกมาแสดงความกตัญญูต่อแผ่นดินเกิดและถวายสักการะต่อเจ้าเมืองคนแรกที่มีความจงรักภักดีต่อราชวงศ์จักรีมายาวนาน ก่อนที่จะพากันนำบายศรีแห่รอบอนุสาวรีย์เจ้าพ่อฯไป 3 รอบก่อนพากันนำมาวางถวายสักการะ
จากนั้นจะได้พากันร่วมกันสืบสานประเพณีโบราณด้วยการถวายช้างคืนถิ่นให้กับเจ้าเมืองคนแรก ต่อหน้าอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพญาแล ซึ่งเดิมเมื่อสมัยโบราณมาต่อเนื่อง จ.ชัยภูมิ เองก็เป็นฐานแหล่งหมู่บ้านช้างเพื่อช้างเพื่อการสู้รบอยู่ที่บ้านค่ายหมื่นแผ้ว ต.บ้านค่าย อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ในปัจจุบัน ที่จะช่วยส่งช้างฝึกไปช่วยสู้รบป้องกันประเทศไทยสยามมายาวนาน รวมทั้งองค์เจ้าพ่อพญาแล หรือพญาภักดีชุมพล เองก็เคยมีการส่งถวายช้างเผือกคู่บารีพระมหากษัตริย์ไทยที่คล้องได้ในพื้นที่ป่าภูเขียว จ.ชัยภูมิ ถวายในรัชกาลที่ 2 มาแล้วถึง 2 เชือก
จึงทำให้จ.ชัยภูมิ เป็นจังหวัดที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวกับช้างมายาวนานแต่โบราณ และเนื่องในวันเปิดงานประจำปีเจ้าพ่อพญาแล อย่างเป็นทางการทุกปีในวันที่ 12 ม.ค. ชาวจ.ชัยภูมิ ทุกหมู่เหล่านำโดยผู้ว่าราชการจ.ชัยภูมิ เองจะต้องออกมาร่วมกันทำพิธีถวายช้างต่อเจ้าพ่อพญาแล ที่ถือเป็นประเพณีโบราณปฏิบัติสืบต่อกันมายาวนาน
แต่ด้วยที่จำนวนช้างมีไม่เพียงพอต่อจำนวนประชาชนที่ต้องการจะทำบุญถวายสักการะต่ออนุสาวรีย์เจ้าพ่อพญาแล ทางจังหวัดจึงจัดให้มีการถวายเป็นตะขอควาญช้าง หรือคชกุศ และในปีนี้จะถวายเป็นแผ่นปั้มอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพญาแลแทน เพื่อนำถวายต่อหน้าอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพญา ซึ่งปีนี้สำหรับผู้ประสงค์ถวายช้างต่อเจ้าพ่อพญาแล เชือกละ 2,500 บาท ทางจังหวัดเองก็จะมีของที่ระลึกดังกล่าวใส่กรอบรูปขนาดกว้างยาวกว่าฝ่ามือให้ที่ได้ผ่านพิธีปลุกเสกจากเกจิดังทั่วทั้งจังหวัด 9 รูปและทั่วประเทศให้เป็นสิ่งตอบแทน ที่เป็นการร่วมสมทบทุนเข้ากองทุนเจ้าพ่อพญา ที่แต่ละปีทางจังหวัดได้นำไปใช้ประโยชน์สาธารณะกุศล ช่วยเหลือเด็กครอบครัวที่ยากไร้ให้มีชีวิตที่ดีขึ้นได้ตามมาอีกเป็นจำนวนมากทุกปี
และการจัดกิจกรรมภายในงานประจำปีตลอดช่วงวันที่ 12-20 ม.ค.63 นี้ตลอดช่วง 9 วัน 9 คืน โดยเฉพาะกิจกรรมการสืบสานประเพณีโบราณการถวายช้างคืนถิ่นแด่เจ้าพ่อพญาแล หรือพระยาภักดีชุมพล เจ้าเมืองคนแรกผู้ก่อตั้งเมืองชัยภูมิ มายาวนากว่า 200 ปี มาได้จนปัจจุบันแล้ว และภายในงานยังมีกิจกรรมนำสุดยอดรวมของดีสินค้าขึ้นชื่อของจังหวัดชัยภูมิ มาจากทุกชุมชนหมู่บ้านทั้งหมดกว่า 1,617 หมู่บ้าน 124 ตำบล จาก 16 อำเภอ
และเปิดลานเวทีกลางการแสดงโชว์ประกวดสุดยอดของดีเมืองชัยภูมิ ที่บริเวณลานหน้าอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพญาแล และสนามหน้าศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ ไปต่อเนื่องตลอดทั้ง 9 วัน 9 คืน และมีดนตรีสมโภชน์ตลอดงานทุกคืน เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีของพระยาภักดีชุมพล หรือ เจ้าพ่อพญาแล ผู้ก่อตั้งเมืองชัยภูมิขึ้น และยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องรักษาเมืองชัยภูมิ ให้อยู่จนมาได้จนปัจจุบัน ซึ่งชาวชัยภูมิ ยังระลึกถึงและเชื่อว่าบารมีของท่านเจ้าพ่อพญาแลสามารถปกปักษ์รักษาและดลบันดาลให้ลูกหลานชาวชัยภูมิ รวมทั้งผู้คนที่มาเคารพสักการะให้ประสบผลสำเร็จตามความปรารถนามีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งมายาวนาน
รวมทั้งยังมีกิจกรรมต่างๆอีกเป็นจำนวนมากในไปตลอดงาน เปิดให้ชมความสวยงามตระการตาของขบวนแห่ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น แหล่งท่องเที่ยวและวิถีชีวิตของชาวชัยภูมิ อีกทั้ง ยังมีการออกร้านหรรษากาชาด นิทรรศการแสดงผลงาน และนวัตกรรมของส่วนราชการและองค์กรต่าง ๆ นำมาวางจำหน่ายสินค้าขึ้นชื่อของจังหวัดชัยภูมิ สินค้ายอดฮิตใและชมการจัดประกวดผลผลิตทางการเกษตร พร้อมการจำหน่ายสินค้า OTOP ขึ้นชื่อของจ.ชัยภูมิภายในงานจากนี้ไปให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้มาเดินท่องเที่ยวและหาเลือกซื้อได้ตามใจชอบไปตลอดงาน 9 วัน 9 คืนจากนี้ไป ในระหว่าง 12-20 ม.ค.63 ปีนี้ด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: