ชัยภูมิ – น้อมนำศาสตร์พระราชามาใช้เห็นผล พร้อมให้โอกาสสำนึกผิดกลับเป็นคนดีไปมีที่ยืนรับใช้สังคม เปิดใจ? ผบ.เรือนจำเมืองพญาแล…”คนที่ทำความผิดแล้วยังว่าตัวเองไม่ผิด ยังไม่สำนึกไม่ปรับตัวยอมรับแก้ไขนี่สำคัญถึงเข้ามาอยู่ในคุกนี้ได้ แต่คนที่ทำผิดแล้วรู้ว่าตัวเองผิด ยอมขอโทษสำนึกผิดพร้อมจะปรับตัวแก้ไข ก็ควรจะให้โอกาส ที่ทางเรือนจำชัยภูมิได้พยายามหามาตรการต่างๆเข้ามาเสริมภายในเรือนจำซึ่งบางส่วนเริ่มประสบผลสำเร็จมาได้ทุกวันนี้ เพื่อที่อยากจะให้คนไทยเรามีคุณภาพมีทางเดินไปสู่แนวทางที่ดีมีคุณภาพชีวิตที่ดีช่วยกันให้มากขึ้น และเป็นการให้โอกาสคนที่ทำผิดได้สำนึกผิดกลับเป็นคนดี แต่ยังไม่มีที่ยืน สังคมก็ควรจะให้โอกาสกลุ่มคนเหล่านี้กลับไปพิสูจน์ตัวเองไปมีที่ยืนรับใช้สังคม ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน”!
(รายงานพิเศษ)
( 6 ส.ค.61) หากจะพูดถึงคุก หรือเรือนจำ แล้วไม่มีใครที่อยากจะพูดถึง และไม่มีใครอยากจะเข้าไปเด็ดขาด ขณะที่เรือนจำจังหวัดชัยภูมิ ประวัติความเป็นมายาวนานของคุกที่นี่ ตั้งมานานกว่า 114 ปี จนปัจจุบัน (เริ่มมีในมาตั้งแต่ พ.ศ.2440
จากข้อมูลที่สามารถรวบรวมได้ มีหลักฐานปรากฏแน่ชัด ทำให้ทราบว่า เรือนจำจังหวัดชัยภูมิ มีประวัติความเป็นมาแบ่งออกเป็น 2 ยุค คือ ยุคเรือนจำเก่า(พ.ศ. 2440 – 2449) และยุคเรือนจำปัจจุบันเริ่มดำเนินการก่อสร้างเรือนจำจังหวัดชัยภูมิแห่งใหม่ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2529 ก่อสร้างเสร็จเมื่อ วันที่ 22 ธันวาคม 2530 งบประมาณก่อสร้างเป็นเงิน 30,582,000 บาท (สามสิบล้าห้าแสนแปดหมื่นสองพันบาทถ้วน)ตั้งอยู่ เลขที่ 239 ถ.องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ สาย 1 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ มีพื้นที่ภายในกำแพง 14 ไร่ 3 งาน 40 ตารางวา เนื้อที่ภายนอกกำแพงเรือนจำ 55 ไร่ 60 ตารางวา
ซึ่งปัจจุบันมี นายสุพจน์ สวนอินน์ เป็นผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดชัยภูมิ ที่วันนี้มาเปิดใจภารกิจของผบ.เรือนจ.ชัยภูมิ ในปัจจุบันนี้ ที่มีเป้าหมายภารกิจหลักคือ 1. เสริมสร้างประสิทธิภาพการควบคุมและปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง 2. พัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง เพื่อคืนคนดีสู่สังคม ลดภาระภาครัฐ 3. พัฒนาระบบงานและศักยภาพของบุคลากร อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้มีกิจกรรม เพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ที่ต้องถูกจองจำ โดยกิจกรรมก็จะแบ่งออกไปตามกลุ่มเป้าหมาย ประเภทของแต่ละกลุ่มคดีที่ถูกจองจำ
โดยนายสุพจน์ สวนอินน์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า การเปิดประตูคุกหรือ เปิดประตูเรือนจำ นำสื่อมวลชนเข้าชมภายในและได้ สัมผัสกับชีวิตผู้ต้องขังที่อยู่ภายในกำแพงสูงแห่งนี้ก็เพื่ออยากจะให้ประชาชนทั่วไปได้ทราบถึงกิจกรรมประจำวันภายในเรือนจำแห่งนี้ ซึ่งในยุคปัจุบันได้มีการพัฒนาทั้งด้านกิจกรรมพัฒนาผู้ต้องขัง และบุคลากรภายในเรือนจำอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้รวมไปถึงการพัฒนาด้านภูมิทัศน์ที่อยู่ โรงเรือนหน่วยต่างๆ ให้เหมาะสมตามมาตรฐานเรือนจำที่ได้กำหนดมาตรฐานไว้ ทั้งภายในแดนขัง ทั้งชาย-หญิง รวมทั้ง ห้องการจัดกิจกรรม “ทูบีนัมเบอร์วัน” ในทูลกระหม่อมฯ ห้องสมุด ห้องเรียนในระดับชั้น ม.ต้น ม.ปลาย (สามัญ) ปวช. (วิชาชีพ) และอาชีพ เช่น
โรงทำขนม เบเกอรี่ในแดนขังหญิง โรงบริการนวดแผนไทยโบราณ ศูนย์บริการล้างอัดฉีด รถยนต์และจักรยานยนต์ พร้อมทั้งบริการ ล้างแอร์แบบทันสมัย ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงโดยการน้อมนำศาสตร์พระราชามาส่งเสริมให้ผู้ต้องขังผลิตเตาถ่านไร้ควันการผลิตปุ๋ยชีวภาพใช้เอง การปลูกผักสวนครัว ที่มีครูบุคลากรจากวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีชัยภูมิ เข้ามาช่วย ที่หากเมื่อคนเราที่ทำผิดแล้ว รู้จักรับผิดและสำนึกผิดคิดที่จะปรับตัวเองได้แล้ว ก็เป็นเรื่องที่จะต้องให้โอกาสเขา และการที่จะกลับคืนสู่สังคมเมื่อออกไปแล้วจะได้ไม่ไปกระทำผิดอีก ส่วนหนึ่งก็เพราะไม่มีอาชีพติดตัว ทางเรือนจำชัยภูมิ จึงมีมาตรการเข้ามาช่วยเสริมในจุดนี้ ในกลุ่มผุ้ต้องขังที่ใกล้พ้นโทษ ที่จะถือเป็นโอกาสพิสูจน์อีกครั้งว่าเมื่อต้องการเป็นคนดีกลับคืนสู่สังคมไปแล้วจะได้ไม่กลับไม่ก่อเหตุซ้ำกลับเข้ามาอีก
โดยอยากจะเปลี่ยนแปลงความคิดเดิมๆที่เข้าใจกัน สำหรับบุคคลภายนอก ที่มองว่าคนภายในหลังกำแพงสูงหรือคุกแห่งนี้ว่าเป็นศูนย์รวมอาชญากร ผู้กระทำความผิดที่บ้านเมืองไม่ต้องการ แล้วทำตัวเปล่าประโยชน์ ไปวันๆเพราะทางเราเชื่อว่าไม่มีใครอยากจะตั้งใจเข้ามาใช้ชีวิตภายในสถานที่แห่งนี้แน่นอน หากเกิดจากความผิดพลาดหรือความไม่ตั้งใจในการใช้ชีวิตด้านนอก จึงทำให้ต้องมาใช้ชีวิตติดคุกภายในกำแพงสูง ของกรมราชทัณฑ์อย่างนี้
ซึ่งที่ผ่านมาทางกรมราชทัณฑ์เรือนจำจังหวัดชัยภูมิได้มีการจัดโครงการส่งเสริมกิจกรรมการศึกษาและการเรียนรู้พัฒนาอาชีพเพิ่มเติม จะมีการต่อยอดกับกิจกรรมที่เราได้ทำภายในทั้งหมดนี้ อาจจะเปลี่ยนความคิดจิตใจของผู้ต้องขังที่อยู่ภายในเรือนจำแห่งนี้ให้กลับมามีอาชีพ ออกไปเป็นคนดีช่วยเหลือสังคมประเทศชาติหลังจากพ้นโทษออกไปภายนอกและมีที่ยืนในสังคมอีกต่อไปได้
โดยเฉพาะ โครงการ “ทูบีนัมเบอร์วัน”ในทูลกระหม่อมฯ เป็นโครงการที่นำมาร่วมพัฒนาจิตใจแก้ไขปัญหายาเสพติด คืนคนดีสู่สังคม ซึ่งได้มีกิจกรรมหลากหลาย อาทิเช่นการปรับทุกข์สร้างสุขแก้ไขปัญหาพัฒนา EQ ซึ่งในปี 2561นี้ เรือนจำชัยภูมิ ได้มีการส่งผู้ต้องขังเข้าร่วมประกวดเป็นปีแรก เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จเกินที่คาดไว้ เมื่อได้รับรางวัลชมรมทูบีนัมเบอร์วัน ระดับดีเด่น ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือและได้เข้าร่วมในระดับประเทศที่อิมแพค เมืองทองธานี และยังสร้างกำลังใจให้ผู้ต้องขังอย่างมากที่จะต่อยอดหาแนวคิดสร้างสรรค์ในการช่วยกันปลุกจิตสำนึกให้กับกลุ่มคนผู้ต้องขังที่ออกไปได้ห่างไกลยาเสพติดได้เพิ่มมากขึ้น และยังช่วยลดจำน้อยผู้ต้องขังคดียาเสพติดที่ต้องบอกว่ามีเป็นจำนวนมาก ล้นคุกมากกว่าคดีอื่นๆให้ลดลงน้อยลงมาต่อเนื่องมากขึ้นด้วย
และทางเรือนจำชัยภูมิ เองก็ยังส่งเสริมฝึกอาชีพให้การศึกษาและมีหลักสูตรการเรียนสายอาชีพ โดยมีคณะครู-อาจารย์ จิตอาสาได้สมัครใจเข้าร่วมกิจกรรม เช่น วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีชัยภูมิ และวิทยาลัยเทคนิคชัยภูมิ ที่ต่างนำหลักสูตรการฝึกอาชีพ มาสอนให้แก่ผู้ต้องขัง ทั้งชาย หญิง และที่สำคัญได้น้อมนำศาสตร์พระราชา มาส่งเสริมให้ความรู้ เช่น การผลิตเตาถ่านไร้ควันการผลิตปุ๋ยชีวภาพ การปลูกผักสวนครัว การเพาะพันธุ์กล้าไม้ต่างๆ เป็นการพัฒนาผู้หลงผิดให้มีทักษะชีวิต ทักษะอาชีพ เมื่อกลับสู่ภูมิลำเนาก็จะสามารถมีอาชีพให้กับตัวเองได้อีกด้วย
และได้มีที่ยืนในสังคมอย่างมั่นใจ มั่นคง และเป็นที่ยอมรับของคนภายในครอบครัว ชุมชน ว่าเป็นบุคคลคนหนึ่งที่เดินทางหกล้ม ในขณะเดียวกันก็ได้ลุกขึ้น แล้วกลับมาเป็นผู้นำด้านจิตใจ สำนึกผิด สร้างความมั่นใจให้กับชีวิตตนเอง ครอบครัว สังคม เป็นผู้นำด้านคุณธรรมตามศาสตร์พระราชา ที่พ่อหลวง ร.9 และในหลวง ร.10 พระองค์ท่านได้มอบไว้ให้แก่ชนชาวไทยได้นำมาใช้กับชีวิตประจำวันได้เป็นแบบยั่งยืน และยืนได้ด้วยตนเองได้
“เพียงแต่ทางเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ ได้จับมือประคอง สนับสนุนช่วยเหลือในการกระทำความดี ตั้งใจเรียนรู้วิชาทำมาหากิน ก่อนออกสู่สังคม พร้อมก้มกราบแผ่นดินพ่อ แผ่นดินแม่ และเป็นคนดีของครอบครัวและรับใช้สังคมต่อไปได้ โดยเฉพาะในเดือนสิงหาคมนี้ เป็นเดือนมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ ที่มีความประพฤติดี ให้ได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษและปล่อยตัว ให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำจังหวัดชัยภูมิอีกด้วย
ซึ่งสิ่งที่ทางเรือนจำชัยภูมิได้ดำเนินการทำไปทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ยืนยันความตั้งใจของเรือนจำชัยภูมิถึงความมุ่งมั่นและตั้งใจเพื่อขอให้โอกาสแก่ผู้ต้องขังออกไปมีที่ยืนในสังคมภายนอก ได้สำนึกผิดกลับไปใช้ชีวิตปกติให้ได้โดยที่ไม่ต้องกลับเข้าคุกมาอีกให้ได้อย่างยั่งยืนตามมาในอนาคตต่อไปได้ หากพวกเราช่วยกันทุกฝ่ายอย่างที่เป็นในปัจจุบันนี้ ปัญหาการออกมาก่อคดีซ้ำซากก็จะลดลงตามมาในอนาคตต่อไปได้มากขึ้นด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: