ชัยภูมิ – ถึงกลับคอตกหลังอ้างฟังไม่ขึ้น ออกมาช่วงเคอร์ฟิวเพราะหิวข้าวเท่านั้น ถูกควบคุมตัวดำเนินคดีหนัก ตั้งแต่จำคุก 2 ปี – ปรับ 4 หมื่น !!
( 6 เม.ย.63 ) ที่จ.ชัยภูมิ บรรยากาศตามมาตรการประกาศเคอร์ฟิว เพื่อหยุดการแพร่ระบาดเชื้อโควิด -19 ในทั่วประเทศ ห้ามประชาชนออกนอกเคหะสถาน หรือบ้าน ตั้งแต่เวลา 22.00 – 04.00 น.ที่มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.63 เป็นต้นมา
ล่าสุดที่จ.ชัยภูมิ ได้มีการตั้งจุดตรวจจุดสกัดคัดกรองประชาชนที่เดินทางผ่านเข้าทุกพื้นที่อย่างเข้มงวดในทั่วทั้งจังหวัด และในเขตพื้นที่สภ.เมืองชัยภูมิ ตั้งแต่ช่วงเวลาประกาศเคอร์ฟิวตลอดช่วงเวลา 22.00 – 04.00 น. เพื่อห้ามประชาชนงดออกจากบ้าน ได้มีกลุ่มโจ๋จับกลุ่มขับขี่รถ จยย. ทั้งรถยนต์กระบะ พากันขับขี่ไปหลายจุดในตัวเมือง ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชัยภูมิ เรียกตรวจ
ข่าวน่าสนใจ:
- "เลยดั้น" แค่มุมภาพเดียว กลายเป็นไวรัล ดึงดูด นทท.แห่เช็คอินถ่ายภาพ อ.น้ำหนาวเตรียมดันเป็นซอฟพาวเวอร์
- ชัยภูมิเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดใหญ่งานวันการศึกษาเอกชนภาคอีสาน!
- ตม.สระแก้ว บูรณาการร่วมกับ หน่วยงานข้างเคียง จับกุมไทย-เขมร 2 ราย ไม่เข้าออกตามช่องทาง
- รวบแลัว คนขับเก๋งเขียว สารภาพเมาแล้วขับชนดะทั่วเมืองเพชร
โดยมี ร.ต.อ.สันติ แก้วโรจน์ รอง สวป.สภ.เมืองชัยภูมิ เป็นหัวหน้าชุดเรียกตรวจ พบมีกลุ่มโจ๋พากันขับขี่รถ จยย.ซ้อนพาสาวนั่งท้าย จยย.มาด้วย และอีกรายขับปิคอัพมากับแฟนสาว ผ่านเข้ามาในตัวเมืองช่วงเวลาห้ามฝ่าฝืนคำสั่งประกาศเคอร์ฟิว ช่วงบริเวณถนนหฤทัย ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ จึงได้ขอเรียกตรวจและควบคุมตัวกลุ่มโจ๋ทั้งหมดมาได้รวม 4 ราย ที่ยังอ้างว่าออกจากบ้านที่พักมาช่วงหลังสี่ทุ่มช่วงเคอร์ฟิวเพราะหิวข้าว เลยพาแฟนสาวขับรถออกมาหาร้านอาหารเพื่อรับประทานข้าวแก้หิวกันเท่านั้น
ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวมาสอบสวนดำเนินคดีทั้งหมด 4 ราย ที่ผู้ต้องหาทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นคนมาจากต่างจังหวัด ประกอบด้วย นายเอ อายุ 28 ปี เป็นชาว จ.อุทัยธานี น.ส.บี อายุ 31 ปี เป็นชาว จ.พิษณุโลก นายซี อายุ 25 ปี เป็นชาว จ.นครราชสีมา และน.ส.อี อายุ 25 ปี เป็นชาว จ.ชัยภูมิ
ในฐานความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฝ่าฝืนการห้ามออกเคหะสถานระหว่างเวลา 22.00 – 04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น โดยไม่ได้รับการยกเว้นหรือมีเหตุจำเป็นอื่นๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท ตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด -19 ในพื้นที่จ.ชัยภูมิ ล่าสุดยังพบผู้ติดเชื้อคงที่ รวม 2 ราย เป็นหญิงวัย 20 ปี ชาวอ.ภูเขียว ที่ยังอยู่ใความดูแลของแพทย์ช่วยรักษาอาการอย่างใกล้ชิดและเริ่มมีอาการดีขึ้นต่อเนื่อง และทางจังหวัดได้มีการระดมเจ้าหน้าที่เข้าฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อในทั่วหมู่บ้านของหญิงวัย 20 ปี รายนี้ รวมทั้งตั้งด่านตรวจคนเข้าออกพื้นที่อย่างเข้มงวดต่อเนื่อง และอีกรายเป็นหญิง วัย 30 ปี ชาวอ.เนินสง่า ที่ล่าสุดผลการรักษาและผลตรวจยืนยันจากห้องแลปซึ่งเป็นข่าวดีที่ไม่พบเชื้อโควิด -19 ในร่างกายและหญิง วัย 30 ปี ชาวเนินสง่ารายนี้แล้ว แต่ทางจังหวัดเพื่อให้เกิดความสะบายใจทุกฝ่ายคนในพื้นที่พร้อมคณะแพทย์ได้ให้ หญิง วัย 30 ปี รายนี้ให้ออกจาก รพ.กลับไปพักกักตัวต่ออยู่ที่บ้านตนเองอีกต่อไปก่อนเพิ่มอีก 14 วัน เพื่อรอขอผลตรวจยืนยันจากห้องแลปซ้ำกลับมาอีกครั้ง เพื่อยืนยันว่าผ่านการรักษาครั้งนี้ให้กลับผู้ป่วยรายนี้ให้หายขาดจากเชื้อโควิด -19 ที่ชัดเจนเป็นรายแรกของจ.ชัยภูมิ ได้ออกมายืนยันอีกครั้งต่อไปก่อน
ส่วนในกลุ่มที่เข้าข่ายเป็นบุคคลกลุ่มเสี่ยง ที่ยังต้องเฝ้าระวังกักตัว 14 วัน ล่าสุดในทั่วทั้งจ.ชัยภูมิ รวมเพิ่มขึ้นเป็น 85 ราย จากเดิม 83 ราย ที่มีเพิ่มขึ้นมาจาก 2 สาว ชาวอ.เมืองชัยภูมิ และอ.เกษตรสมบูรณ์ ที่หลังกลับมาจากต่างประเทศกลุ่มเสี่ยง และหนีการกักตัวมาจากสุวรรณภูมิ และกลับมาที่จ.ชัยภูมิ และขอเข้ารายงานตัวต่อคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.ชัยภูมิ เพื่อขอเข้ากักตัวในสถานที่กักกันของจ.ชัยภูมิ เป็นที่เรียบร้อยแล้วมาตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย.63 ที่ผ่านมา ส่วนชายอีกราย ชาวอ.ภูเขียวชัยภูมิ ที่หนีการกักตัวมาจากสุวรรณภูมิ ได้เดินทางกลับไปรายตัวต่อเจ้าหน้าที่และขอเข้ากักตัวอยู่ที่สุวรรณภูมิ เป็นที่เรียบร้อยแล้วอีกรายด้วยเช่นกัน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: