ชัยภูมิ – สุดท้ายไปไม่รอดเจอทางตัน รีบโยนกระเป๋าใส่ยาบ้า อาวุธปืน ทิ้งในป่าข้างทาง หวังจะให้ตัวเองรอดคดี แต่จนท.ไม่ละความพยายาม รุ่งเช้า ระดมคนช่วยกันหาจนเจอมีทั้งยาบ้า เข็มฉีดยาไว้ใช้เสพ และอาวุธปืนเครื่องกระสุนครบมือ ส่งดำเนินคดีเพิ่มเติมรวมอีก 3 ข้อหาหนัก!
เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 2 พ.ค.63 ร.ต.อ.ชัยศักดิ์ ธงภักดี รอง สวป.สภ.เมืองชัยภูมิ ประจำจุดตู้ยามห้วยชัน ต.นาฝาย อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายทหาร จากหน่วยทหารจาก บชร.2 นครราชสีมา ตำรวจ ผู้นำชุมชน ไปพากันระดมขับรถไล่ตามกลุ่มชาย 2 คน ที่พากันขับขี่รถ จยย.หลบหนีด่านตรวจหลังชุดเจ้าสหน้าที่ตั้งด่านของเรียกตรวจ แต่ชายทั้ง 2 คน ต่างพากันรีบพากันขับรถหนี ออกไปตามเส้นทางถนนในหมู่บ้านบ้านโนมะเกลือ หมู่ 13 ต.นาฝาย ซึ่งเป็นช่วง (เคอร์ฟิว) ห้ามออกจากบ้านในช่วง 22.00 – 04.00 น.กลางดึกที่ผ่านมา
ข่าวน่าสนใจ:
ก่อนที่กลุ่มคนดังกล่าว จะขับรถ จยย.หนีไปเจอทางตันและรถ จยย.เสียหลักล้มลง ที่บริเวณป่าท้ายหมู่บ้านดังกล่าว และมีการโยนสิ่งของที่ติดตัวมาและกระเป๋าสะพาย 1 ใบ เข้าไปในป่า ก่อนที่ จนท.จะควบคุมตัวทั้งหมดมาสอบสวนดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืนช่วงเคอร์ฟิว และรุ่งเช้า ทางจนท.จึงได้พากันระดมคนออกไปตามหากระเป๋าที่กลุ่มผู้ต้องหาโยนทิ้งเข้าไปในป่า มาเพิ่มเติมได้และมีการตรวจสอบภายในกระเป๋า ก็พบมียาบ้าสีส้มรวม 10 เม็ดบรรจุในซองพลาสติกใสขนาดเล็ก พร้อมมีเข้มฉีดยา 1 อัน ปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก เครื่องกระสุนเป็นลูกปืนลูกซอง 2 ลูก ไฟฉายแบบติดหน้าผาก 2 อัน เงินสด 300 บาท
ซึ่งเป็นของกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 2 คน โดยชายรายแรก อายุ 17 ปี เป็นชาวอ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ และอีกรายชายอายุ 26 ปี ชาวต.โคกสูง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ที่ทั้ง 2 คนยังทำทีปากแข็งว่าไม่ใช่ของตนเอง ซึ่งทาง จนท.ชุดไล่ล่ามีหลักฐานการกระทำผิดซึ่งหน้าครั้งนี้อย่างชัดเจน ซึ่งระหว่างจนท.หลายคนขณะขับรถไล่ล่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ที่พยายามขับ จยย.หลบหนีเจ้าหน้าที่ ก่อนที่จะเห็นมีการโยนกระเป๋าดังกล่าวทิ้งอย่างชัดเจน
และจะได้นำมาเป็นหลักฐานดำเนินคดีเพิ่มเติม เพื่อควบคุมตัวทั้งสองส่งมอบให้ ร.ต.อ.ศิริ จันดีศรี รอง.สวส.สภ.เมืองชัยภูมิ ได้ควบคุมตัวไปดำเนินคดีใน 3 ข้อหาหนัก ทั้งข้อหาออกนอกเคหะสถาน ระหว่างเวลา 22.00 – 04.00 น.โดยไม่ได้รับยกเว้นหรือมีเหตุจำเป็นอื่น ๆโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งข้อหามีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองและพกพาโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนฯ พ.ศ.2490 และครอบครองยาเสพติดประเภท 1 เป็นยาบ้าไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ส่งดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: