ชัยภูมิ – หลังเกิดเหตุกลุ่มสุนัขรวม 3 ตัวของเพื่อนบ้านใกล้เคียงกันหลุดออกมาไล่รุมกัดด.ญ.วัยเพียง 4 ขวบเศษเสียชีวิตคาถนนในหมู่บ้าน ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ในพื้นที่ต่างออกมาเผยความในใจว่าเส้นทางจุดถนนนี้ยังต้องมีประชาชนในพื้นที่ใช้เส้นทางนี้รวมทั้งเป็นเส้นทางที่จะมีเด็กๆอีกจำนวนมากในชุมชนพากันใช้เป็นจุดออกมาร่วมกันปั่นจักรยานเล่นเป็นประจำ ชาวบ้านต่างพากันเริ่มหวาดผวาว่าจะเกิดเหตุซ้ำรอยว่าสุนัขกลุ่มนี้จะหลุดออกมาก่อเหตุไล่กัดเด็กซ้ำได้อีก วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเจ้าของสุนัขกลุ่มนี้ช่วยย้ายสุนัขกลุ่มดังกล่าวออกจากชุมชนไปอยู่ในที่ปลอดภัยอื่นดีกว่าเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยได้อีก และต่างพากันกล่าวถึงมาตรการทางกฏหมายที่ออกมาว่าทำไหม พรบ.คุ้มครองสุนัข หรือว่าหมา ว่าในปัจจุบันกลับไปให้การคุ้มครองสัตว์หรือหมามากกว่าคน หากคดีนี้คนที่ปล่อยสุนัขหลุดออกมาไล่กันเด็ก 4 ขวบเสียชีวิตกลับมีโทษเบาติดคุกไม่ถึง 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท แต่ถ้าหากชาวบ้านประชาชนไปทำร้ายหมา กลับมีโทษหนักกว่าต้องติดคุกสูงกว่า 1 ปี ปรับสูงกว่า 4 หมื่นบาทขึ้นไป!!!!
( 20 ก.ย.61) ขณะที่จ.ชัยภูมิ หลังเกิดเหตุสุดสะเทือนใจต่อครอบครัวของด.ญ.หนูน้อง 4 ขวบเศษ “น้องตวงข้าว”หรือด.ญ.ธัญลักษณ์ สลิตกุล อายุ 4 ขวบเศษ ซึ่งอีกไม่กี่วันในวันที่ 30 ก.ย.61 ที่จะตรงกับวันเกิดของน้องอายุครบ 5 ขวบพอดี แต่ต้องมาถูกกลุ่มสุนัขรวม 3 ตัวของเพื่อนบ้านติดกันหลุดออกมาไล่รุมขย้ำกัดจนเด็กเสียชีวิตครั้งนี้ ระหว่างที่ออกไปปั่นจักรยานเล่นในถนนใกล้บ้านของตนเองและเพื่อนบ้านรายนี้ห่างกันไม่ไกลเพียงกว่า 10 เมตร เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 18 ก.ย.61 ที่ผ่านมา
ซึ่งล่าสุดทางด้านผู้ว่าราชการจ.ชัยภูมิ ได้จัดชุดเจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายปกครองอำเภอบ้านเขว้า ปศุสัตว์จังหวัด พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจลงไปช่วยเยียวยาสภาพจิตใจ รวมทั้งให้เจ้าของสุนัขควบคุมสุนัขกลุ่มนี้ขังล่ามโซ่ไว้ภายในบ้านตนเองเพื่อไม่ให้ออกมาก่อนเหตุซ้ำอีกให้ได้และดูแนวทางดำเนินคดีกับเจ้าของสุนัขรายนี้ที่เกี่ยวข้องแล้วเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
โดยเฉพาะส่วนตัวของทางนางสาวเสาวรี จุลเขว้า อายุ 33 ปี แม่ของน้องตวงข้าว วัย 4 ขวบเศษที่เสียชีวิตครั้งนี้ ปัจจุบันเองก็ยังสุดที่จะทำใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ พร้อมญาติๆได้ขอนำศพน้องตวงข้าวออกมาจากรพ.เพื่อนำมาตั้งบำเพ็ญกุศลไว้ที่บ้านเกิดของน้องในซอยบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 194/5 ม.2 ต.บ้านเขว้า อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ที่ตั้งอยู่ใกล้บ้านเพื่อนบ้านที่ปล่อยสุนัข 3 ตัวออกมาไล่กัดน้องเสียชีวิตครั้งนี้ไม่ไกลห่างกันเพียงกว่า 10 เมตร
ซึ่งปัจจุบันบรรยากาศบริเวณถนนจุดเกิดเหตุ บริเวณด้านหน้าบ้านของเจ้าของสุนัขรายนี้ก็ยังทำการปิดเก็บตัวเองเงียบ จะปล่อยสุนัขที่มีทั้งหมดผูกล่ามโซ่ไว้ตามจุดรั้วต่างๆเก็บตัวไว้ทั้งหมดภายในบ้าน
ด้านนางประกาย จุลเขว้า อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นยายของน้องตวงข้าว ที่ถูกสันัขรุมกัดเสียชีวิตครั้งนี้ เปิดเผยว่า ตอนนี้ส่วนตัวแม่น้องเองยังทำใจไม่ได้ ทางญาติก็ได้พูดคุยกันแล้วว่าจะทำพิธีเผาศพน้อง หรือจะนำไปเก็บไว้ก่อนที่สุสานวันในวันเสาร์ที่ 22 ก.ย.61 ที่วันประทุมมาวารวัดประจำของหมู่บ้านต่อไป
ก่อนจะมีการดำเนินการเข้าแจ้งความเพิ่มเติมเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของสุนัขรายนี้ต่อไป โดยนางสาวเขมมิกา จุลเขว้า อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นน้องสาวของแม่น้องตวงข้าว ออกมาเปิดเผยแทนแม่น้องตวงข้าวว่า ว่าตอนนี้ทั้งพี่สาวที่เป็นแม่เองและตนเองยังทำใจไม่ได้ ที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น และไม่มีอะไรที่จะมาช่วยเยียวยาอะไรได้อีกแล้ว ส่วนคดีก็ต้องมีการดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุดต่อไปขอให้เสร็จงานศพน้องในวันเสาร์นี้ก่อน
และสิ่งที่สำคัญที่สุดครั้งนี้ กลุ่มสุนัขที่ยังปล่อยให้เลี้ยงอยู่ภายในชุมชนมีบ้านเรือนชาวบ้านอีกจำนวนมากอยู่ใกล้ และเด็กๆอีกจำนวนมาก รวมทั้งพี่ชายของน้องตวงข้าวที่อายุ 6 ขวบ อีกคน ก็ยังต้องใช้เส้นทางผ่านบ้านเลี้ยงสุนัขดังกล่าวอยู่เป็นประจำ และต่อไปไม่มีใครรู้ได้ว่าสุนัขจะหลุดออกมาวันไหนอีก และจะไปไล่กัดเด็กคนไหนอีก จึงไม่อยากให้สุนัขกลุ่มนี้อยู่ในชุมชนอีกเลยเพื่อความปลอดภัยที่น่าจะเป็นทางออกร่วมกันกับคนในชุมชนครั้งนี้จะดีกว่า
เพราะกฎหมายพรบ.คุ้มครองสัตว์ หรือสุนัข ปัจจุบัน กลับมีการคุ้มครองหมา มากกว่าคน ที่เบื้องต้นก็ทราบว่าหากมีการดำเนินคดีปล่อยปะละเลย เจ้าของสุนัขก็มีโทษถ้าติดคุกก็ไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท แต่ส่วนถ้าชาวบ้านหรือคนที่ใช้เส้นทางผ่านถนนในจุดนี้ที่น้องถูกสุนัขหลุดออกจากบ้านมากัดนั้น เกิดมีใครไปทำร้ายหมากลุ่มนี้เข้า กลับมีกฎหมาย พรบ.คุ้มครองสัตว์มากว่า ต้องมีโทษรุนแรงถูกจำคุกอย่างน้อย 1 ปี ปรับสูงอีกกว่า 4 หมื่นบาท แล้วชาวบ้านใครจะไปกล้าทำร้ายสุนัขกลุ่มนี้ได้ ก็เห็นว่าสุนัขกลุ่มนี้ก็ไม่ควรอยู่ในชุมชนจะเป็นทางออกรวมกันดีกว่าด้วย
รวมทั้งในส่วนของตัวแทนชาวบ้านทั้งนางหลำ แนวโนนทัน อายุ 77 ปี และนางละออง แว่นทิพย์ อายุ 57 ปี ซึ่งเป็นชาวบ้านใกล้เคียงกับเจ้าของบ้านเลี้ยงสุนัขรายนี้อีกจำนวนมาก กล่าวว่า รู้สึกว่าหลังเกิดเรื่องครั้งนี้ กลับกลายเป็นว่ากฎหมายคุ้มครองหมา มากกว่าคนด้วย แล้วชาวบ้านใครจะไปกล้าทำร้ายสุนัขได้เพราะมีโทษหนัก แม้กระทั่งตนเอง ที่ผ่านมา ก็เคยขี่จักรยาน ขับรถจจย.ผ่าน จุดที่น้องถูกกัดเสียชีวิต มาตลอดก็เคยถูกสุนัขกลุ่มนี้ออกมาวิ่งไล่ตามกัดบ่อยครั้ง ร้องเรียกให้คนในบ้านออกมาช่วยก็เงียบ เพราะไม่ค่อยมีคนอยู่บ้านปล่อยสุรัขเลี้ยงไว้ ก็ควรมีการดูแลให้ดีมากกว่านี้ด้วย และยิ่งรับไม่ได้เลยต่อเรื่องพรบ.กฏหมายคุ้มครองหมามากกว่าคนในครั้งนี้ด้วย
ส่วนด้านการดำเนินคดีกับเจ้าของสุนัขก่อเหตุรายนี้ ล่าสุดทางด้าน พ.ต.ท.เอกพล เพชรนอก รอง.ผกก.สอบสวน สภ.บ้านเขว้า เปิดเผยว่า ตอนนี้ก็รอญาติของเด็กที่เสียชีวิตเข้ามาแจ้งความให้รายละเอียดเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งยังทำใจไม่ได้ขอให้เสียงานศพน้องไปก่อน
ทางเจ้าหน้าที่ก็พร้อมที่จะดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย ที่เบื้องต้นเอง ที่มีการแจ้งข้อกล่าวหาเบื้องต้นให้เจ้าของสุนัขรายนี้มารับทราบข้อกล่าวหาไปแล้วในเบื้องต้น ในข้อหาควบคุมสัตว์ดุหรือสัตว์ร้าย ปล่อยปละละเลยให้สัตว์นั้นเที่ยวไปโดยลำพัง ในประการที่อาจทำอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ จนเป็นเหตุให้เด็ก 4 ขวบรายี้เสียเสียชีวิตในครั้งนี้แล้ว ที่อาจจะต้องมีโทษจำคุกไม่น้อยกว่า 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาทนั้น
เป็นการแจ้งข้อหาในเบื้องต้นเท่านั้น ส่วนการสอบสวนและการเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมจากแม่เด็กที่เสียชีวิต เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานต่อไปนั้น ที่ถือว่าเป็นคดีอาญาแผ่นดินแล้ว ยอมความไม่ได้ และหากพบว่ามีความผิดชัดเจนเพิ่มเติมว่าทำการโดยประมาทให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายจนน้องตวงข้าวเสียชีวิตครั้งนี้ ก็จะมีโทษหนักสูงขึ้นไปอีกมีโทษสูงจำคุกอีกไม่น้อยกว่า 10 ปื ในครั้งนี้ด้วย
ส่วนกรณีที่ชาวบ้านเกรงว่าถ้าสุนัขกลุ่มนี้มีการดูแลไม่ดีพอและเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยหลุดออกมาไล่กันคนได้อีกก็เป็นเรื่องที่จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางย้ายสุนัขกลุ่มนี้ไปอยู่ในที่ที่มีการควบคุมดูแลที่พอดีพอให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้นกับชุมชนต่อไป
และกรณีที่ชาวบ้านหวาดกลัวว่า หากเกิดมีสุนัขหลุดออกมาไล่วิ่งทำร้ายเด็ก คนในชุมชนอีก แล้วกลัวว่าจะไปทำร้ายสุนัขกลุ่มนี้และมีโทษหนักตามพรบ.คุ้มครองสุนัข ที่มีโทษหนักจำคุกสูงกว่า 1 ปี ปรับกว่า 4 หมื่นบาท นั้น ขอให้ชาวบ้านเข้าใจถึงกรณีถ้าเป็นการป้องกันตัวเอง เมื่อถูกสุนัขไล่รุมทำร้ายก็สามารถป้องกันตัวได้ ไม่เข้าข่ายความผิด เพราะไม่ใช่เป็นการไปรังแกสัตว์แบบไม่มีเหตุผล เรื่องนี้ต้องดูที่เจตนาของกฏหมายด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: