ชัยภูมิ – พรุ่งนี้ หลังสาวไทยพร้อมสามีชาวสวีเดน ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมธนาคารทำเงินหายจากบัญชีกว่าครึ่งล้าน หลังแจ้งให้ทางธนาคารดังกล่าวรับทราบมานานนับเดือน เรื่องกลับยังไม่มีอะไรคืบหน้าและให้คำตอบว่าจะติดตามเงินทั้งหมดมาคืนเข้าบัญชีให้ได้ตอนไหนได้ สุดทนควงสามีชาวสวีเดนเข้าแจ้งความและวอนขอความเป็นธรรมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง!!!
( 27 ก.ย.61 ) ขณะที่จ.ชัยภูมิ ความคืบหน้ากรณีจของ นางนนทพัทธิ์ แซะโนนตาด อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ 19 ต.บ้านเขว้า อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ พร้อมสามี MR.TRYGGVE OLSSON ชาวสวีเดน ออกมาวิงวอนขอความเป็นธรรมหลังเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.จิตติพัฒน์ คำรังสี พนักงานสอบสวนสภ.เมืองชัยภูมิ หลังมีการตรวจสอบพบว่าตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค. – 17 ก.ย.2561 ที่ผ่านมา มีเงินฝากของตนเองกับธนาคารในประเทศไทยแห่งหนึ่ง ทำเงินในบัญชีของตนเองหายออกไปจำนวนมากกว่า 480,000 บาท จนเกือบหมดบัญชีที่มียอดเงินฝากสะสมไว้เหลือเงินเพียงจำนวน 680 บาท
จึงได้มีการติดต่อสอบถามมาที่ธนาคารสาขาดังกล่าวในจ.ชัยภูมิ เพื่อให้ตรวจสอบ แต่กลับได้รับคำตอบจากธานคารว่าต้องให้ตนเองเดินทางกลับมาจากต่างประเทศสวีเดน เพื่อมาดำเนินการติดต่อกับธนาคารที่จ.ชัยภูมิด้วยตัวเอง ที่จะต้องมีการเสียใช้จ่ายจำนวนมาก ทั้งค่าเครื่องบินกลับไปมาแต่ละครั้งสูงกว่า 120,000 บาท และเสียรายได้เงินที่ต้องต้องลางานมาแต่ละครั้งอีกเกือบ 2 แสนบาท ซึ่งตนเองจึงแจ้งว่าทางธนาคารทำไมไม่ตอบสอบชี้แจงอะไรให้ได้เลย ทั้งที่พบว่ามีเงินตนเองหายไปจากธนาคารแล้วจำนวนมาก เพื่อต้องการให้ธนาคารติดตามเงินที่หายไปมาคืนให้เท่านั้น เพราะไม่อยากให้เกิดความเสียหายและเกิดความไม่ช่วยมั่นต่อธนาคารดังกล่าวที่ควรแสดงความรับผิดชอบมากกว่านี้ด้วย และการเดินทางกลับมาแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายสูงเกือบเท่าเงินที่หายไปใครหรือ ธนาคารจะช่วยรับผิดชอบอย่างไรด้วยหรือไม่
ทางธนาคารดังกล่าวเองกลับไม่ให้คำตอบอะไร ตนเองและสามีชาวสวีเดน จึงตัดสินใจเดินทางกลับมาที่จ.ชัยภูมิครั้งนี้เพื่อไปติดต่อกับธนาคารและเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่สภ.เมืองชัยภูมิ แต่จนปัจจุบันเวลาผ่านมานานกว่า 1 เดือนหลังพบเงินหายไปจากบีญชีธนาคารทางธนาคารก็ยังไม่มีคำตอบอะไรให้ได้อีก จึงออกมาขอความเป็นธรรมครั้งนี้ผ่านสื่อมวลชนไทยในจ.ชัยภูมิในครั้งนี้ด้วย
ซึ่งล่าสุดวันนี้ผู้สื่อข่าวได้เดินทางขอเข้าพบผู้จัดการสาขาธนาคารต้นเหตุแห่งหนึ่ง ที่ทำเงินหายจากบัญชีลูกค้าชาวต่างชาติรายนี้ ก็ได้รับคำตอบว่าตอนนี้ยังไม่สามารถให้รายละเอียดใดๆได้ เพราะขณะนี้เรื่องทั้งหมดได้รายงานไปยังผู้จัดการส่วนกลางสาขาใหญ่ที่กทม.ทราบ เพื่อรอพิจารณาเรื่องแล้วและถึงจะแจ้งผลการตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ต่อไปส่วนตัวของธนาคารสาขาเองยังไม่ขอให้รายละเอียดใดๆได้
ซึ่งด้านMR.TRYGGVE OLSSON ชาวสวีเดน สามีสาวไทยรายนี้ที่เป็นเป็นเจ้าของเงินในบัญชีที่หายไปกว่า 480,000 บาท กล่าวว่า ถึงความรู้สึกไม่ดีต่อระบบธนาคารแห่งนี้ในประเทศไทยมาก เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นก็เคยมีการทำเงินหายจากบัญชีไปแล้วครั้งหนึ่งรวมกว่า 1 แสนบาท ซึ่งก็ไม่ติดใจในครั้งแรก แต่มาครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ซ้ำอีก ทั้งที่ควรจะมีคำคตอบที่ชัดเจนมากกว่านี้เมื่อพบว่าลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติ และภรรยาชาวไทยเอง และเพื่อนๆชาวต่างชาติคนอื่นๆทราบข่าว ก็รู้สึกไม่ดีต่อกรณีที่เกิดขึ้นถึง ความรู้สึกไม่ดีตามมาอีกจำนวนมากด้วย และอยากให้ธนาคารแห่งนี้ในเมืองไทยต้องกล้าที่จะแสดงความรับผิดชอบมากว่านี้ด้วย
จนล่าสุผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการประสานจากผู้จัดการธนาคารใหญ่ที่ควบคุมสาขาย่อยของธนาคารแห่งนี้ในจ.ชัยภูมิ ทั้งหมดที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น เพื่อให้ติดต่อประสานงานไปยังสื่อมวลชนทุกแขนงในพื้นที่จ.ชัยภูมิ เพื่อเตรียมที่จะขอเปิดแถลงชี้แจงต่อกรณีที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดครั้งนี้ต่อสื่อมวลชนทั้งหมดในจ.ชัยภูมิ ในเวลา 09.00 น.ของวันที่ 28 ก.ย.2561 นี้ ณ ธนาคารต้นสังกัดสาขาดังกล่าวต่อไปด้วย เพื่อไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบโดยรวมต่อธนาคารในประเทศไทย ที่เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนของบุคคล ที่อาจจะมีผิดพลาดได้ แต่องค์กรโดยรวมของภาคธนาคารแห่งประเทศไทยทั้งหมดโดยรวมที่ดีๆก็มีจำนวนมากอยู่แล้ว และ มีระบบที่ดีอยู่แล้ว ขอให้ทุกฝ่ายเชื่อมั่นและพร้อมที่จะให้ตรวจสอบได้ทุกเรื่องต่อไป ต่อกรณีที่เกิดขึ้นไม่มีการนิ่งนอนใจแต่อย่างใดขอให้เข้าใจการทำงานที่ไม่อยากให้องค์กรเสียหายในครั้งนี้ แต่เป็นเรื่องของบุคคลที่ผิดพลาดเท่านั้นในครั้งนี้ด้วย
