ชัยภูมิ – จนท.เร่งระดมเข้าช่วยกันผลักดันกลับคืนสู่ป่าภูเขียว อย่างต่อเนื่องแล้ว!
ล่าสุดเมื่อช่วงเวลาตลอดทั้งวันที่ผ่านมายันค่ำวันที่ 28 ก.ย.63 มีความคืบหน้ากรณีพระชาวบ้านพากันแตกตื่นวุ่นไปทั่วทั้งหมู่บ้าน หลังช่วงเช้าที่ผ่านมาพบหมีป่าแม่ลูกอ่อน 3 ตัวโผล่หิวโซเดินหาอาหารกินในวัดกลางหมู่บ้าน ซึ่งเป็นชุมชนตั้งอยู่ใกล้เขตป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว และมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก อยู่ดีๆหมีป่าเข้ามาโผล่ในวัดกลางหมู่บ้าน รวม 3 ตัว พบน่าจะเป็นหมีป่าแม่ลูกอ่อน ซึ่งเจ้าอาวาสไปพบเข้าและรีบวิ่งไปแจ้งชาวบ้านมาช่วยกันดู เพราะกลัวหมีจะทำร้ายเกิดความไม่ปลอดภัยกับคนในหมู่บ้านได้ ก่อนรีบแจ้งหน้าที่หน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งเข้าช่วยตรวจสอบ
ซึ่งพบว่าหมีป่า 3 ตัว พากันออกมาเดินหากินอาหารอยู่ในวัดกลางหมู่บ้าน ในบริเวณวัดพรมสุทธิสาร ของหมู่บ้านพรม หมู่ที่ 1 ต.กุดเลาะ อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ โดยมีหลวงพ่อสนาม จักกวโร เจ้าอาวาสวัดเป็นผู้พบเห็นกลุ่มหมีดังกล่าวเป็นคนแรก เล่าว่า ได้พบกลุ่มหมีรวม 3 ตัว ที่คาดว่าจะเป็นหมีแม่ลูกอ่อน ตัวแม่ขนาดใหญ่น้ำหนักไม่น่าจะน้อยกว่า 100 กิโลกรัม ส่วนลูกที่เดินทางมาตามมาอีก 2 ตัวน่าจะมีขนาดน้ำหนักไม่น้อยกว่า 30 กิโลกรัม ครั้งนี้มาตั้งแต่เมื่อช่วงเวลา 07.30 น.วันที่ 28 ก.ย.63 ที่ผ่านมา ซึ่งพบมีหมีแม่ลูกอ่อนจำนวน 3 ตัว นี้อยู่ดีๆ ก็มาโผล่เดินเข้ามาภายในวัด ไปที่หน้ากุฏิในวัด ก่อนที่เจ้าอาวาสจะรีบหลบไม่ให้หมีเห็นเพราะกลัวถูกหมีทำร้าย และแอบดูว่าหมี ทั้ง 3 ตัวได้เดินตามกันออกจากวัดไปยังไร่อ้อยของชาวบ้านใกล้กัน
ก่อนที่จะรีบไปแจ้งบอกให้ชาวบ้านที่มาวัดพากันไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน ให้เร่งประสาน จนท. ป่าไม้จากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว มาตรวจสอบซึ่งพบมีรอยเท้าหมีบางส่วน ก่อนที่หมีจะหลบหายเข้าไปในป่าอ้อยของชาวบ้านใกล้เคียง ที่มีพื้นที่ป่าไร่อ้อยหนาแน่นกว้างกว่า 5 ไร่ จึงได้มีการประสานทั้งทางเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิหน่วยต่างๆ พร้อมจนท.ป่าไม้ภูเขียว หน่วยป้องกันรักษาป่าภูเขียว สวนรุกขชาติ ของกรมป่าไม้ อีกร่วม กว่า 100 คน พร้อมชาวบ้านชายฉกรรจ์อีกส่วนหนึ่ง ออกมาช่วยกันปิดล้อมพื้นที่ป่าอ้อยดังกล่าว ขึ้นปีนตามเสาสูงส่องดูเพื่อติดตามตัวกลุ่มหมีไว้รอ จนท.อีกชุด
เพื่อรอให้ทาง จนท.ชุดยิงยาสลบ เดินทางมาจากศูนย์เพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จัด จนท.ที่เชี่ยวชาญในการจับหมีมาช่วยจับกลุ่มหมีทั้งหมด ที่ยังหลบอยู่ในป่าอ้อยของชาวบ้านเพื่อนำตัวไปอยู่ในที่ปลอดภัยไม่เป็นอันตรายต่อประชาชนในพื้นที่เป็นการด่วนต่อไป
ซึ่งล่าสุดทาง ชุด จนท.ยิงยาสลบ ได้ระดมเข้าพื้นที่เพื่อเร่งติดตามตัวหมีทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง โดยมีนายสมพงษ์ บุญสนอง หน.สถานีเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ได้ประชุมหาแนวทางในการจับหมีครั้งนี้ไว้เบื้องต้น 3 แนวทางเพื่อความปลอดภัยทั้งคนและหมี ซึ่งพบว่าเบื้องต้นหมีกลุ่มนี้เป็นหมีหมา หรือเรียกว่าหมีคน ที่มีขนาดตัวไม่ใหญ่เหมือนหมีชนิดอื่นอย่างหมีควายที่จะมีขนาดใหญ่มากกว่านี้ คือ 1.ใช้การผลักดันให้หมีกลับเข้าป่าเขตภูเขียวไปเอง 2.ผลักดันเข้ากรงดัก และมาตรการสุดท้ายที่ 3. ด้วยการยิงยาสลบ
ซึ่งในช่วงนี้อยู่ระหว่าง ระดม จนท.เข้าติดตามตัวหมีฯ ที่หลบเข้าไปในไร่อ้อยชาวบ้าน ในรอยต่อ 2 อำเภอ ของ อ.เกษตรสมบูรณ์ และ อ.คอนสาร ของ จ.ชัยภูมิ อย่างต่อเนื่อง ซึ่ง จนท.คาดว่าหมียังหลบอยู่ในรอยต่อป่าอ้อยของชาวบ้านบ้านพรม หมู่ 1 อยู่ไม่ไกล และหากชาวบ้านใครที่พบเห็นร่องรอยหมีดังกล่าวขอให้ช่วยกันรีบแจ้ง จนท. ผู้นำชุมชนได้ทันที เพื่อที่จะได้ช่วยกันผลักดันให้หมีแม่ลูกอ่อน 3 ตัวนี้กลับคืนสู่ธรรมชาติในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ในที่ปลอดภัยไม่เป็นอันตรายต่อคนในชุมชนใกล้เคียงโดยเร็วต่อไป
ที่มีรายงานล่าสุดช่วงเวลาใกล้ค่ำวันเดียวกันนี้ ทาง จนท.ได้พบตัวหมีและเข้าพยายามปิดล้อมผลักดันให้หมีป่าทั้ง 3 แม่ลูกอ่อนกลับคืนป่าภูเขียวอย่างต่อเนื่องแล้ว โดยจะไม่ใช้มาตรการรุนแรงถึงขั้นต้องยิงยาสลบ เพียงแต่เตรียมไว้ป้องกันเหตุที่ จนท.อาจเสี่ยงไปเผชิญหน้ากับหมีชนิดนี้ที่ค่อยข้างดุร้ายหากพบเจอคนเท่านั้น และเป็นวิธีการที่เสี่ยงอาจจะทำให้ลูกหมีดังกล่าวเป็นอันตรายได้
ซึ่งถือว่ากลุ่มหมีหมา หรือหมีคน กลุ่มนี้เป็นสัตว์ป่าหายาก และคาดว่าจะปิดล้อมกดดันให้หมีทั้งหมดอีกไม่เกิน 1-2 วันนี้ ได้กลับคืนสู่ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวตามเดิมได้ ที่พบว่าสาเหตุที่หมีป่า 3 แม่ลูกอ่อนหลุดออกมาจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จ.ชัยภูมิ ครั้งนี้เพราะช่วงนี้เกิดฝนตกหนักบนเทือกเขาภูเขียว และคาดว่าลูกหมีป่าถูกน้ำป่าพัดลงมาในลำน้ำพรมที่อยู่ใกล้พื้นที่บริเวณวัดและชุมชนดังกล่าวขึ้น ก่อนที่แม่หมีจะพยายามตามมาช่วยลูกหมีและพากันกันหนีขึ้นจากน้ำมาได้ และพากันเดินออกมาหาที่อาศัยและกินอาหารในวัดกลางชุมชนดังกล่าว ก่อนที่ จนท.ชุดป่าไม้หน่วยงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง จะเร่งช่วยกันผลักดันให้หมีแม่ลูกอ่อนทั้งหมด 3 ตัวได้กลับคืนสู่ป่าผืนภูเขียวตามเดิมได้ต่อไป
