ชัยภูมิ – หลังเมื่อวานนี้เกิดเหตุต้นกังหันลมผลิตไฟฟ้าของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านเกาะแหลม ตำบลวังยายทอง อ.เทพารักษ์ จ.นครราชสีมา เกิดระเบิดใบพัดหักพังกระจายถล่มลงมาใกล้ชุมชนบ้านประชาชนใกล้เคียงต้องพากันแตกตื่นตกใจไปทั่วบริเวณกว้าง ซึ่งเสียงระเบิดของต้นกังหันครั้งนี้ดังไปไกลกว่า 5 กิโลเมตร และยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดระเบิดพังลงมาครั้งนี้ได้ และยังสร้างความแตกตื่นมายังชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างกันไม่ถึง 6 กิโลเมตร ของต.ห้วยยายจิ๋ว และต.วะตะแบก ใน อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ ที่ก็มีการเข้ามาดำเนินการตั้งต้นกังหันลมผลิตไฟฟ้าอยู่ในพื้นที่จำนวนมากหลายสิบต้นมูลค่าลงทุนแต่ละจุดๆ 30 ต้นขึ้นไปต้องลงทุนสูงกว่า 7,000 ล้านบาทขึ้นไป และมีการเข้ามาก่อสร้างไปพร้อมกันกับพื้นที่รอยต่อใกล้กันของอ.เทพารักษ์และอ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ควบคู่กันมาต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปี 2559 ที่ผ่านมา!!
( 31 ต.ค.61 ) และขณะที่ด้านจ.ชัยภูมิ เองก็มีการยื่นเรื่องร้องขอความเป็นธรรมต่อการเข้ามาดำเนินโครงการของบริษัทเอกชนที่เข้ามตั้งกังหันลมบริษัทไฟฟ้าจำหน่ายในพื้นที่อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ มาต่อเนื่องมาตั้งแต่มีการเข้ามาตั้งโครงการดังกล่าวมาตลอดช่วงกว่า 3 ปี เช่นกัน ว่าจะมีผลกระทบด้านเสียงและความไม่ปลอดภัยต่อคนในชุมชนตามมาใครจะรับผิดชอบ
จนมีการส่งตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่กว่า 5 หมู่บ้าน ในหมู่ที่ 1,2,6,7 และหมู่ 15 กว่า 1,000 หลังคาเรือน ในพื้นที่ ต.วะตะแบก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ ออกมายื่นเรื่องขอความเป็นธรรมต่อศูนย์ดำรงธรรมจ.ชัยภูมิ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมายาวนานกว่า 3 ปี ต่อการดำเนินงานโครงของรัฐที่มีหน่วยงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เขต 6 นครราชสีมา(กกพ.) เข้ามาส่งเสริมพลังงานทดแทนเพื่อเพิ่มกำลังผลิตกระแสไฟฟ้า ให้กับบริษัทเอกชน เพื่อเข้ามาลงทุนในการดำเนินกิจการผลิตไฟฟ้าจากกังหันลม ซึ่งมีการดำเนินการลงทุนไปแล้วมากว่า 7,000 ล้านบาท และมีการตั้งเสากังหันลมในพื้นที่ไปแล้วรวมกว่า 30 ต้น เฉลี่ยต่อต้นสามารถผลิตฟ้าได้ต้นละไม่น้อยกว่า 2 เมกะวัตต์ ในพื้นที่ของต.วะตะแบก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ มาตั้งแต่ต้นปี 2559
ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ต.ค.61 ที่ผ่านมา ทางอำเภอเทพสถิต จ.ชัยภูมิ ได้มีการเชิญตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากกังหันลมส่งเสียงดัง ในต.วะตะแบก มาเข้าร่วมประชุมหาแนวทางแก้ไขร่วมกันกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ในพื้นที่จ.ชัยภูมิ โดยมีนายวิชัย ตั้งคำเจริญ นายอำเภอเทพสถิต เป็นประธาน ร่วมกับหน่วยงานตัวแทนคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานเขต 6 นครราชสีมา กกพ.ผู้อนุมัติการก่อสร้างโครงการกังหันลมดังกล่าว และมีนายวิชานนท์ วิมลสังข์ ที่ปรึกษา CEO บริษัทวะตะแบก วินด์ พลังงานจังหวัดชัยภูมิ นายไพรวัลย์ แทนทรัพย์ นายก อบต.วะตะแบก พร้อมตัวแทนชาวบ้าน สาธารณสุขจังหวัด กรมมลพิษ และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ดำรงธรรมจ.ชัยภูมิ มาร่วมประชุมหาแนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ร่วมกัน ณ ห้องประชุมชั้น 2 อบต.วะตะแบก
แต่ก็ยังหาข้อยุติในการแก้ปัญหากังหันลมส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าวได้ และยังมีการอ้างปฏิเสธความรับผิดชอบร่วมกันอ้างข้อมูลยืนยันในที่ประชุมที่ไม่เป็นข้อเท็จจริง ของบริษัทกังหันลมและหน่วยงานของ กกพ.ที่เกี่ยวข้อง ว่าในส่วนของต้นกังหันที่ตั้งในปี 2559 ไปแล้วนั้นที่ตั้งอยู่ใกล้บ้านเรือนประชาชนไม่เกิน 100 – 400 เมตร ที่ตั้งไปแล้วนั้นก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องย้ายออกมาจากชุมชน เพราะมีกฎหมายการตั้งต้นกังหันลมออกมาใหม่ใช้บังคับในปี 2560 ที่ประกาศบังคับใช้ไม่มีผลย้อนหลัง จึงไม่ต้องมีการดำเนินการใดๆกลับจุดที่ตั้งกังหันลมอยู่ใกล้บ้านประชาชนอยู่เดิมก่อนแล้ว และปล่อยให้ชาวบ้านต้องทนทุกข์ต่อข้อกฎหมายดังกล่าว ที่ตั้งอยู่ใกล้ต้นกังหันลมส่งเสียงดังเดือดร้อนหนักกว่าใครเพื่อนมาตลอดจนปัจจุบันกว่า 3 ปี โดยยังไม่มีหน่วยงานใดลงมาช่วยรับผิดชอบเรื่องนี้ได้เลย
จนล่าสุดมีรายงาน การมาตรวจสอบกลับพบว่าข้อมูลดังกล่าวที่มีการนำมาอ้างในที่ประชุมเมื่อวันที่ 16 ต.ค.61 ที่ผ่านมา กลับพบว่ากฏหมายประกาศดังกล่าวที่ถูกนำมาอ้างกลับไม่เป็นความจริง ที่ตามมีกฏหมายระบุที่พบตามข้อเท็จจริง เรื่องกำหนด ระยะห่างของต้นกังหันลม ต้องห่างจากชุมชน 3 เท่า + รัศมีตามกฎ กกพ. ที่ออกมานั้นมีประกาศบังคับใช้ในวันที่ 11 มิ.ย.2558 ก่อนที่บริษัทกังหันลมจะเข้ามาตั้งเมื่อต้นปี 2559 ซึ่งต้นกังหันมีความสูง 150 เมตร +ใบ 60 =210 ×3=630 เมตร ที่จะต้องเป็นข้อบังคับหลักตามกฎหมายที่แท้จริงคือจะต้องอยู่ห่างจากชุมชนอย่างน้อยอยู่ที่ 630 เมตร ซึ่งมีการอ้างผลการเข้าประชุมในวันที่ 16 ต.ค.61 ที่ผ่านมาทาง กกพ.ได้เข้าร่วมด้วยและได้แจ้งทางที่ประชุมว่า กฎออกมาปี 60 ไม่สามารถบังคับใช้ได้ แต่แท้ที่จริงแล้วกฎ กกพ.ออกมาก่อนการสร้างกังฟันลม เท่ากับ กกพ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ครั้งนี้เองอ้างข้อมูลกฏหมายที่ไม่จริงในที่ประชุมด้วย เท่ากับว่าการสร้างกังหันผิดกฎหมายใกล้ชุมชน ซึ่งปัจจุบันเองต้นกังหันลมจำนวนมากที่ตั้งอยู่ในพื้นที่จ.ชัยภูมิ แต่ละต้นอยู่ห่างชุมชนบ้านคนใกล้มากและไม่เป็นไปตามกฏหมายกำหนดเฉลี่ยอยู่ที่100 – 400 เมตรเท่านั้นในปัจจุบัน
ซึ่งหลังมีการประชุมล่าสุดของวันที่ 16 ต.ค.61 ทางบริษัทกังหันลมที่เกี่ยวข้องเอง จึงขอปฏิเสธว่าจะไม่ขอปรับแก้ปัญหาเรื่องกังหันลมที่ส่งเสียงดังให้ชาวบ้านได้ และหากชาวบ้านรายใดคิดว่าไม่เป็นธรรมก็ให้ขอมาเข้าระบบเยียวยาเท่านั้น
ต่อมาทางนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจ.ชัยภูมิ หลังได่รับรายงานต่อกรณีที่เกิดขึ้น ได้มีการชี้แจงการดำเนินการมาที่สื่อมวลชนว่า ในกรณีกังหันลมตามที่มีผู้ร้องเรียน/ร้องทุกข์ผ่านระบบ1111 ของสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและศดธ.จว.ชย กรณีได้รับความเดือดร้อนจากเสียงดังของใบพัดกังหันลม ขอสรุปรายงานผลการประชุมดังนี้ ว่าการประชุมครั้งที่ 1ในวันที่ 21ส.ค 61 อบต.วะตะแบกได้จัดประชุมเพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหา โดยเชิญผู้ร้อง บริษัทกังหันลม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ประชุมรับทราบข้อเสนอของผู้ร้อง 2 ข้อดังนี้ คือ 1.เสนอให้ลดความเร็วของใบพัดในช่วง 3 เดือนห้วงฤดูหนาว ให้อยู่ในระนาบเสียงดังน้อยที่สุดแต่ยังทำงานได้ และ2.เสนอให้หยุดในช่วงฤดูหนาว ส่วนระยะเวลายาวนานเท่าใดจะสรุปภายหลัง ซึ่งตัวแทนบริษัทฯ ได้รับข้อเสนอไปเสนอผู้มีอำนาจตัดสินใจของบริษัทฯต่อไป
จนต่อมาในการประชุมครั้งที่ 2 ในวันที่ 16 ต.ค 61 โดยได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมเพื่อติดตามผลซึ่งบริษัทได้แจ้งว่าไม่สามารถรับข้อเสนอ 2 ข้อดังกล่าวได้ เนื่องจากบริษัทได้ทำสัญญากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตต้องส่งมอบกระแสไฟฟ้าให้ ไม่สามารถลดหรือหยุดได้ เพราะจะมีผลต่อปริมาณกระแสไฟฟ้า แต่บริษัทพร้อมที่จะเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งที่ประชุมมีมติรับทราบข้อเสนอของบริษัทฯ ทั้งนี้ผู้ได้รับผลกระทบจะยอมรับการเยียวยาหรือพอใจกับการเยียวยาหรือไม่ก็เป็นก็เป็นสิทธิ์ของผู้ร้อง
และทั้งนี้เองล่าสุด ทางอำเภอเทพสถิต ได้แจ้งข้อร้องเรียนและการดำเนินการในส่วนของอำเภอให้กกพ.จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ และพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยเร็วต่อไป ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีคำตอบดังในการแก้ปัญหากังหันลมที่เกิดขึ้นมาให้ทางจ.ชัยภูมิ ทราบแต่อย่างใด ซึ่งทางจ.ชัยภูมิ ก็ยังรอคำตอบชี้แจงจาก กกพ.ที่แน่ชัดออกมาอีกครั้งเพิ่มเติมอยู่ขณะนี้
จนมาล่าสุดเมื่อช่วงวานนี้ 30 ต.ค.61 ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุต้นกังหันลมผลิตไฟฟ้าของบริษัทเอกชนอีกแห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านเกาะแหลม ตำบลวังยายทอง อ.เทพารักษ์ จ.นครราชสีมา เกิดระเบิดใบพัดหักพังกระจายถล่มลงมาใกล้ชุมชนบ้านประชาชนใกล้เคียงต้องพากันแตกตื่นตกใจไปทั่วบริเวณกว้างเป็นจำนวนมาก ซึ่งเสียงระเบิดของต้นกังหันครั้งนี้ดังไปไกลกว่า 5 กิโลเมตร และยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดระเบิดพังลงมาของต้นกังหันลมครั้งนี้ได้
และยังสร้างความแตกตื่นมายังชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างกันไม่ถึง 6 กิโลเมตร ของต.ห้วยยายจิ๋ว และ ต.วะตะแบก ใน อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ ซึ่งนายบุญ บำเรอกลาง อายุ 45 ปี อีกหนึ่งตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่ต.วะตะแบก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ ที่ยังได้รับผลกระทบเรื่องกังหันลมส่งเสียงดังรบกวนยังไม่ได้รับการแก้ไขมาได้เลยจนถึงวันนี้อยู่ และมีต้นกังหันลมตั้งอยู่ใกล้พื้นที่บ้านเพียงกว่า 100 เมตร ก็ยังไม่รู้ชะตากรรมตัวเองว่า ต้นกังกันจะระเบิดล้มมาทับบ้านตัวเองและชาวบ้านคนอื่นๆวันไหนตามมาได้อีก และชาวบ้านในพื้นที่ใกล้ต้นกังกันลมในจุดนี้ก็มีจำนวนมากกว่า 190 ครอบครัว ซึ่งก็ต่างเริ่มพากันหวาดผวาหนักซ้ำตามาอีก
รวมทั้งในส่วนต้นกังหันลมที่ถึงแม้ไม่อยู่ใกล้บ้านอยู่ตามสวนไร่นา ก็ไม่รู้ว่าจะปลอดภัยและอาจจะเกิดระเบิดพังถล่มตามมาอีกวันไหนก็ไม่รู้ได้เช่นกัน ทำให้ชาวบ้านใน อ.เทพสถิต ครั้งนี้ต่างพากันหวาดผวาไปทั่วกันหมดเป็นอย่างมากตามมาในครั้งนี้ด้วย จนไม่มีใครกล้าที่จะเข้าใกล้กันหันลมอีกแล้ว หลังทราบข่าวต้นกังหันลมระเบิดที่ อ.เทพารักษ์ จ.นครราชสีมา ระเบิดพังลงมาใกล้บ้านคนวานนี้ ซึ่งมีพื้นที่ห่างกันไม่ถึง 6 กิโลเมตรเท่านั้น และเป็นแนวต้นกังหันลมใกล้กันทั้งหมดดังกล่าวด้วย
ที่จากที่ผ่านมา ได้มีการเข้ามาดำเนินการตั้งต้นกังหันลมผลิตไฟฟ้าอยู่ในพื้นที่จำนวนมากหลายสิบต้นมูลค่าลงทุนแต่ละจุดๆ 30 ต้นขึ้นไปต้องลงทุนสูงกว่า 7,000 ล้านบาทขึ้นไปมาพร้อมกันกับพื้นที่รอยต่อใกล้กันของอ.เทพารักษ์และอ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ควบคู่กันมาต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปี 2559 ที่ผ่านมา
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: