ชัยภูมิ – สถาบันพระปกเกล้า ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฎชัยภูมิ เชิญผู้สมัครเป็นนายก อบจ.และผู้สมัครเป็นสมาชิก อบจ.ชัยภูมิ ร่วมเปิดเวทีการเมืองท้องถิ่นสมานฉันท์ ไม่ซื้อสิทธิ์ขายเสียง พร้อมเปิดโอกาสให้ 4 ผู้สมัครชิงนายก อบจ. แต่ละคนได้แสดงวิสัยทัศน์แนวทางนโยบายในการจะขอเป็นทางเลือกเป็นตัวแทนชาวชัยภูมิเข้าไปพัฒนาจังหวัด เพื่อเป็นอีกแนวทางเลือกให้กับประชาชนชาวชัยภูมิในการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย!
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 17พ.ย.62 ที่ห้องประชุมตึก 9 ชั้น มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ นายภูมิสิทธิ์ วังศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เป็นตัวแทนชาวชัยภูมิเปิดเวทีการเมืองท้องถิ่นสมานฉันท์ ไม่ซื้อสิทธิขายเสียง ร่วมกับสถาบันพระปกเกล้า และมหาวิทยาลัยราชภัฎชัยภูมิ จัดขึ้น ซึ่งได้เล็งเห็นความสำคัญการเมืองท้องถิ่น ที่จะมีการเลือกตั้ง นายก อบจ.และ ส.อบจ.ขึ้นในวันที่ 20 ธ.ค.63 พร้อมกันในทั่วประเทศในครั้งนี้ ร่วมทั้งที่ จ.ชัยภูมิ
ซึ่งสถาบันพระปกเกล้า และภาคประชาชนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ในฐานะเป็นกลไกที่จะส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาการเมือง และคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งระบบ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมคุณภาพประชาธิปไตยผ่านการส่งเสริมการมีส่วนร่วม ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อมีการเลือกตั้งขึ้นครั้งใด การแข่งขันกันเพื่อหาสียงระหว่างผู้สมัคร จะมีการแข่งขันรุนแรง และเกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายขึ้น จนนำไปสู่ความแตกแยกของผู้ให้การสนับสนุนผู้สมัครของแต่ละฝ่าย
และการจัดเวทีการเมืองท้องถิ่นสมานฉันท์ ไม่ซื้อสิทธิขายเสียงครั้งนี้ขึ้น ก็เพื่อผลักดันให้เกิดการพูดคุยกันเกี่ยวกับการสร้างการเมืองท้องถิ่นสมานฉันท์ ผ่านการส่งเสริมการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ ยุติธรรมในการเลือกตั้งท้องถิ่นทุกระดับ
ซึ่งการจัดการเลือกตั้งทั้งนายก อบจ.และสมาชิก อบจ.ที่จะมีขึ้นในวันที่ 20 ธันวาคม 2563นี้ ในส่วนของจังหวัดชัยภูมิ มีผู้สมัครรับการเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.ชัยภูมิ จำนวน 4 คน ขณะที่ผู้สมัครรับการเลือกตั้งเป็นสมาชิก อบจ.ทั้ง 16 อำเภอ ใน 36 เขตเลือกตั้ง จำนวนผู้สมัคร 152 คน
โดยผู้สมัครรับการเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.ชัยภูมิ หมายเลข 1 นายอร่าม โล่ห์วีระ อายุ 70 ปี อดีต ส.ส.หลายสมัยเมื่อช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมา อดีต รมช.คมนาคม และ ส.ส.พรรคความหวังใหม่ หมายเลข 2 พ.ต.อ.สรวิศ มาอินทร์ อายุ 61 ปี ผู้สมัครหน้าใหม่ อดีตตำรวจกองปราบปรามมือดี และกองสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ มานานกว่า 20 ปี ที่ครั้งนี้หลังเกษียณข้าราชที่ จ.ชัยภูมิ ก่อนที่จะได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดชัยภูมิ และขอมาลงสมัครชิงชัยในนามผู้สมัครทีมอิสระก้าวใหม่เพื่อชาวชัยภูมิ ประกาศขอนำทีม ส.อบจ.อีกไม่น้อยที่ให้การสนับสนุน หมายเลข 3 ดร.ปาริชาติ ชาลีเครือ อายุ 64 ปี อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทยและเพื่อไทย หลายสมัย ก่อนที่จะมาลงสมัครในนามพรรครักผืนป่าฯ เมื่อครั้งเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งที่ผ่านมาล่าสุดไม่ประสบผลสำเร็จ ครั้งนี้จึงหันมาลงสมัครรักษาฐานเสียงชิงนายก อบจ.ชัยภูมิ แทนน้องชาย คือนายมนตรี ชาลีเครือ อดีต นายก อบจ.ชัยภูมิ คนล่าสุดก่อนที่จะหมดวาระลงให้มีการเลือกตั้งใหม่ในครั้งนี้ที่ครั้งนี้เธอมีเสียงสนับสนุนจากพรรคเพื่อไทยอีกบางส่วน และหมายเลข 4 นายสุชีพ เศวตกมล อายุ 58 ปี อดีต ส.อบจ.อำเภอเมืองชัยภูมิ ที่ครั้งนี้มีฐานเสียงจากสายพรรคเพื่อไทยอีกกลุ่ม แตกคอออกมาบางส่วนสนับสนุนให้ลงชิง นายก อบจ.ครั้งนี้
ซึ่งในเวทีครั้งนี้ยังได้เปิดให้ผู้สมัครชิงนายก อบจ.ชัยภูมิ ได้แสดงวิสัยทัศน์แนวทางการพัฒนาจังหวัดชัยภูมิ ของ 4 ผู้สมัครแต่ละคนได้ชูนโยบายหาเสียงที่จะไปพัฒนาจังหวัดชัยภูมิ โดยหมายเลข 1 นายอร่าม โลห์วีระ ชูประเด็นการกระจายอำนาจบริหารงานท้องถิ่นลงไปถึงการมีส่วนร่วมจากประชาชนในทุกหมู่บ้านชุมชน ขณะที่หมายเลข 2 พ.ต.อ.สรวิศ มาอินทร์ ชูประเด็นนำการพัฒนาเพื่อให้เมืองชัยภูมิเป็นเมืองแห่งความสุข 5 ประการการพัฒนาแหล่งน้ำคือชีวิต การเกษตร กีฬา การท่องเที่ยว อนุรักษ์วัฒนธรรมสิ่งแวดล้อม ยกระดับการศึกษาเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับชาวชัยภูมิไปสู่เมืองแห่งความสุข ส่วนหมายเลข 3 ดร.ปาริชาติ ชาลีเครือ ชูประเด็นสร้างงานเก่าต่องานใหม่ให้มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้นหลังจากที่เคยเป็นรองนายก อบจ.ชัยภูมิสมัยที่ผ่านมา และหมายเลข 4 นายสุชีพ เศวตกมล ได้ชูประเด็นการแก้ไขพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานถนนหนทาง แหล่งน้ำ และการสร้างงานสร้างอาชีพให้กับประชาชน
