ชัยภูมิ – ยังมาถูกตุ๋นจนเปื่อยซ้ำอีก รวมมีผู้เสียหายในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ มากกว่า 6 อำเภอ รวมกว่า 40 ราย สูญกว่า 8 ล้านบาท ผู้เสียหายหลายรายที่ต้องไปหากู้ยืมเงินมาหวังให้ลูกหลานตกงานช่วงโควิ-19ระบาด ได้ไปทำงานต่างประเทศถึงต้องหมดตัวขายที่นาใช้หนี้ จนท.ฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์อย่าไปหลงเชื่อนายหน้าเถื่อนง่ายๆ แบบนี้อีก ซึ่งพบสถิติคนชัยภูมิถูกหลอกไปทำงานต่างประเทศตกเป็นเหยื่อพุ่งเป็นอันดับ 3 ของประเทศ !
เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 17 ธันวาคม 2563 ที่บริเวณหน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ พล.ต.ต.ฉลอง สุขจันทร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ ( ผบก.ภ.จว.ชย.) พร้อมด้วยชุดเจ้าหน้าที่สืบสวน กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ ได้เปิดแถลงผลการติดตามจับกุมเครือข่ายนายหน้าเถื่อนหลอกคนไปในทำงานในต่างประเทศ ท่ามกลางที่มีชาวบ้านประชาชนผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อถูกหลอกในครั้งนี้รวมมาจากกว่า 6 อำเภอ รวมมีผู้เสียหายจำนวนมากกว่า 40 คน ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ มูลค่าความเสียหายมากกว่า 8 ล้านบาท ได้เดินทางมารอดูการแถลงข่าวและนำกระเช้าดอกไม้มารอมอบให้กำลังใจต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้ด้วย
หลังเมื่อช่วงค่ำวานนี้ที่ผ่านมาทางชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ สนธิกำลังชุดสืบสวนมาต่อเนื่องในหลายพื้นที่ของ จ.ชัยภูมิ จนสามารถติดตามจับกุม ตัว “น.ส.พีทฌญาณา” อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดภูเขียว ที่ 122-123/2563 ลงวันที่ 15 ธันวาคม 2563 และยังเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ อีกหลายหมาย
ก่อนที่จะควบคุมตัวมาสอบสวนและดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้ ในข้อหาร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานหรือส่งไปฝึกงานที่ต่างประเทศได้ และโดยการหลอกลวงนั้น ได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวงและร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์
หลังมีพฤติการณ์ในการจับกุมจากกรณีที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.กระทรวงแรงงาน สั่งการให้เร่งดำเนินคดีกับนายหน้าเถื่อนรายนี้ ที่มีเครือข่ายเกี่ยวข้องหลายคนในพื้นที่ จ.ชัยภูมิและอยู่ต่างประเทศ ได้ทำการหลอกลวงประชาชนหลายรายมาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 โดยอ้างว่าสามารถส่งคนไปทำงานที่ต่างประเทศได้ ซึ่งมีการร้องทุกข์แจ้งความให้ติดตามจับกุมตัวเครือนี้มาต่อเนื่องตั้งแต่ต้น 2563 ปีที่จนมาถึงประมาณช่วงวันที่ 10 พ.ย.63 ที่ผ่านมา ซึ่งทางเจ้าพนักงานชุดจับกุมได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่ามีผู้เสียหาย จำนวน 21 ราย ได้รวมตัวเข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์ไปยังกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดชัยภูมิ (กอ.รมน. จังหวัดชัยภูมิ) และยังมีผู้เสียหายอีกหลายรายเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิอีกเป็นจำนวนมากมาต่อเนื่อง รวมแล้วมีผู้เสียหายในครั้งดังกล่าวที่ถูกหลอกไปทำงานต่างประเทศกับเครือข่ายนายหน้าเถื่อนในครั้งนี้รวมจำนวน 40 ราย แบ่งผู้เสียหายออกเป็นในพื้นที่อำเภอภูเขียว จำนวน 23 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย จำนวน 4,940,070 บาท
ในพื้นที่อำเภอบ้านแท่น จำนวน 2 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย จำนวน 392,690 บาท ,ในพื้นที่อำเภอแก้งคร้อ จำนวน 1 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย จำนวน 178,000 บาท ,ในพื้นที่อำเภอจัตุรัส จำนวน 7 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย จำนวน 1,131,170 บาท ,ในพื้นที่อำเภอเมืองชัยภูมิ จำนวน 5 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย จำนวน 511,400 บาท และในพื้นที่อำเภอคอนสวรรค์ จำนวน 2 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย จำนวน 417,5500 บาท โดยรวมทั้งจังหวัดชัยภูมิ มีผู้หลงเชื่อถูกหลอกลวงเงินรวมมูลค่าความเสียหายประมาณกว่า 8,000,000 บาท
และจากการสืบสวนนายหน้าเถื่อนผู้กระทำความผิดครั้งนี้ ทราบว่าคือ น.ส.พีทฌญาณาฯ อายุ 33 ปี เจ้าพนักงานตำรวจ กก.สืบสวน ภ.จว.ชัยภูมิ จึงร่วมกับเจ้าพนักงาน กอ.รมน. จังหวัดชัยภูมิ ร่วมกันออกติดตาม สืบสวนจนล่าสุดเมื่อช่วงค่ำวานนี้สามารถติดตามจับกุมตัวได้ในระหว่างหลบหนีเข้าไปพักอาศัยอยู่ภายในรีสอร์ทแห่งหนึ่งภายในตัวเมืองชัยภูมิ
ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าตนเองเป็นนายหน้าจัดหาคนไปทำงานที่ต่างประเทศจริง โดยร่วมกับ น.ส.นุชรีพรฯ อีกคนเป็นผู้จัดหาคนไปทำงานต่างประเทศ โดยใช้บัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง ชื่อบัญชี น.ส.พีทฌญาณาฯ และบัญชีธนาคารอีกแห่ง ชื่อบัญชี นางระรินธรฯ และบัญชีธนาคารอีกแห่ง ชื่อบัญชี นายวุฒิเทพฯ และบัญชีธนาคารอีกแห่งชื่อบัญชี นายสุรศักดิ์ฯ ทั้ง 4 บัญชี ใช้ในการรับโอนเงินจากผู้เสียหายทั้งหมด จะต้องเสียค่าใช้จ่ายค่าการดำเนินการคนละ 90,000 – 190,000 บาท ซึ่งค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจะมาก หรือน้อย ขึ้นอยู่กับประวัติการเดินทางไปต่างประเทศของชาวบ้านแต่ละคนเอง
ซึ่งผู้ต้องหาสาววัย 33 ปี รายนี้ รับอีกว่าเป็นผู้รับเงินจากผู้เสียหายจริง แต่จะได้รับเงินค่านายหน้าแค่คนละ 25,000 บาท โดยเงินส่วนที่เหลือจากการหักค่านายหน้า จะโอนไปให้เครือข่ายชาวต่างชาติ Mr.Noah Fall ที่เป็นผู้สามารถพาคนไปทำงานต่างประเทศได้ ก่อนที่ทางจะควบคุมตัวผู้ต้องหารายนี้ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ภูเขียว เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมขยายผลติดตามจับกุมบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และเร่งดำเนินการติดตามยึดทรัพย์ที่เครือข่ายนายหน้าเถื่อนรายนี้หลอกลวงชาวบ้านไปทั้งหมดมาคืนโดยเร็วต่อไป
ก่อนที่ทางด้าน พล.ต.ต.ฉลอง สุขจันทร์ ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ครั้งนี้ทั้งตำรวจเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามเร่งติดตามตัวผู้ต้องหารายนี้มาต่อเนื่องตลอด รวมทั้งเจ้าหน้าที่จากจัดหางานจังหวัดชัยภูมิ ก็อยากจะฝากเตือนประชาชนผู้เสียหายในครั้งนี้ได้เป็นอุทาหรณ์ด้วยว่า อย่าไปหลงเชื่อนายหน้าเถื่อนแบบนี้ง่ายๆอีก ควรติดต่อเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวต้องทางการจัดหางานในแต่ละพื้นที่ให้ช่วยตรวจสอบให้ดีก่อน ว่าเขาสามารถกระทำได้ตามขั้นตอนกฎหมายที่จะพาไปทำงานต่างประเทศได้หรือไม่ ก่อนที่จะนำเงินทองไปจ่ายให้เขาจำนวนมาก สุดท้ายก็ถูกหลอกลวงตกเป็นเหยื่อจำนวนมากได้ง่ายๆแบบนี้ได้อีก ซึ่งล่าสุดปัจจุบันพบว่ามีคนชัยภูมิถูกหลอกลวงไปไปทำงานต่างประเทศตกเป็นเหยื่อจำนวนมากเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย ในครั้งนี้อีกด้วย โดยเฉพาะเป็นเรื่องที่น่าสงสารเสียใจมากที่มีผู้เสียหายหลายรายที่ต้องไปหากู้ยืมเงินมาหวังส่งให้ลูกหลานญาติๆ ที่ตกงานในช่วงโควิด-19 ระบาดได้มีอาชีพไปทำงานต่างประเทศแต่มาถูกหลอกครั้งนี้จนต้องหมดตัวขายที่ดินที่นาใช้หนี้ตามมาอีกเป็นจำนวนมากด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: