ชัยภูมิ – เป็นโครงการส่งเสริมท่องเที่ยวไม่มีเจตนาให้ใครทำผิด กม. และเป็นวิธีป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนขึ้นเท่านั้น ผู้ว่า-ททท.-ตร. เปิดแถลงแจงข้อเท็จจริง หลังจากเกิดกรณีที่มีประชาชนนำคลิปวีดิโอภาพถ่ายมีขบวนรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ขนาดใหญ่ หลายสิบคันขับขี่ผ่านบริเวณสี่แยกฝ่าไฟแดงช่วงหมู่บ้านช่อระกา ต.นาฝาย อ.เมือง จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งต่างมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กรณีคลิปที่เกิดขึ้นจำนวนมากว่าไม่น่าจะปล่อยให้ทำแบบนี้ได้ และมีผู้นำไปโพสต์ในสื่อโซเชียลและมีสื่อหลายสำนักนำไปเสนอข่าวให้มีการตรวจสอบต่อกรณีที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ด้วย!
( 8 มี.ค.64 ) ซึ่งล่าสุดในวันนี้ ทางนายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ได้มอบหมายให้ทางนางณัภฐ์ชดา นันทนิ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดชัยภูมิ พร้อมด้วยตัวแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ พ.ต.อ.วัฒนชัย จันทาทุม ผกก.สภ.เมืองชัยภูมิ เปิดแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสื่อมวลชนในจังหวัดชัยภูมิ เมื่อช่วงเวลา 14.00 น.วันที่ 8 มี.ค.64 ณ สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดชัยภูมิ ว่ากรณีที่เกิดขึ้น ที่มีขบวนรถดังกล่าว เป็นกิจกรรม “คาราวานรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ (Big Bike) เดินทางเข้าสู่หัวใจประเทศไทย จังหวัดชัยภูมิ” ซึ่งสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดชัยภูมิ ร่วมกับสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย และบริษัท วันเดอร์ลัส ทัวร์ แอนด์ทราเวล จำกัด ได้จัดขึ้น เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้กับจังหวัดชัยภูมิ ในระหว่างวันที่ 26 – 28 กุมภาพันธ์ 2564 โดยใช้เส้นทางท่องเที่ยวผ่าน ทุ่งกังหันลม อำเภอเทพสถิต, ทุ่งกังหันลม อำเภอซับใหญ่, น้ำตกตาดโตน มอหินขาว อำเภอเมือง และวัดพระธาตุชัยภูมิ อำเภอแก้งคร้อ
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคลิปวีดิโอ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นช่วงที่ขบวนรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ (Big Bike) เดินทางผ่านบริเวณสี่แยก (ไฟแดง) ช่อระกา ซึ่งการเดินทางผ่านจุดดังกล่าวจะผ่านชุมชนหนาแน่น และได้มีการประสานงานด้านการเข้ามาช่วยจัดจราจรจากสถานีตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ พร้อมมีรถขบวนนำของตำรวจพานำเข้าสู่เส้นทางท่องเที่ยวตลอดเส้นทาง เพราะมีขบวนรถดังกล่าวมาเข้าร่วมโครงการครั้งนี้จำนวนมากว่า 70 คัน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดจากความไม่เข้าใจของประชาชนที่สัญจรผ่านเส้นทางดังกล่าว และอาจเดินทางไม่สะดวกในช่วงเวลาดังกล่าวบ้าง จนมีการถ่ายคลิปดังกล่าวไปโพสต์เกิดขึ้น ทางคณะผู้จัดงานฯ ต้องขออภัยในความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นในกรณีที่มีคนถ่ายคลิปไปโพสต์กันถึงความไม่เหมาะสมในครั้งนี้ มา ณ ครั้งนี้ด้วย
ซึ่งเป้าหมายหลักในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ถือเป็นโครงการที่เกิดประโยชน์ต่อชาวจังหวัดชัยภูมิ ที่มีโครงการเชิญชวนคนเดินทางเป็นขบวนรถดังกล่าวมาท่องเที่ยวได้จำนวนมากในครั้งนี้ และสามารถสร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ พร้อมเชื่อมโยงขยายผลด้านการท่องเที่ยวเพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังภาวะวิกฤตโควิด -19 ระบาดต่อไปในอนาคตได้
ซึ่งด้านนางณัภฐ์ชดา นันทนิ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นก็พร้อมรับไปปรับปรุงในการจัดงานโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดชัยภูมิ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งประชาชนในพื้นที่อาจจะยังไม่ทราบรายละเอียด และอาจจะยังไม่ทราบว่าเป็นโครงการของจังหวัดชัยภูมิ ที่มีการขอความร่วมมือในการใช้เส้นทางผ่านไปเชื่อมยังจุดท่องเที่ยวต่างๆ ดังกล่าวครั้งนี้ ที่ก่อนดำเนินการก็มีการแจ้งประสาน จนท.ตร.ในแต่ละท้องที่ เพื่อเข้ามาช่วย อำนวยความสะดวกให้กับคณะขบวนนักท่องเที่ยวและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาที่มีรถมาร่วมขบวนท่องเที่ยวในครั้งนี้จำนวนมากกว่า 70 คัน และป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ที่ต้องมีการช่วยกันระบายรถดังกล่าวผ่านชุมชนหนาแน่นในแต่ละจุดไปให้ปลอดภัยอย่างเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้กระทบต่อการสัญจรของประชาชนในพื้นที่เป็นเวลานานเกิดไปด้วย
และทางด้านพ.ต.อ.วัฒนชัย จันทาทุม ผกก.สภ.เมืองชัยภูมิ กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นอาจจะทำให้ประชาชนเข้าใจผิดได้ว่าทาง จนท.ปล่อยปะละเลย ให้มีการฝ่าไฟแดงอะไรต่างๆ ตามคลิปในครั้งนี้ ทาง จนท.ก็ต้องดำเนินการตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ และหน่วยงานท่องเที่ยว ที่มีหนังสือแจ้งมาให้ขอความร่วมมือในการจัดเจ้าหน้าที่มาอำนวยความสะดวกในจุดนี้ ที่เป็นสี่แยกไฟแดงมีชุมชนหนาแน่น การที่จะรถขบวนจักรยานยนต์ขนาดใหญ่จำนวนมากผ่านในจุดนี้ก็ต้องมีการจัดการป้องกันขอความร่วมมือที่ในจุดนี้ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดรถนำ และมีชุดเจ้าหน้าที่ลงไปให้สัญญาณมือ เพื่อขอให้ช่วยกันจัดการจราจรให้รถขบวนท่องเที่ยวที่ผ่านในจุดนี้ผ่านไปให้ได้โดยเร็วก่อน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อคนในชุมชน
และป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะมีรถวิ่งสวนออกมาเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนรุนแรงตามมาได้ และให้สัญญาณทั้งมือ และมีรถไปขอจอดขวางไว้ก่อน เพราะไฟแดงในจุดนี้ไม่สามารถปรับสัญญาให้เป็นไฟสัญญาณไฟฉุกเฉินได้เพื่อให้ขบวนรถจำนวนมากผ่านชุมชนไปก่อน
รวมทั้งในขบวนรถ จยย.ที่มาก็จะมีทีมมาช่วย ประสานกับ จนท.ตร.ด้วยอีกทาง เพื่อป้องกันหรือจอดบังไม่ให้รถด้านอื่นๆวิ่งสวนเข้ามา ซึ่งจะทำให้เกิดอุบัติเหตุมีรถชนกันซ้ำซ้อนรุนแรงจำนวนมากตามมาได้ ซึ่งก็เป็นมาตรการป้องกันควบคุมรถในโครงการท่องเที่ยวของจังหวัดชัยภูมิ ในครั้งนี้ให้ผ่านไปด้วยดีได้ จึงอยากแจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ด้วย
