ชัยภูมิ – หลังอยู่ดีๆยายวัย 80 ปี รายนี้กลับมีอาการพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปจนลูกหลานคนในบ้านหวาดกลัวกันทั้งบ้าน จากที่เดิมเคยเป็นคนร่างกายแข็งแรงเดินเหินไปไหนมาไหนได้ตามปกติ ทั้งเป็นคนนิสัยพูดจารู้เรื่องไพเราะร่าเริง อยู่ดีๆ กลายเป็นคนกลัวแดดตอนกลางวันนอนซมอยู่แต่ในบ้านเดินไปไหนมาไหนไม่ได้ แต่พอเวลาค่ำ-กลางคืนกลับออกมาเดินเหินร่างกายแข็งแรงได้ปกติกระปี้กระเป่า แต่พูดจาดุด่าลูกหลานตาขวางใส่คนในบ้านไปทั่ว เดินออกนอกบ้านพูดจาไม่รู้เรื่องคนเดียวตลอดเวลา เกิดหมาหอนทั้งคืน จนลูกหลานชาวบ้านใกล้เคียงต่างพากันหวาดผวาเชื่อมีผีปอบเข้าสิงร่าง หลังนิมนต์พระมาช่วยทำพิธีไล่ผีปอบและอาบน้ำมนต์แล้ว อาการก็ยังไม่ดีขึ้น !
( 31 มี.ค.64 ) ล่าสุดทีมข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ หลังเกิดกรณีมีชาวบ้านต่างพากันเกิดความเชื่อหวาดผวาไปทั่วหมู่บ้าน หมู่ 1 ต.นายางกลัก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ ว่ามีลูกสาวยายวัย 80 ปีในหมู่บ้านมีอาการอยู่ดีๆเริ่มเปลี่ยนไปเดิมจนทำให้คนในครอบครัวลูกหลานหวาดกลัวไปทั่วบ้าน จากเคยเป็นคนที่ร่างกายแข็งแรงเดินเหินช่วยตัวเองไปไหนมาไหนได้ปกติ พูดจารู้เรื่อง ไพเราะ มีนิสัยร่าเริง แต่เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมากลับกลายมามีอาการเปลี่ยนแปลงไปมากเหมือนถูกผีปอบเข้าสิงร่าง กลายเป็นคนที่กลัวแดดในเวลากลางวัน จะนอนซมหลบแดดอยู่ในบ้านไม่ยอมเดินเหินออกไปไหนเหมือนคนป่วยติดเตียง แต่พอช่วงต่ำกลางคืน จะออกมาเดินเหินคล่องแคล่วเหมือนคนปกติ ทั้งจะมีอาการแลบลิ้นปลิ้นตาขวางใส่คนพูดจาไม่รู้เรื่องเรื่อยเปื่อยไปทั่ว เดินรอบบ้านเกิดหมาหอนตลอดทั้งคืนไปทั่ว จนลูกสาวและญาติเชื่อว่าน่าจะถูกผีเข้ปอบเข้าสิง
และได้พากันไปนิมนต์พระมาช่วยทำพิธีขับไล่ผีปอบออกจากร่าง ทั้งทำน้ำมนต์ให้อาบ อาการดังกล่าวก็ยังไม่ดีขึ้น และทุกวันนี้จะต้องใช้จานวางดอกไม้ธูปเทียนอยู่ใกล้ๆตลอดอาการจึงสงบไม่ออกมาเดินหาดุด่าว่าลูกหลานไปทั่วได้
ซึ่งยายสี วัย 80 ปี รายนี้ ก็จะนอนอยู่บนที่นอนในบ้าน เหมือนคนไม่มีแรง และมีจานดอกไม้วางอยู่ข้างๆ 3 จาน ซึ่งล่าสุดนางสม ซึ่งเป็นบุตรสาวยายวัย 80 ปี รายนี้ กล่าวว่า ปกติ แม่ไม่เคยมีอาการในลักษณะเช่นนี้ โดยจะมีนิสัยร่าเริง พูดจาไพเราะ ไม่เคยดุด่าลูกหลาน และพูดจารู้เรื่องมาตลอด ต่อมา คุณแม่เริ่มมีอาการ พูดจาก้าวร้าวดุด่าลูกหลาน ต่างๆนานา สีหน้าเข้มขรึมพร้อมกับพูดไปเรื่อยเปื่อย จับใจความไม่ได้ ลักษณะเหมือนคล้าย ผีปอบ เข้าสิงร่างซึ่งลักษณะดังกล่าวผิดปกติจากนิสัยเดิมของ คุณยายสี ที่เคยพูดจา ดี ไม่เคยดุด่าใคร จึงเป็นที่แปลกใจอย่างยิ่งของลูกสาว
ก่อนที่นางสม ลูกสาว ได้ไปนิมนต์พระวัดแห่งหนึ่งใน ตำบลบ้านไร่ เพื่อมาช่วยทำพิธี ตามความเชื่อเพื่อขับไล่ผีปอบตามความเชื่อของตน และเพื่อนบ้าน เพื่อให้ผีปอบออกจากร่างของคุณแม่ เพราะเชื่อว่าน่าจะโดนผีปอบเข้าสิงร่างจริงๆ โดยพระได้ทำน้ำมนต์ให้อาบ แต่ก็ไม่ดีขึ้นยังคงอาละวาดดุด่าในขณะที่อาบน้ำมนต์ให้ ก็พูดจา ไปต่างๆนานา ซึ่งจับใจความไม่ได้ เช่นเดิม ล่าสุดช่วงเช้าวันนี้(31 มี.ค.64)) นางสม ลูกสาว ได้นำตัวยายสี วัย 80 ปี ส่งรักษาตัวไปรักษาอาการเจ็บป่วย ที่ รพ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ เพื่อให้แพทย์แผนปัจจุบันรักษาอาการเจ็บป่วยในเบื้องต้นแล้ว
ทางลูกสาวก็ไม่รู้จะหาวิธีใดมาช่วยรักษาอาการแม่ได้ ก่อนที่ล่าสุดวันนี้ได้ติดต่อให้เจ้าหน้าที่พยาบาลจากโรงพยาบาลประจำอำเภอมารับตัวไปช่วยตรวจสอบหาอาการที่แท้จริงต่อไปว่ายายวัย 80 ปี ที่เกิดอาการแบบนี้จากอะไรกันแน่ ซึ่งก็ต้องรอผลให้ทางทีมแพทย์ตรวจหาสาเหตุโดยละเอียดอีกระยะก่อน ที่อยู่ดีๆคนที่พบเห็นยายวัย 80 ปี รายนี้ ก็ยังงงๆว่าอยู่ดีๆมามีอาการพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงแบบหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้ได้อย่างไรต่อไป
ซึ่งส่วนตัวลูกสาวเองก็ยังเชื่อว่า แม่น่าจะถูกสิ่งลี้ลับวิญาณผีปอบมาเข้าสิงร่าง และหากส่งไปให้หมอรักษาแล้ว อาการยังไม่หายก็จะได้หาทางที่จะให้เกจิดังๆมาช่วยทำพิธีขับไล่สิ่งที่ไม่ดีหรือผีที่สิงร่างแม่ให้มีอาการกลับคืนมาตามเดิมให้ได้ต่อไป
ขณะที่นายสุดใจ แสงอินทร์ อายุ 55 ปี ชาวบ้านนายางกลัก ที่อยู่ในเหตุการณ์ขณะได้นิมนต์พระ มาประกอบพิธีไล่ผีปอบออกจากร่างของยายสี ได้นำไปดูบริเวณที่ยายสีนอนประจำทุกค่ำคืน และเดินสถานที่ประกอบพิธีไล่ผีปอบด้วยในภาพถ่ายที่ถ่ายจากโทรศัพท์มือถือไว้ในครั้งนี้ด้วย
ซึ่งส่วนด้านบรรยากาศชาวบ้านที่ทราบข่าว และเห็นเหตุการณ์ในหมู่บ้านเองบางส่วนก็เชื่อว่ามีผีปอบมาเข้าสิงร่างยาย แต่ส่วนมากก็เชื่อว่าเป็นพฤติกรรมอาการของคนแก่สูงวัยที่มีอายุมากแล้ว ที่เริ่มมีอาการแบบนี้ เท่านั้น และทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง นายแพทย์วชิระ บถพิบูลย์ นายแพทย์สาธารณสุขชัยภูมิ เปิดเผยเบื้องต้นว่าอาการป่วยแบบนี้เป็นอาการของคนที่สูงอายุหรือมีอายุมาก ซึ่งยายรายนี้ก็มีอายุมากกว่า 80 ปีแล้ว ก็จะเกิดอาการสมองเสื่อมทำให้มีพฤติกรรมเปลี่ยนจากเดิมได้ และในช่วงนี้เป็นช่วงหน้าร้อนอาการร้อนจัดด้วยซึ่งในเวลากลางวันจะเหนื่อยง่ายจึงนอนมาก และตอนกลางคืนนอนไม่หลีบจึงออกมาเดินมีพฤติกรรมแปปลกดังกล่าวขึ้นได้ ซึ่งเรื่องนี้ต้องเข้าใจเพราะจะเกิดขึ้นได้ในกลุ่มคนชราที่มีเริ่มมีอายุมากได้ ลูกหลานต้องช่วยดูแลใกล้ชิดมากขึ้นด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: