ชัยภูมิ – !!วอนขอความเป็นธรรมสื่อมวลชนที่นำเสนอข่าว และผู้ร้องที่นำข้อมูลไปนำเสนอผ่านสื่อมีข้อมูลคาดเคลื่อนทำให้องค์สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในพื้นที่จ.ชัยภูมิได้รับความเสียหาย พร้อมชี้แจงได้ทุกกรณีรวมทั้งกรณีผอ.โรงเรียนคอนสารฯที่ถูกระบุว่ามีการแต่งตัวเลขนักเรียนผีเพิ่มเพื่อเลื่อนขั้นย้ายไปโรงเรียนที่ใหญ่ขึ้น ยันผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดล่าสุดเมื่อ 5 พ.ย.61 ที่ผ่านมาแล้วไม่พบข้อมูลมีนักเรียนผีเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด จึงขอเปิดแถลงข่าววอนขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชนในครั้งนี้ด้วย!!
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 9 พ.ย.61 หลังจากกเกิดกรณีที่มีสื่อมวลชนหลายสำนักนำเสนอข่าวมีนักเรียนผีโผล่ในเขตรับผิดชอบของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่จ.ชัยภูมิ หลายแหล่งเพื่อหวังเงินอุดหนุนค่าหัวเด็กนักเรียนในพื้นที่จ.ชัยภูมิ ที่มีการอ้างตัวเลขนักเรียนผีจากผู้ร้องผ่านสื่อไปแล้วนั้น เป็นจำนวนมากกว่า 180,000 คน ทั้งที่มีเพียง 110,000 คน และมีนักเรียนผีโผลเกินมาจำนวนมากเพื่อกินหัวคิวเกินมากว่า 70,000 คน เพื่อที่จะได้รับเงินอุดหนุนค่าหัวเด็กนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล หัวละ 1,700 บาท ประถมศึกษา 1,900 บาท มัธยมต้น 3,500 บาท และชั้นมัธยมปลาย 3,800 บาท ซึ่งคิดว่ามีการทุจริตเงินตัวเลขนักเรียนผีในครั้งนี้สูงนับ 1,000 ล้านบาทในพื้นที่จ.ชัยภูมิ รวมทั้งมีการแต่งตัวเลขนักเรียนผีโผล่เพิ่มขึ้นให้กับโรงเรียนคอนสาร ที่อ้างว่ามีนักเรียนผีโผลเพิ่มขึ้นมาในชั้นม.2 53 คน และชั้นม.5 อีก 48 คนเพื่อปรับเลื่อนชั้นผอ.โรงเรียนดังกล่าวให้ย้ายไปในระดับโรงเรียนใหญ่ขึ้นที่ภูเขียวด้วยนั้น
ซึ่งกรณีข่าวที่เกิดขึ้นทำให้หน่วยงานองค์ที่เกี่ยวข้องในจ.ชัยภูมิ ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก ในวันนี้ทางด้าน นายอุดมชัย ชัยจุฑาภัค ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 30 ชัยภูมิ ( ผอ.สพม.30 ) จึงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อกรณีข่าวที่เกิดขึ้นทั้งหมดประกอบด้วย นายพรภิรมย์ สุทธิกานต์ รอง สพป.ชัยภูมิเขต 1 และนางนงเยาว์ เลิงนิสสัย ผอ.กลุ่มนโยบายและแผน สพป.ชัยภูมิ เขต 2 และ นายนิวัฒน์ แก้วเพชร ผอ.สพป.ชัยภูมิ เขต 3 พร้อมตัวแทนผอ.โรงเรียนในทุกสังกัดกว่า 50 คน ได้ขอเชิญสื่อมวลชนทุกแขนงในพื้นที่จ.ชัยภูมิ เพื่อเปิดแถลงข้อเท็จจริงต่อกรณีข่าวที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ที่ห้องประชุมชั้น 3 สำนักงาน สพม.30 ชัยภูมิ
โดยนายอุดมชัย ชัยจุฑาภัค ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 30 ชัยภูมิ ได้เป็นตัวแทนการกล่าวชี้แจงข้อเท็จจริงครั้งนี้ทั้งหมดว่า ข่าวที่ออกไปมีความคาดเคลื่อนและสร้างความเสียหายต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการจัดการศึกษาในจ.ชัยภูมิ ครั้งนี้เป็นอย่างมาก จึงอยากขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชนในครั้งนี้ด้วย
ซึ่งหลังเกิดกรณีข่าวนี้ขึ้น ความคาดเคลื่อนแรกคือตัวเลขที่อ้างว่า มีจำนวนนักเรียนผีโผล่ใน 4 หน่วยงานที่มาวันนี้ รวม 180,000 คน และอ้างว่ามีเพียง 110,000 คน เกินหรือมีนักเรียนผีแต่งตัวเลขโผล่เกินมากว่า 70,000 คนนั้น ซึ่งผู้บริหารโรงเรียนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 4 สำนักงานครั้งนี้ได้ร่วมกันตรวจสอบจำนวนนักเรียนรายบุคคลในระบบ “DMC” สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดชัยภูมิ ทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย.61 ข้อเท็จจริงตามหลักฐานเลข 13 หลัก ในเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 30 ชียภูมิ มีจำนวน 31,675 คน และตรวจสอบเพิ่มล่าสุดเมื่อวันที่ 5 พ.ย.61 ที่ผ่านมา มี 31,282 ซึ่งกลับลดลง รวม 393 คน ในเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 1 วันที่ 10 มิ.ย.61 มี 33,760 คน วันที่ 5 พ.ย.61 มี 33,674 คน ลดลง 86 คน ในเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 วันที่ 10 มิ.ย.61 มี 33,498 คน วันที่ 5 พ.ย.61 มี 33,558 เพิ่ม 60 คน และเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 3 วันที่ 10 มิ.ย.61 มี 26,727 คน วันที่ 5 พ.ย.61 มี 26,463 คน ลดลง 264 คน
รวมทั้งหมด 4 เขตของจ.ชัยภูมิ มีตัวเลขนักเรียนวันที่ 10 มิ.ย.61 รวม 125,660 คน ล่าสุดตรวจสอบวันที่ 5 พ.ย.61 มีเหลือรวม 124,977 คน ลดลง 683 คน ซึ่งสาเหตุที่มีจำนวนเด็กนักเรียนลดลงโดยภาพรวม เป็นกรณีทั้งการย้านสถานศึกษา เสียชีวิต จบการศึกษาภาคบังคับ จับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ขาดเรียนนาน นักเรียนลาออก และมีนักเรียนซ้ำซ้อน ซึ่งไม่ตรงกับข้อมูลที่มีข่าวคาดเคลื่อนออกไปเลยที่อ้างว่ามีกว่า 180,000 คน และยังอ้างให้เสียหายเกินไปอีกกว่า 70,000 คน ไม่เป็นข้อเท็จจริงแต่อย่างใดเลย
รวมทั้งในจำนวนที่ตรวจสอบล่าสุดทั้งหมดเมื่อวันที่ 5 พ.ย.61 ที่ผ่านมา ก็พบมีตัวเลขนักเรียนซ้ำซ้อน รวม 5,305 คน ซึ่งก็แจ้งตัดออกจากบัญชี DMC แล้วไม่มีการนำไปเบิกจ่ายเงินผีที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด
รวมทั้งกรณีที่อ้างว่ามีการปรับตัวเลขนักเรียนผีโผล่เพิ่มขึ้นมาในโรงเรียนคอนสาร ในชั้น ม.2 รวม 53 คน และชั้น ม.5 รวม 48 คน นั้นที่ปัจจุบันได้ย้ายไปโรงเรียนภูเขียว ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นนั้นเพื่อที่จะได้เลื่อนขั้นไปอยู่โรงเรียน 4 ประเภท ที่มีโรงเรียนขนาดเล็กไม่เกิน 499 คน และขนาดกลาง 500 – 1499 คน ได้เงินอุดหนุน 5 แสน – 1 ล้านบาท โรงเรียนขนาดใหญ่ มีนักเรียน 1,500 – 1,999 คน ได้งบ 1,200,000 บาท และโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ มีนักเรียนเกิน 2,000 คนขึ้นไป จะได้งบ 3,000,000 บาท นั้น
ก็ได้มีการตรวจสอบจำนวนเด็กที่มีในโรงเรียนดังกล่าวทั้งหมดแล้ว ไม่มีนักเรียนผีเพิ่มมาแต่อย่างใด เป็นลักษณะขอการที่เด็กยังมีทะเบียนชื่อในโรงเรียนอยู่ และต้องเข้าใจสภาพพื้นที่ของจ.ชัยภูมิบางครั้งเด็กนักเรียนต้องตามผู้ปกครองไปประกอบอาชีพรับจ้างตัดอ้อยบ้าง การมาเรียนก็ไม่ต่อเนื่องบางช่วงก็ขาดไป 1-2 เดือน แล้วเด็กก็ต้องกลับมาเรียนต่อ ซึ่งตรงนี้จะให้โกที่มีชื่อรัหส 13 ตัวเสียโอกาสไม่ได้ หรือตัดชื่อออกไม่ได้ เพราะเด็กยังมีชื่อในระบบอยู่ และไม่เป็นไปตามที่มีข่าวนำเสนอกล่าวอ้างจากผู้ร้องผ่านสำนักข่าวหลายแห่งที่ให้ข่าวออกมาครั้งนี้แต่อย่างใดด้วย จึงต้องฝากขอความเป็นธรรมให้กับหน่วยงานสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดชัยภูมิ ในครั้งนี้ทั้งหมดด้วย ซึ่งในส่วนที่พาดพิงไปยังจังหวัดอื่นๆก็เป็นเรื่องของแต่ละพื้นที่ แต่ที่เกี่ยวข้องอยู่ที่จ.ชัยภูมิ ที่ออกไปทำให้เสียหายต่อจ.ชัยภูมิ ก็ต้องขอความเป็นธรรมด้วย และพร้อมที่จะให้ตรวจสอบได้ละจะรวบรวมหลักฐานทั้งหมดแจ้งข้อเท็จจริงทั้งหมดในไม่เกินวันที่ 10 พ.ย.61 นี้เพื่อเสนอเสนอต่อกระทรวงได้ชี้แจงต่อส่วนกลางต่อไป รวมทั้งผู้ร้องในครั้งนี้เองก็อยากให้ออกมารับผิดชอบต่อกรณีนี้ที่เกิดขึ้นด้วย เพราะจะไปกล่าวอ้างให้ใครเสียหายก็ต้องน่าจะออกมาชี้แจงคืนความเป็นธรรมให้องค์กรที่เกี่ยวข้องในจ.ชัยภูมิ ในครั้งนี้ด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: