ชัยภูมิ – ขณะที่ยอดผู้ป่วยรายใหม่ยังพุ่งรวมรายวันรวมแล้วกว่า 6,372 ราย เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย สะสมพุ่งแล้ว 46 ราย เร่งแจ้งเตือน ปชช.ช่วยหยุดคลัสเตอร์เสี่ยงในงานศพ-งานบุญ ยังพบผู้ป่วยภายในจังหวัดยังเพิ่มขึ้นไม่หยุดอีกวันกว่า 15 ราย ด้าน สสจ.ชัยภูมิ แจงจบดราม่า!
(15 ส.ค.64) ขณะที่ จ.ชัยภูมิ หลังจากเกิดกรณีดราม่าบนโลกโซเชียล และสื่อออนไลน์ต่างๆถึงการออกหนังสือนาย นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ ( สสจ.ชัยภูมิ )ไปถึงโรงพยาบาลทุกอำเภอในเขตพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ เรื่องให้ ผอ.รพ.ในสังกัดแจ้งเตือน บุคลากรเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ช่วยกำชับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ (Prizer) เข็มที่ 3 ให้กับกลุ่มอื่น และไม่ให้โพสต์หรือให้ลบรูปที่โชว์ในช่องทางโซเชียลต่างๆ จนมีผู้เอาหนังสือฉบับดังกล่าวไปตีความหมายไปต่างๆนาๆ จนกลับกลายเป็นเรื่องดราม่า หรือทัวร์ลงอยู่ในขณะนี้จำนวนมาก
ล่าสุดนายแพทย์วชิระ บถพิบูลย์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ ได้ขออัดคลิปตัวเองพร้อมทั้งขออธิบายชี้แจงข้อเท็จจริงและวัตถุประสงค์หรือเจตนาในการสื่อความหมาไปยัง เจ้าหน้าที่บุคลากรของสำนักงานสาธารณสุข จ.ชัยภูมิ โดยได้ออกหนังสือเรื่อง ให้ตรวจสอบข้อมูลรับบริการฉีดวัคซีนไฟเซอร์(Prizer) ไปถึง ผอ.โรงพยาบาลทุกแห่งในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ในการออกหนังสือฉบับนี้ เป็นการออกหนังสือเพื่อให้มีการ พิจารณา และตรวจสอบก่อนมอบวัคซีนไฟเซอร์ (Prizer) เข็มที่ 3 อย่างเข็มงวด เนื่องจากการฉีดวัคซีนนี้ควรให้สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าตามรายชื่อที่แจ้งมาก่อนเท่านั้น ซึ่งยังมี บุคลากรที่ไม่มีรายชื่อไว้ประมาณ 700-800 คน ที่ยังไม่ลงรายชื่อไว้ เราได้รวบรวมรายชื่อส่งขอวัคซีนไปยังกระทรวงสาธารณสุขแล้ว
โดยประเด็นที่ 1 คือ การออกหนังสือคำสั่งไปถึงผอ.โรงพยาบาลทุกอำเภอในสังกัด สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ ช่วยพิจารณาการแจกจ่ายอย่างรัดกุม เพื่อเก็บไว้ให้บุคลากรทางการแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ด่านหน้าที่มีความเสี่ยง ที่จะติดเชื้อสูงจากการทำงาน โดยไม่ต้องการให้มีการรั่วไหลของวัคซีนนำออกไปฉีดให้กับบุคคล องค์อื่นที่ยังไม่มีความจำเป็นที่ต้องฉีดในตอนนี้
ประเด็นที่ 2.คือห้าม บุคลากรเจ้าหน้าที่ที่ฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 แล้วนำ นำรูปภาพของตนเอง ออกไปโพสต์หรือใส่ข้อความใดๆ ออกไปบนโลกโซเชียล เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนในเข็มที่ 3 ก็เพื่อไม่ต้องการให้มีความเหลื่อมล้ำ โดยจะเกิดมีการเปรียบเทียบ ความรู้สึกของสังคมและประชาชน จากการที่บุคลากรและเจ้าหน้าที่ ด่านหน้านำภาพได้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ในเข็มที่ 3เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะเกิดการเปรียบเทียบและจะ เป็นการเหลื่อมล้ำ ในทันทีในขณะที่สังคมและประชาชนส่วนใหญ่ยังรอคอยเข้ารับการฉีดวัคซีน ในเข็มที่ 1 จากทางรัฐบาล
ซึ่งขณะนี้รัฐบาลก็กำลังเร่งจัดหาอยู่และในหลายจังหวัดรวมทั้งจังหวัดชัยภูมิ มีการฉีดวัคซีนน้อยอยู่ ซึ่งที่ผ่านมาจนถึง วันนี้คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ มี ประชาชนชาวชัยภูมิ ได้เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ไปแล้วเพียง 10 % ของประชากรทั้งหมด การที่มี บุคลากรหรือเจ้าหน้าที่ ที่จัดว่ากลุ่มเสี่ยงสัมผัสได้รับการฉีดในเข็มที่ 3 แล้ว และถ้าหากนำออกไปโพสต์ในโลกโซเชียลและ ใส่ข้อความรูปภาพสื่อไปถึงการใส่ข้อความชื่นชมยินดีก็อาจจะถูกสังคมและ ประชาชนนำไปเป็นการเปรียบเทียบแตกต่าง รู้สึกด้อยโอกาส เขาเองยังไม่ได้ฉีดเข็ม 1 เลย แต่ว่าบางส่วนได้เข็ม 3 ไปแล้ว แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าบุคลากรทางการแพทย์ จำเป็นที่จะต้องได้รับเป็นบุคลากรด่านหน้าที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง ซึ่งความหมาย หรือหนังสือนี้ ตนเองก็เป็นคนร่างหนังสือฉบับนี้และเป็นคนตรวจสอบเองอีกด้วย
จากกรณีดังกล่าวที่อาจจะมีผู้นำหนังสือฉบับนี้ไปตีความหรือเข้าใจคาดเคลื่อนในความหมายที่ตนเองต้องการจะสื่อไปถึงบุคลากรในสังกัดได้คำนึงถึงความรู้สึกของประชาชนไว้ด้วย ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ในการออกหนังสือฉบับนี้เท่านั้นเองโดยไม่ได้มีอะไรแอบแฝงแต่อย่างไร เลยในครั้งนี้ก็เพราะห่วงความรู้สึกของประชาชนเป็นหลักในครั้งนี้ด้วย นายแพทย์วชิระ กล่าวทิ้งท้าย
ขณะที่สถานการณ์พบผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่รายวันเพิ่มขึ้นล่าสุดวันนี้อีกรวม 147 ราย แยกเป็นรับผู้ป่วยมาจากนอกจังหวัด132 ราย ป่วยภายในจังหวัดเพิ่มขึ้น 15 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้นวันนี้อีก 2 ราย อยู่ใน อ.บ้านเขว้าและ อ.ภูเขียว ซึ่งรวมทำให้ จ.ชัยภูมิ มีผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มขึ้นรวม 46 ราย(ศพ) รวมผู้ป่วยสะสมแล้ว 6,372 ราย ซึ่งในขณะนี้ในพื้นที่ภายในจังหวัดยังน่าห่วงในกลุ่มกลุ่มเสี่ยงใหม่ที่ยังเกิดขึ้นต่อเนื่องในการจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก ซึ่งล่าสุดด้านนายวิเชียร จันทรโณทัย ผุ้ว่าราชการ จ.ชัยภูมิ ได้ประกาศมาตรการจังหวัดเร่งด่วนให้ชาวชัยภูมิ ทุกคนต้องช่วยกันหยุดการแพร่ระบาดในกลุ่มคลัสเตอร์การจัดงานศพ-งานบุญ ในทุกพื้นที่ งดการเชิญคนมาร่วมงานจำนวนมาก ให้น้อยลงไม่เกิน 20 คน และให้แจงการจัดงานทุกแห่งต่อคณะกรรมการ ศปก.พื้นที่ทุกงาน งดเชิญคนจากนอกจังหวัดมาร่วมงาน งดจัดโต๊ะอาหาร งดกินอาหารร่วมกันในงาน ให้แจกใส่ถุงหรือใส่กล่องกลับบ้านแทน จากช่วงจากนี้ต่อไปอย่างเข้มงวดทุกพื้นที่ด้วย
