ชัยภูมิ – “ท่ามกลางบรรยากาศในงานศพทั้งพ่อแม่ และญาติๆของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ยังสุดที่จะทำใจได้ พร้อมอยากให้ทางกม.เอาผิดโทษหนัก อยากให้ประหารชีวิตไปตามกันในครั้งนี้ด้วย เพราะต้องมาเสียเสาหลักของครอบครัวไปครั้งนี้ทั้ง ด.ต.และภรรยาที่ถูกไล่ยิงเสียชีวิตพร้อมกันยังต้องมีภาระทิ้งลูกหลานรวม 4 คน ไว้ให้ทางญาติๆดูแลอีกเป็นจำนวนมาก วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเยียวยาบุตรหลานของผู้เสียชีวิตในครั้งนี้เพิ่มเติมอีกทางด้วย!
( 17 พย.61 ) ขณะที่จ.ชัยภูมิ ความคืบหน้าหลัง ด.ต.ชีวานนท์ นาผา (ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม)สภ.ภูเขียว เกิดอาการเครียดจัดจากปัญหาครอบครัวดื่มหนักจนเมาคลั่ง ก่อเหตุใช้ปืนพกสั้นประจำกายขนาด 11 มม. พร้อมนำปืนลูกซองยาว ออกมาไล่กราดยิงเพื่อนตำรวจโรงพักเดียวกันซึ่งเป็นรุ่นพี่ คือ ด.ต.ทองเปลว ลาภประสงค์ อายุ 49 ปี (ผบ.หมู่.ป.ทำหน้าที่พลขับ30) พร้อมภรรยาของด.ต.ทองเปลว คือ นางอลิชา ราษีสวย อายุ 43ปี เสียชีวิตพร้อมกัน 2 ศพที่หน้าห้องพักแฟลตตำรวจสภ.ภูเขียว เมื่อกลางดึกวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา
ก่อนจะหลบหนีเข้าไปในห้องพักตนเองใกล้กันในที่เกิดเหตุของแฟลตตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ต้องระดมกำลังปิดล้อมเกลี้ยกล่อมให้ออกมามอบตัวอยู่นานกว่า 5 ชั่วโมง ก่อนจะยอมออกมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ภูเขียว ควบคุมตัวส่งดำเนินคดีในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และผู้บังคับบัญชาชั้นตำรวจสูง จ.ชัยภูมิ ได้มีคำสั่งให้นายดาบตำรวจที่ก่อเหตุรายนี้ออกราชการไว้ก่อนระหว่างที่เร่งรวบรวมพยานหลักฐานส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
หลังเกิดเหตุทางญาติของด.ต.ทองเปลวที่เสียชีวิต ได้นำศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดของด.ต.รายนี้ ที่บ้านเลขที่ 23 หมู่ 8 ต.บ้านเป้า อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ และเตรียมจะทำพิธีฌาปนกิจศพที่วัดประจำหมู่บ้าน ในวันที่ 18 พ.ย.นี้ต่อไป ส่วนศพของนางอลิชา ราศีสวย ภรรยาของด.ต.ทองเปลว ทางญาติได้นำศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดของผู้ตาย ที่บ้านเลขที่ 346 หมู่ 11 ต.โอโล อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ และเตรียมจะทำพิธีฌาปนกิจศพที่วัดประจำหมู่บ้าน ในวันที่ 18 พ.ย.นี้พร้อมกัน
ท่ามกลางบรรยากาศความโศกเศร้าของญาติที่ยังทำใจไม่ได้ เพราะทั้ง ด.ต.ทองเปลว และนางอลิชา สองสามีภรรยาที่ถูกยิงเสียชีวิตต่างเป็นเสาหลักของครอบครัว และญาติๆที่จะต้องมีภาระมีบุตรต้องเลี้ยงดูลูกแทนอีก 4 คน ที่ยังอยู่ระหว่างศึกษาอยู่ที่รภ.ชัยภูมิ และโรงเรียนมัธยมประจำอ.ภูเขียว ถึง 4 คนในปัจจุบัน
ขณะที่ทางญาติ นางเคี่ยม ลาภประสงค์ มารดาด.ต.ทองเปลว และนายประมวล ราษีสวย อายุ 70 ปี บิดาของนางอลิชา ผู้ตายทั้ง 2 คน กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นไม่อยากให้เกิดกับครอบครัวใครอีกเลย ขอให้ทั้ง ด.ต.ทองเปลว และนางอลิชา เป็นรายสุดท้าย ซึ่งอยากให้มีมาตรการป้องกันการใช้อาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ตำรวจกันเองให้มากกว่านี้ด้วย
รวมทั้งครั้งนี้เป็นการกระทำที่โหดร้ายมากไม่เว้นแม้ผู้หญิง ซึ่งเป็นภรรยาด.ต.ทองเปลว ที่ไม่ได้ไปมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรในครั้งนี้ด้วยเลย ยังฆ่าอย่างโหดเหี้ยมได้ และอยากให้กฎหมายลงโทษรุนแรงสูงสุดให้ประหารไปตามกันในครั้งนี้ด้วย เพราะทั้ง ด.ต.ทองเปลว และนางอลิชา เป็นคนขยันทำมาหากิน เป็นเสาหลักของครอบครัวมาด้วยดีตลอด เมื่อมาวันนี้ขาดเขาทั้ง 2 ไปแล้ว ต่อไปใครจะมาช่วยดูแลครอบครัว และลูกของทั้ง 2 คน อีก 4 คน ที่กำลังเรียนอยู่ในระดับชั้นมัธยมต้น ก็ต้องเป็นภาระของญาติๆตามมาอีกจำนวนมาก จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเรื่องเยียวยาผลกระทบต่อลูกหลานผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ด้วย
ด้านด.ต.ชีวานนท์ผู้ต้องหาก่อเหตุครั้งนี้ถูกส่งตัวไปควบคุมตัวที่เรือนจำภูเขียวแล้ว ระหว่างที่พนักงานสอบสวนสภ.ภูเขียว จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานส่งดำเนินคดีในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาต่อไป ส่วนญาติผู้ต้องหาเองต่างก็ไม่มีใครเดินทางมาเยี่ยม เนื่องด้วยพฤติกรรมของด.ต.ผู้ก่อเหตุรายนี้เป็นคนชอบดื่ม และมักจะทำร้ายภรรยา ใช้ความรุนแรงในครอบครัวและมักจะใช้อาวุธปืนออกมาใช้บ่อยครั้ง จนภรรยาที่มีลูกด้วยกัน 1 คน ทนรับไม่ไหวและหนีกลับไปอยู่บ้านญาติพ่อแม่ของตนเองมานานกว่า 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งช่วงแรกๆได้ปล่อยให้ลูกชายที่อายุยังน้อยอยู่กับมารดาของด.ต.ผู้ก่อเหตุรายนี้ ก่อนที่ไม่กี่วันก่อนเกิดเหตุ ภรรยาได้กลับมาขอรับลูกไปอยู่ด้วย
ทางด.ต.ผู้ก่อเหตุรายนี้จึงเกิดความเครียดดื่มหนัก และตลอดช่วงที่ผ่านมา เวลาดื่มหนัก ด.ต.ทองเปลว ที่ถูกยิงเสียชีวิต ซึ่งเป็นรุ่นพี่ก็จะออกมาว่ากล่าวตักเตือนบ่อยครั้ง เพราะอยู่ข้างห้องติดกัน จนเคยมีปากเสียงทะเลาะกันบ่อยครั้งเช่นกัน ก่อนจะมาเกิดเหตุครั้งสุดท้ายนี้ ด.ต.ชีวานนท์ที่เครียดจากปัญหาครอบครัว หลังถูกด.ต.ทองเปลว ผู้ตายออกมาตักเตือนไม่ให้ส่งเสียงดังและไม่อยากให้นำปืนออกมาเล่นอีก จึงเกิดความโมโหใช้ปืนสั้นขนาด 11 มม.ของด.ต.ชีวานนท์เอง กระหน่ำยิงใส่บริเวณหน้าท้องของด.ต.ทองเปลว และภรรยาที่ออกมาเตือนด้วยกัน จนทั้ง 2 คนล้มลงจมกองเลือดและยังไม่หนำใจ ด.ต.ผู้ก่อเหตุยังเข้าไปในห้องและเอาอาวุธปืนลูกซองยาวออกมา ยิงใส่ที่บริเวณศีรษะของสองสามีภรรยารายนี้ซ้ำอีก
ก่อนที่จะมีเพื่อนตำรวจในบริเวณใกล้กันออกมาดู และแจ้งรายงานให้ผู้บังคับบัญชาชั้นสูงทราบเหตุ ทางด.ต.ผู้ก่อเหตุรายนี้จึงรีบวิ่งหลบหนีถืออาวุธปืนสั้นเข้าไปปิดไฟเก็บตัวเงียบอยู่ภายในห้องพักแฟลตตำรวจของตนเอง ท่ามกลางการระดมกำลังปิดล้อมพื้นที่เพื่อเกลี้ยกล่อมขอให้ออกมามอบตัวครั้งนี้อยู่นานกว่า 5 ชั่วโมง ก่อนตัดสินใจออกมามอบตัวในครั้งนี้
