ชัยภูมิ – บางรายจำใจเร่งเกี่ยวข้าวขายใช้หนี้ก่อน ถึงแม้จะขาดทุนยับลงทุนต่อรายสูงกว่า 2 แสน ขายได้ไม่ถึงแสนบาท โอดราคาข้าวตกต่ำสุดในรอบกว่า 30 ปี วอนรัฐบาลเร่งช่วยพยุงราคาช่วยด่วนอย่างน้อยควรขายได้ไม่ต่ำกว่า 10-12 บาท/กก. พอให้ชาวนาอยู่ได้ปีนี้ยิ่งช้ำหนักทั้งน้ำท่วมราคาข้าวยังมาตกต่ำซ้ำสุดหนักอีก!!
(5 พ.ย.64) ขณะที่ จ.ชัยภูมิ หลังราคาข้าวตกต่ำหนักในปีนี้ ชาวนาในหลายพื้นที่สูงนาดอนที่ยังเหลือข้าวที่ปลูกไว้ไม่ถูกน้ำท่วมปีนี้ ซึ่งต้นข้าวเริ่มใกล้เก็บเกี่ยวได้ เจ้าของนาแต่ละคนต่างพากันเร่งหาจ้างรถเกี่ยวข้าวมาช่วยเกี้ยวข้าวในแปลงนาในราคาต่อไร่ละ 700 บาท แทนซึ่งทำให้เวลาเก็บเกี่ยวได้เร็วขึ้น
ข่าวน่าสนใจ:
- สูงวัยตรัง ปลื้ม เตรียมตัวรับเงินหมื่น ฝันใช้ยามแก่-ต่อยอดอาชีพบั้นปลาย
- ชวนชิม 'ศรีบุญเรือน' ร้านข้าวต้มต้นตำรับ สืบทอดสามรุ่น เสน่ห์ร้านข้าวต้มยามค่ำคืน ที่รวมอาหารจีน อาหารเหลา อาหารใต้ไว้ในร้านเดียว
- มุกดาหาร-เชิญชวนร่วมกิจกรรมเดินวิ่ง "แคแสดรัน ครั้งที่ 2" ณ สะพานมิตรภาพไทย- ลาวแห่งที่ 2
- จัดกิจกรรมวิ่งการกุศล UNITHAI-CUEL Run for Charity 2025 ครั้งที่ 3 วิ่งด้วยใจ ในสวนสวย ช่วยผู้ป่วยมะเร็ง
เพื่อเร่งเกี่ยวข้าวไปตากให้แห้งลดความชื่นเพื่อก่อนจะนำไปขายจะได้ราคาสูงขึ้น หรือนำไปขายสดได้ทันใช้หนี้ ซึ่งหากจ้างแรงงานคนจะใช้เวลานาน และค่าแรงสูงขึ้น แต่ในปีนี้ชาวบ้านตามพื้นที่ต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ มีพื้นที่ปลูกข้าวทุกชนิดกว่า 1,700,000 ไร่ (1 ล้าน 7 แสนไร่) มีพื้นที่ปลูกข้าวถูกน้ำท่วมเสียหายกว่า 1,200,000 ไร่ (1 ล้าน 2 แสนไร่) มีพื้นที่ปลูกข้าวที่ยังคงเหลืออยู่ประมาณ 5 แสนไร่ ต้องมาประสบปัญหาราคาข้าวตกต่ำซ้ำหนักอีกในปีนี้ ซึ่งข้าวเปลือกเจ้าแห้ง หรือทั่วไปเกี่ยวสดราคากิโลกรัมละ 5 บาท แถมต้องถูกหักความชื้นอีกด้วย ส่วนข้าวหอมมะลิเกี่ยวสดมีราคากิโลกรัมละ 8 บาท แต่ต้องถูกหักความชื้นอีกด้วยเช่นกัน
โดยนายอรัญ ศุพรโพคี อายุ 53 ปี เกษตรกรชาวนาบ้านพลัง หมู่ 10 ต.นาฝาย อ.เมืองชัยภูมิ บอกว่าตนเองทำนาปลูกข้าวมากว่า 30 ปี ไม่เคยเห็นราคาข้าวตกต่ำเช่นนี้มาก่อนเลย ตนเองปลูกข้าวเหนียว 5 ไร่ไว้กิน และปลูกข้าวหอมมะลิอีก 10 ไร่ เอาไว้กินและเหลือไว้ขาย ปีนี้ค่าลงทุนปลูกข้าวสูงทั้งต้นฤดูค่าน้ำมันเชื้อเพลิงใส่เครื่องสูบน้ำเข้านา ค่าปุ๋ยคอก ปุ๋ยเคมี และค่าแรงงานต่าง ๆ กว่าจะได้ข้าวรอดตายมา ยังดีที่ปีนี้ในพื้นที่นาดอนที่ต้องลงทุนมากเพื่อปลูกในที่สูงไม่ถูกน้ำท่วมต้นข้าวเสียหาย และมีเพื่อนชาวนาบ้านเดียวกันเกี่ยวข้าวได้ข้าวเปลือกไปขายมาตั้งแต่ช่วงวานนี้ (4 พ.ย.64) ได้กิโลกรัมละ 4 บาท 50 สตางค์ แถมถูกหักความชื้น 15 % อีกด้วยขาดทุนยับในปีนี้แต่บางรายก็มีความจำเป็นที่ต้องเร่งนำเงินไปใช้หนี้ให้ทัน ซึ่งตนเองมองว่าหากขายราคานี้ชาวนาอยู่ไม่ได้แน่นอนเพราะขาดทุนมากจนไม่เหลืออะไรเลย ในส่วนตัวมองว่าหากราคาข้าวเปลือกต่ำกว่ากิโลกรัมละ 10 บาท จะเก็บข้าวเปลือกไว้ให้ไก่กิน ใช้เลี้ยงไก่ขายจะดีกว่าขายข้าวเปลือกไม่ได้ราคา ซึ่งบางรายที่มีความจำเป็นต้องใช้หนี้ก็จำใจต้องเร่งนำไปขายใช้หนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรได้อีกแล้วปีนี้
และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรัฐบาลเร่งลงมาช่วยเหลือราคาข้าวตกต่ำหนักสุดแล้วในปีนนี้เป็นการด่วนด้วย ซึ่งราคาที่จะพอช่วยให้ชาวนาอยู่ได้ในขณะนี้ราคาขายควรจะไม่ต่ำกว่า 10-12 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ขึ้นไป และหากปล่อยไปเช่นกันนี้ชาวนาก็เหมือนหมดตัวไม่มีเงินมาใช้หนี้ ธกส. เงินที่ลงทุนไปทั้งหมดต่อปีกว่า 200,000 บาท แต่กลับขายข้าวได้ไม่ถึงแสนบาท ต้องมาหมดตัวขาดทุนหนักขนาดนี้ตามาอีกเป็นจำนวนมากในปีนี้ด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: