ชัยภูมิ – หลังมีเพียงชื่อนามสุกลในครอบครัวของคุณยายไปเหมือนกันกับคนเป็นหนี้เงินกู้ที่มีชื่อนามสกุลเหมือนกันเท่านั้น แต่หลักฐานเลขบัตรประชาชนบ้านเลขที่และมีที่อยู่ไม่ตรงกับคนที่มีชื่อเป็นหนี้เงินกู้ถูกยึดบ้านไปอยู่คนละหมู่บ้านกัน แจงแล้ว! หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางอำเภอเผยล่าสุดด้านกรมบังคับคดีหน่วยงานเกี่ยวข้อง แจงให้กรมบังคับคดีและฝ่ายทนายโจทก์นายทุนปล่อยเงินกู้ที่ยื่นฟ้องยึดบ้านประกาศขายทอดตลาดผิดคนผิดหลังของคุณยายวัย 73 ปี ให้มีการสั่งระงับห้ามขายทอดตลาดไว้ก่อนแล้ว พร้อมให้เร่งออกมาแสดงความรับผิดชอบถอนฟ้องต่อคุณยายที่ถูกฟ้องผิดคน เพื่อคืนความเป็นธรรมให้คุณยายวัย 73 ปี โดยเร็วต่อไปแล้ว!
( 23 พ.ย.64 ) หลังกรณีผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งเรื่องราวขอความเป็นธรรมของชาวบ้านในพื้นที่ ต.สระพัง จากนายประดิษฐ์ พงษ์สระพัง กำนันตำบลสระพัง อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ ในกรณีที่มียายชราขาพิการอายุกว่า 73 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28 ม.1 บ้านสระพัง ต.สระพัง อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ เมื่อวันที่ 19 พ.ย.64 ที่ผ่านมา ได้มีบุคคลนำหมาย-เอกสาร-โฉนดที่ดิน มาแสดงตนว่าเป็นเจ้าของบ้าน-ที่ดินรายใหม่หลังได้ซื้อจากการประมูลจาก ยึดบ้านบนที่ดินของยายเองเพื่อนำไปขายทอดตลาดของกรมบังคับคดีแล้ว พร้อมให้คุณยายและครอบครัวย้ายออกจากบ้านตัวเองในไม่เกินเดือนธันวาคม ปี 2564 นี้ ส่งผลให้ครอบครัวยายชราที่ปัจจุบันอาศัยอยู่ด้วยกันทั้งหมด 7 คนในบ้านของตัวเองหลังดังกล่าวแทบช็อกกันทั้งบ้านว่าไม่เคยนำโฉนดที่ดินบ้านไปกู้หนี้ยืมสินใครเลย และมาเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นกับครอบครัวตังเองมาได้อย่างไร เพื่อขอความเป็นธรรมต่อกรณีที่เกิดขึ้นในครั้งนี้โดยเร็วด้วย
ซึ่งทางด้านคุณยายวัย 73 ปี และญาติ รวมทั้ง นายประดิษฐ์ พงษ์สระพัง กำนันตำบลสระพัง หลังทราบเรื่อง ก็มีการพบข้อสังเกตในเบื้องต้นว่าน่าจะมีการตรวจสอบข้อมูลหรือยึดทรัพย์ผิดคนในครั้งนี้เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งจากการตรวจสอบเอกสารและข้อมูลพบว่าได้มีบุคคลที่ชื่อนางสำลี ทองดี อายุประมาณ 59 ปี ที่มีชื่อนามสุกลเหมือนกันกับคุณยายวัย 73 ปีอีกราย แต่มีสำเนาทะเบียนบ้านอยู่ที่ ม.2 บ.หนองไผ่ ต.สระพัง อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ มีคู่สมรสคือนายถนอม ทองดี ก็ไปตรงกับชื่อสามีคุณตาสามีของคุณยายวัย 73 ปี อีกด้วย ซึ่งมีเพียงชื่อสุกุลเหมือนกันเท่านั้น แต่เป็นคนละคนกันและมีบ้านก็อยู่ต่างหมู่บ้านกัน และทราบว่าชาวบ้านที่มีชื่อเหมือนกันในหมู่ 2 ของตำบลสระพัง โดยเมื่อปี 2549 ได้ไปยืมเงินนายทุนเพื่อมาทำไร่อ้อยอยู่ที่ อ.คอนสาร มาจำนวนประมาณ 30,000 บาท เพื่อไปทำไร่อ้อย ก่อนจะใช้หนี้คืนนายทุนไปได้เพียง 10,000 บาท และไม่ได้ใช้หนี้อีกเลยมานานกว่า 15 ปี และได้ย้ายไปทำงานที่ต่างจังหวัดกว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งเป็นบุคคลที่เป็นหนี้ที่ควรถูกฟ้องยึดบ้านตัวจริง เป็นคนละคนกับคุณยายวัย 73 ปี ชาวบ้านที่หมู่ 1 ของ ต.สระพัง ในครั้งนี้
ข่าวน่าสนใจ:
และล่าสุดได้พาคุณยายพร้อมครอบครัว ไปขอความเป็นธรรมติดต่อขอคัดคำร้องต่อที่ศาลจังหวัดภูเขียว และสำนักงานบังคับคดีจังหวัดชัยภูมิ สาขาภูเขียว รวมทั้งศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบ้านแท่น สำนักงานอัยการ โดยสรุปว่าได้มีการตรวจสอบแล้ว พบว่ามีข้อมูลผิดพลาด ที่คุณยายวัย 73 ปีไปมีชื่อนามสกุลไปเหมือนกันกับคนที่เป็นหนี้เท่านั้น แต่หลักฐานเลขบัตรประชาชน เลขที่บ้าน และชื่อหมู่บ้านก็เป็นคนละหมู่บ้านกัน จึงให้มีการระงับการซื้อขายพื้นที่บ้านดังกล่าวของคุณยายทั้งหมดไว้แล้ว เนื่องจากมีคุณยายเป็นผู้มาร้องเรียนขอความเป็นธรรม และจะทำหนังสือเพื่อเชิญทนายความ ซึ่งทำเอกสาร ส่งฟ้องศาลและ กรมบังคับคดียึดทรัพย์ดังกล่าวมาเพื่อเจรจาให้มีการรับผิดชอบเพื่อถอนฟ้องคุณยายวัย 73 ปี ที่ถูกฟ้องยึดบ้านผิดคนโดยเร็วต่อไปแล้ว ซึ่งล่าสุดเองทางหน่วยงานทางศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบ้านแท่น ได้ตรวจสอบว่ากรณีที่เกิดขึ้นทนายที่ยื่นฟ้องยึดบ้านขายผิดคนในครั้งนี้ได้มีการถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาต จาการเป็นทนายความไปแล้ว
โดยล่าสุดด้านนายพีระพงษ์ วิกุญชร เจ้าหน้าที่ฝ่ายศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบ้านแท่น กล่าวว่า ล่าสุดทางศูนย์ดำรงธรรมได้รับเรื่องร้องเรียนจากนายประดิษฐ์ พงษ์สระพัง กำนันตำบลสระพังที่เป็นตัวแทนชาวบ้านที่เดือดร้อนในกรณีที่เกิดขึ้น และได้สอบถามกับคุณยายสำลีว่าก่อนหน้านี้ได้รับทราบหรือได้รับหมายศาลในตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่ผ่านหรือไม่ ทางคุณยายสำลีและครอบครัวทุกคน ก็ยืนยันว่าไม่เคยได้รับหมายศาลมาที่บ้านเลย แต่เพิ่งจะมาได้รับตอนเกิดเรื่องว่าถูกฟ้องยึดบ้านที่ดินไปขายทอดตลาดเมื่อวันที่ 19 พ.ย.64 นี้ไม่กี่วันมานี้เองเท่านั้น เพราะคุณยายสำลี วัย 73 ปี เองไม่ได้เอาโฉนดไปจำนองหรือนำไปดำเนินการทำธุรกรรมกู้ยืมเงินอะไรกับใครที่ผ่านมาตลอดหลายสิบปีเลย
และทางศูนย์ดำรงธรรมได้มีการปรึกษากับทนายความที่ทำงานร่วมกันและทนายความของโจทก์ที่ยื่นเรื่องร้องเรียนยึดที่ดินก็ได้ทราบว่าทนายที่เป็นฝ่ายโจทย์ยื่นฟ้องคุณบ้านคุณยายวัย 73 ปี ผิดคนผิดหลังครั้งนี้มีการถูกเพิกถอนใบอนุญาตการเป็นทนายไปนานแล้ว ซึ่งจากนี้ไปทางศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบ้านแท่น ก็ได้ประสานกับทางทายาทของเจ้าหนี้(นายทุน)เพื่อที่จะได้เร่งไปยื่นดำเนินการถอนฟ้องคุณยายผิดคนที่กองบังคับคดีเพื่อคืนความเป็นธรรมให้คุณยายวัย 73 ปีโดยเร็วต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: