ชัยภูมิ – หมอจิตเวชเผย สถานการณ์ผู้ป่วยทางจิตจากปัญหายาเสพติดยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องในทุกปี จากปี 2563 ที่ผ่านมา มีกว่า 2,000 ราย และในช่วงใกล้สิ้นปี 2564 นี้อีกไม่กี่วัน ยังมีผู้ป่วยทางจิตสูงขึ้นรวมแล้วเกือบ 4,000 ราย แพทย์แนะขอทุกฝ่ายทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งชุมชน สังคม ครอบครัว คนใกล้ชิดผู้ป่วยฯ ต้องช่วยกันให้ความสำคัญในกรณีผู้ป่วยทางจิตเกิดอาการคลุ้มคลั่งก่อเหตุสะเทือนขวัญคนใกล้ชิดได้ หากพบมีอาการเริ่มเสี่ยงก่อเหตุรุนแรงขอให้รีบ แจ้งเจ้าหน้าที่ หรือ รพ.ใกล้เคียงและรีบพาตัวกลับเข้ามารักษาอาการให้ต่อเนื่องเป็นการด่วนก่อนสายเกินแก้ได้!
( 22 ธ.ค.64 ) ขณะที่ จ.ชัยภูมิ หลังหลายฝ่ายเริ่มให้ความสำคัญในการช่วยกันป้องกันปัญหาอาชญากรรมคดีสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นในรอบใกล้สิ้นปี 2564 นี้ที่ผ่านมา ที่พบว่าการก่อเหตุรุนแรงฆ่ากันอย่างโหดเหี้ยมมักเกิดจากในกลุ่มผู้ป่วยทางจิตเวช ที่มีประวัติไปเกี่ยวข้องกับเสพติดเสพติดมาตลอดบ่อยครั้งที่มีสถิตสูงมากขึ้นมาต่อเนื่องในรอบปี 2564 นี้ และล่าสุดเกิดกรณีลูกชาย วัย 45 ปี ที่เคยมีประวัติติดยาเสพติดและป่วยมีอาการทางจิตเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมา มาต่อเนื่องนานหลายปี ก่อนที่จะกลับมาอยู่บ้านกับครอบครัวคุณแม่ วัย 85 ปี และเกิดอาการทางจิตกำเริบคลุ้มคลั่งใช้สากหินทุบตีผู้เป็นแม่เสียชีวิตคาบ้าน จนสร้างความสุดสลดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปทั่วหมู่บ้าน ใน อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ มาตั้งแต่ช่วงวันที่ 20 ธ.ค.64 ที่ผ่านมา
และหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องออกมาขอให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการกระบวนการรักษา ช่วยกันดูแลผู้ป่วยทางจิต ก่อนส่งกลับไปอยู่ร่วมกับคนในครอบครัว สังคมคนรอบข้างในชุมชน หมู่บ้านต่างๆที่ยังมีอยู่อีกจำนวนมากในทั่วประเทศ เพื่อไม่ได้รับผลกระทบถูกก่อเหตุรุนแรงเป็นคดีอาชญากรรมสะเทือนขวัญกลับมาซ้ำรอยที่ยั่งยืนร่วมกันให้มากขึ้นต่อจากนี้ต่อไปด้วย
ซึ่งล่าสุดวันนี้ ( 22 ธ.ค.64 ) ทางทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปพบกับ นพ.ณรงค์ศักดิ์ บำรุงถิ่น ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชัยภูมิ เพื่อที่จะเป็นแนวทางให้กับทุกภาคส่วนจากนี้ไปที่เกี่ยวข้องต่อปัญหาดังกล่าวช่วยกันให้ความสำคัญในการช่วยกันดูแลผู้ป่วยทางจิตและคนในครอบครัวให้มากขึ้น เพื่อเป็นป้องกันปัญหาดังกล่าวอย่างยั่งยืนตามมาในอนาคตไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงซ้ำรอยกลับมาอีกได้
ซึ่ง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชัยภูมิ เปิดเผยถึงจำนวนผู้ป่วยโรคจิตเวช และยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ล่าสุดในขณะนี้จากตั้งแต่เมื่อช่วงปี 2563 ที่ผ่านมา ยังมีจำนวนผู้ป่วยกลุ่มนี้สูงขึ้นต่อเนื่องจนถึงในปี 2564 ซึ่งเดิมมีผู้ป่วยจิตเวช ยาเสพติดเข้ารักษาตัวใน รพ.ชัยภูมิ ทุกกลุ่มวัยจากปี 2563 ที่ผ่านมามีประมาณร่วมกว่า 2,000 คน และแต่ตั้งแต่ต้นปี 2564 ถึงใกล้สิ้นเดือนธันวาคม 2564 ใกล้ปีใหม่ปี 2565 นี้ ทางญาติผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้นำตัวผู้ป่วยจิตเวช เกี่ยวกับยาเสพติด เข้ารักษาตัวเพิ่มขึ้นร่วมเกือบ 4,000 คน ซึ่งถือว่ามีสถิติเพิ่มสูงขึ้นกว่า 1 ,000 คน และจะเป็นเพศชายมากกว่าหญิง
และพบว่าสาเหตุหลักสำคัญมาจากภาวะเศรษฐกิจ ช่วงการเกิดโรคระบาดโควิด-19 และมีการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเสพยาเสพติดมากขึ้น ทำให้เกิดความเครียด เกิดปัญหาโรคป่วยซึมเศร้า เสี่ยงต่อมีพฤติกรรมการฆ่าตัวตายตามมาที่สูงมากในทุกปีในขณะนี้ด้วย ซึ่งโรงพยาบาลชัยภูมิเดิมทีมีหอผู้ป่วยโรคจิตเวช ยาเสพติด เป็นขนาด 20 เตียง เพื่อรองรับจำนวนผู้ป่วยทางจิตเวช และยาเสพติด และล่าสุดทางกระทรวงสาธารณสุข และโรงพยาบาลชัยภูมิได้มีการขยายและสร้างหอผู้ป่วยจิตเวช และยาเสพติด ขึ้นอีกเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เข้าถึงการบริการเป็นขนาด 30 เตียง เป็นคลินิกผู้ป่วยจิตรเวช และยาเสพติดได้อย่างมีคุณภาพได้มากขึ้น ซึ่งมีมาตรฐานการรักษาในขณะนี้แล้วเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ ที่จะมีมาตรฐานในการรักษา มีหมอจิตแพทย์ขณะนี้มีอยู่ประจำอย่างน้อย 3 ท่าน ซึ่งขณะนี้โรงพยาบาลชัยภูมิ มีทั้งคลีนิคอดบุหรี่ คลีนิคเลิกเหล้า และคลีนิครักษาผู้ติดยาเสพติด พร้อมให้การดูแลทั้งญาติผู้ป่วย และตัวผู้ป่วยได้อย่างดีมากขึ้น
รวมทั้งด้าน นพ.เกียรติศักดิ์ ปลัดกอง หัวหน้ากลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติด รพ.ชัยภูมิ กล่าวว่า ในปัจจุบันผู้ป่วยจิตเวชที่เข้ารักษาตัวในปัจจุบันส่วนใหญ่จะถูกกระตุ้นจากการติดยาเสพติด เมื่อเข้ารักษาในโรงพยาบาลหายแล้วกลับบ้าน และมีจำนวนหนึ่งต้องหวนกลับมารักษาอีก สาเหตุหลักส่วนใหญ่ล้วนแต่ขาดการกินยาต่อเนื่อง หรือหวนกลับไปเสพยาเสพติดอีก ที่ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องช่วยกันทั้งทางชุมชน สังคม คนรอบข้าง ญาติพี่น้อง คนใกล้ชิด ที่จะมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากทั้งให้ผู้ป่วยจิตเวชเหล่านั้นได้รับยาอย่างต่อเนื่อง และไม่หวนกลับไปเสพยาเสพติดอีก สำหรับญาติพี่น้องรายใด หากสังเกตผู้ป่วยทางจิตภายในครอบครัว เริ่มมีอาการทางจิตที่เสี่ยงต่อการก่อเหตุเหตุรุนแรงต่อคนในครอบครัว คนใกล้ชิดรอบข้างได้ ต้องขอความร่วมมือช่วยกันให้รีบแจ้งทาง รพ. และรีบพาตัวเข้ารักษาตัวแต่เนิ่นๆ เป็นการด่วนด้วย ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยได้หายป่วยเร็วมากยิ่งขึ้น หากปล่อยไว้นานการให้การรักษายิ่งยากยิ่งขึ้น และเสี่ยงต่อการเกิดเหตุรุนแรงซ้ำรอยตามมาได้อีกด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: