ชัยภูมิ – ชาวบ้านหนองเขื่อง อำเภอเมืองพญาแล รวมใจจัดสืบสานประเพณีโบราณการตีคลีไฟ ที่มีให้ชมเพียงแห่งเดียวในโลก สู้โควิด-19 ปีนี้แบบนิวนอร์มอล พอให้มีการอนุรักษ์ประเพณีโบราณหนึ่งเดียวในโลกยังได้คงอยู่สืบทอดให้ลูกหลานเห็นให้คงอยู่สืบต่อไปได้เป็นประจำทุกปี!
( 25 ธ.ค.64 ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อช่วงค่ำวานนี้ที่ผ่านมา นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เป็นประธานเปิดงานตำนานตีคลีไฟ ที่ชัยภูมิ ซึ่งมีตำนานการละเล่นในช่วงฤดูหนาว หลังช่วงชาวบ้านพากันเกี่ยวข้าวในนาเสร็จ ก็จะพากันมารอคิวลงอาบน้ำในคลองหนองเขื่องใกล้บ้านก่อนค่ำ ชาวบ้านจึงนำท่อนต้นนุ่นแห้งมาก่อไฟพิงรอแกหนาว และใช้เหง้าไม้ไผ่ที่อยู่ริมห้วยมาตีลูกคลีแข่งกันเล่นเพื่อสร้างความสนุกนาน ซึ่งลูกไม้นุ่นแห้ง หลังได้ถูกเผาไฟแล้วเวลาตีจะเห็นเป็นประกายไฟสวยงาม ในเวลาพลบค่ำ จึงเป็นที่มาของตีคลีไฟของคนในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ มาช้านานแต่โบราณจนปัจจุบัน
โดยการละเล่นตีคลีไฟ เป็นการละเล่นของชายหนุ่มเริ่มในหมู่บ้านหนองเขื่อง ตำบลกุดตุ้ม อำเภอเมืองชัยภูมิ ทั้งในช่วงเวลากลางวันจะเล่นคลายหนาวสร้างความอบอุ่นให้ร่างกายจากการเอาต้นงิ้วแห้ง หรือต้นนุ่นหั่นเป็นท่อนขนาด 10 – 15 เซนติเมตร ก่อนนำมาตีเล่นกัน และในเวลาใกล้ค่ำก็จะนำมาเผาไฟเพื่อตีแข่งกีฬากัน ส่วนไม้ตีใช้เหง้าไม้ไผ่ ตรงปลายงอ ด้ามยาวประมาณ 1 เมตร ใช้ตีกันอย่างสนุกสนาน ด้วยการแบ่งเป็นทีมแข่งขันกันข้างละ 4 คนขึ้นไปแล้วแต่มีคนมารวมกันตามจำนวนมากน้อย ซึ่งจะใช้เวลาแข่งขันและกำหนดเวลาตามความเหมาะสมและข้อตกลงก่อนการแข่งขัน คล้ายกับกีฬาฮอกกี้ จนต่อมาได้รับการแพร่หลาย และพัฒนามาเป็นกิจกรรมประเพณีที่นำมาเล่นในช่วงฤดูหนาว และหลังการเก็บเกี่ยวข้าว ไปจนถึงเทศกาลส่งท้ายปีใหม่ของ จ.ชัยภูมิ เป็นประจำทุกปี
ซึ่งประเพณีการตีคลีไฟนี้ ชาวบ้านหนองเขื่อง ตำบลกุดตุ้ม อำเภอเมืองชัยภูมิ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ชายจะเล่นกันมานานตั้งแต่สมัยโบราณ เนื่องจากเป็นเกมกีฬาที่ท้าทาย ไม่กลัวไฟแต่ในระยะหลังเมื่อช่วงกว่า 20 ปี ที่ผ่านมาเริ่มหายไป ชาวบ้านหนองเขื่อง ผู้นำชุมชน สถานศึกษา รวมทั้งสื่อมวลชนในท้องถิ่นจึงได้ช่วยกันฟื้นฟูประเพณีโบราณตีคลีไฟให้กลับคืนมาให้ได้จนปัจจุบัน และกลายเป็นกีฬาโบราณพื้นบ้านในช่วงหลังเทศกาลออกพรรษา ช่วยเป็นกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับจังหวัดมาชัยภูมิเที่ยวได้ทุกฤดู และประเพณีตีคลีไฟ เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญขึ้นชื่อหนึ่งเดียวในโลกในช่วงฤดูหนาวมาจนปัจจุบันของ จ.ชัยภูมิ
ที่ชาวชัยภูมิ ภูมิใจพร้อมด้วยทุกภาคส่วนในจังหวัดได้เข้ามาช่วยกันส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวมาต่อเนื่องมาได้เป็นประจำทุกปี ซึ่งถึงแม้ว่าในปีนี้ยังอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ทางจังหวัดชัยภูมิ และชาวชัยภูมิ ก็ยังพร้อมใจกันจัดงานสืบสานประเพณีดังกล่าวขึ้นแบบนิวนอร์มอล เพื่อเปิดจัดแสดงโชว์การละเล่นให้คงอยู่ให้ต่อเนื่องอีกปีในช่วงค่ำวานนี้ที่ผ่านมา เพื่อประกาศให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยทั่วประเทศและต่างชาติที่เคยมาท่องเที่ยวชมดูการเล่นกีฬาโบราณตีคลีไฟ ยังคงมีอยู่ต่อไป และหากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 หายไป และคลี่คลายจากประเทศไทยไปได้ทั่วโลก การสืบสานแหล่งท่องเที่ยวประเพณีสำคัญต่างๆ และการตีคลีไฟที่มีหนึ่งเดียวในโลก ก็จะได้กลับมาเปิดให้เที่ยวชมให้กับนักท่องเที่ยวที่สนใจอย่างเต็มรูปแบบสืบต่อไป
สำหรับกติกาการแข่งขันจะคล้ายการแข่งขันฟุตบอล หรือกีฬาฮอกกี้ เพียงแต่ใช้ไม้ตีลูกคลีไฟแทนการเตะลูกฟุตบอล และห้ามยกไม้คลีสูงเกินเอวที่จะช่วยไม่ให้ไม้ตีคลีไปถูกผู้เล่นด้วยกันอาจจะได้รับบาดเจ็บได้ ส่วนผู้รักษาประตูจะใช้ส่วนไหนของร่างกายรับลูกคลีก็ได้ ในด้านอันตรายที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีคนได้รับบาดเจ็บรุนแรงอะไรแต่อย่างใด รวมทั้งผู้ชมบางคนก็งงๆว่าแล้ว ทั้งลูกไฟที่ไปถูกมือ หรือร่างกาย ผู้เล่น และผู้รักษาประตูนั้น ก็ไม่เคยมีว่าใครมือพองหรือเป็นอันตรายใดๆเลย ซึ่งชาวบ้านที่นี่เชื่อว่าชายหนุ่มในหมู่บ้านหนองเขื่องมีสิ่งศักดิ์ของดีคุ้มครอง จนอีกฉายาหนึ่งของการละเล่นตีคลีไฟของชาวบ้านที่นี่จะเรียกกันติดปากอีกว่า เมืองคนไม่กลัวไฟ
และส่วนที่สำคัญการเคารพกติกาเนื่องจากผู้เล่นแต่ละคนจะมีน้ำใจเป็นนักกีฬาไม่มีการแกล้งกันแต่อย่างใด ก็จะสร้างเสริมสุขภาพร่างกาย ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ และสร้างความสนุกสนานและตื่นตาตื่นใจในแสงไฟของลูกคลีไฟที่ถูกตีไปยังฝั่งตรงข้ามหวังทำประตูให้ได้มากที่สุดของแต่ละฝ่าย ซึ่งใน 1 ปี ชาวบ้านหนองเขื่อง ต.กุดตุ้ม อ.เมืองชัยภูมิ จะมีการละเล่นหลังเก็บเกี่ยวข้าวมีให้ชมเพียงในช่วงไม่เกินเดือนธันวาคม ก่อนส่งท้ายปีใหม่ของทุกปีเท่านั้น ที่ถือเป็นอีกหนึ่งสุดยอดกิจกรรมดีของ จ.ชัยภูมิ ในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ พ.ศ.2565 ที่จะถึงอีกไม่กี่วันนี้ ที่ยังสร้างความภูมิใจให้คนในชุมชนชาวชัยภูมิทุกคนได้โด่งดังไปทั่วโลกมายาวนานได้ทุกวันนี้เป็นประจำอีกปี
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: