ชัยภูมิ – หวั่นซ้ำรอยอีก นอภ.ชี้ในภาวะสังคมครอบครัวชาวไทยในปัจจุบันเริ่มเกิดปัญหาสังคมครอบครัวไร้รากผู้ป่วย-ผู้สูงอายุเริ่มถูกทอดทิ้งจากคนในครอบครัวมากขึ้น ขอทุกฝ่ายเร่งช่วยกันแก้ปัญหาผู้ป่วยทางจิตยังถูกทอดทิ้งให้อยู่บ้านลำพังไร้ญาติดูแลอีกจำนวนมาก ก่อนเกิดเหตุสลดอาการป่วยกำเริบสติแตกเผาบ้านตัวเองทิ้งวอดทั้งหลัง!
เมื่อเวลา 18.35 น.วันที่ 13 ม.ค.65 ที่ผ่านมา นายอนุชา เจริญรักษ์ นายอำเภอเมืองชัยภูมิ ได้รับรายงานเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่บ้านเลขที่ 129 บ้านค่าย ม.1 ต.บ้านค่าย อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ ว่าเมื่อช่วงเวลาประมาณ 14.00 น.วันเดียวกันที่ผ่านมา ซึ่งบ้านที่เกิดเหตุเป็นบ้านของ น.ส.สมคิด อายุ 59 ปี ที่มีลักษณะเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น (ชั้นล่างก่ออิฐฉาบปูน) ในเขตพื้นที่เทศบาลบ้านตำบลค่ายหมื่นแผ้ว ได้เร่งนำรถดับเพลิงเข้าระงับเหตุ พร้อมประสานขอรถน้ำมาช่วยเสริมจาก อบต.หนองไผ่ อบต.กะฮาด พื้นที่ใกล้เคียง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ.สภ.บ้านค่าย เข้าร่วมปฏิบัติการช่วยกันระดมฉีดน้ำสกัดเพลิง ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้
ซึ่งเบื้องต้นพบว่าบ้านที่เกิดเหตุบนชั้น 2 ของบ้าน ได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ซึ่งโชคยังดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจาการเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านครั้งนี้แต่อย่างใด
ซึ่งพบว่าสาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้ น.ส.สมคิด วัย 59 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านเอง ได้รับสารภาพต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตนเองเป็นผู้ที่ลงมือจุดไฟเผาบ้านด้วยตนเอง เนื่องด้วย น.ส.สมคิดฯ ผู้ก่อเหตุมีอาการป่วยทางจิตกำเริบ ซึ่งมีอาการป่วยมานานไม่มีญาติคนในครอบครัวหรือบุตรหลานมาช่วยดูแล และอาศัยอยู่บ้านหลังดังกล่าวเพียงลำพังคนเดียว
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัว น.ส.สมคิดฯ เจ้าของบ้านที่มีอาการป่วยทางจิตกำเริบไปสงบสติอารมณ์และสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.บ้านค่าย ก่อนประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้าช่วยเหลือนำตัวส่งรักษาอาการป่วยทางจิตต่อไป
โดยจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ที่เป็นความละเอียดอ่อนทางด้านปัญหาสังคมครอบครัว คนที่เจ็บป่วยขาดญาติมิตรมาช่วยดูแลได้ ทางด้าน นายอนุชา เจริญรักษ์ นายอำเภอเมืองชัยภูมิ จึงได้เร่งกำชับให้หน่วยงานเทศบาลตำบลบ้านค่ายหมื่นแผ้ว ผู้นำชุมชนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ช่วยกันประสานญาติในครอบครัวที่ยังมีอยู่เข้าให้การช่วยเหลือให้กำลังใจ และแนะนำการนำตัวเข้ารับการรักษาที่ถูกวิธีให้กับผู้ได้รับผลกระทบป่วยทางจิตครั้งนี้ตามอำนาจหน้าที่โดยเร่งด่วนแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการก่อเหตุรุนแรงที่อาจจะถึงขั้นทำร้ายตัวถึงเสียชีวิต หรือนำไปสู่การเกิดผลกระทบต่อสังคมโดยรวมให้ช่วยกันในทุกฝ่ายที่ใกล้ชิดทุกภาคส่วนต้องเข้ามาช่วยกันสอดส่องดูแลช่วยกันให้มากขึ้น
เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยตามมาได้อีก ซึ่งยังพบว่าสถานการณ์ปัญหาครอบครัวแตกแยก การทอดทิ้งผู้สูงอายุ ผู้ป่วย คนในครอบครัว ที่เกิดปัญหาทางสังคมในปัจจุบัน ด้านบุคคลที่มีอาการป่วย ไม่มีคนดูแลได้เพียงพอและมักเกิดเหตุสลดในลักษณะดังกล่าวในปัจจุบันเริ่มมีมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น จึงอยากฝากทุกฝ่ายให้ทุกคนที่อยู่ร่วมกันในสังคมได้เกิดความตระหนักช่วยกันดูแลปัญหาดังกล่าวช่วยกันให้มากขึ้น และถอดบทเรียนปัญหาต่างๆที่เริ่มเกิดสังคมครอบครัวไร้รากนำไปสู่ภาวะวิกฤตในอนาคตในครั้งนี้ตามมาได้อีกจำนวนมากได้ เพื่อช่วยกันให้สังคมโดยรวมได้เกิดความเข้มแข็งมากขึ้นต่อไปในครั้งนี้ด้วย
