ชัยภูมิ – หมอปลา ประสานผู้ว่าฯ พร้อม ผอ.สำนักพุทธชัยภูมิ บุกค้นสำนักฤาษีรุกที่สาธารณะ ตั้งสำนักปฏิบัติธรรมอวดอุตริมนุสธรรม อ้างตัวเป็นใหญ่กว่าทุกศาสนาในโลก จนท.ถึงผงะเจอศพปล่อยเน่าในโลง 11 ศพคาสำนัก พร้อมเปิดรับรักษาคนสุดพิศดารให้ กินปัสสาวะ-เสลด-ขี้ไคล รวมแม้กระทั่งขี้ หลังผู้เสียหายร้องทุกข์ผ่านกับหมอปลา อยากให้พาแม่ป่วยไปรักษาที่ รพ.แต่แม่มาอยู่กับฤาษีเจ้าลัทธิ อ้างตนเป็นเจ้าสำนักใหญ่มีคุณวิเศษใหญ่กว่าทุกศาสนา!
เมื่อช่วงก่อนเที่ยงที่ผ่านมา วันที่ 8 พ.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้านหมอปลา กันจอมพลัง ได้ประสานไปยัง นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ช่วยสนธินำเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนา จนท.สสจ. และฝ่ายปกครองกองร้อย อส.อำเภอคอนสาร และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คอนสาร ช่วยเข้าตรวจสอบ สำนักปฏิบัติธรรมของฤาษีประหลาดในพื้นที่ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ
ที่พบมีพฤติกรรมอ้างตัวเองว่าเป็นพระบิดาผู้เป็นใหญ่กว่าทุกศาสดาในโลก โดยจากการเข้าตรวจสอบภายในสำนักฤาษีดังกล่าวยัง พบเจอร่างผู้เสียชีวิตถึง 11 ราย ที่มีการปล่อยเน่าทิ้งไว้ในโลงศพ โดยมีการอ้างว่า รอบรรจุใส่โลงเก็บไว้ภายในสำนักฤษีดังกล่าวเพื่อรอการทำพิธีให้ขึ้นสวรรค์ ขณะที่ทางลูกศิษย์ที่ขณะ จนท.เข้าตรวจสอบอยู่ในสำนึกฤาษีฯดังกล่าว มีจำนวนมากกว่า 50 คน แจ้งว่าไม่สามารถนำใบยืนยันการเสียชีวิตมาให้ดูได้ 5 ราย จากศพที่พบทั้งหมด 11 ศพ
ข่าวน่าสนใจ:
- นายกฯ พบปะนักเรียนจากทั่วอีสาน ชูโครงการ "หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน" เพิ่มโอกาสชีวิต
- ภาคธุรกิจเอกชนหอการค้าชัยภูมิชี้แนวทางรัฐบาลพลิกวิกฤตเศรษฐกิจไทยฝ่าวิกฤตโลก!
- "เลยดั้น" แค่มุมภาพเดียว กลายเป็นไวรัล ดึงดูด นทท.แห่เช็คอินถ่ายภาพ อ.น้ำหนาวเตรียมดันเป็นซอฟพาวเวอร์
- ชัยภูมิเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดใหญ่งานวันการศึกษาเอกชนภาคอีสาน!
นอกจากนี้ยังเจอ ชายสูงอายุ ผมยาว หงอกขาว ซึ่งที่อ้างตัวว่าเป็นพระบิดาผู้เป็นใหญ่สูงกว่าของทุกศาสนาใดๆในโลก ยังเปิดให้ลูกศิษย์ที่มาปฏิบัติธรรม และเจ็บป่วยด้วยการรักษาให้กินปัสสาวะ กินเสลด หรือเสมหะ ขี้ไคลเป็นยารักษาโรครวมแม้กระทั่งกินอุจจาระ ของฤาษีดังกล่าวก็สามารถช่วยให้รักษาอาการป่วยได้
ซึ่งเบื้องต้นทางตำรวจได้เชิญตัวชายสูงอายุ ซึ่งอ้างตัวเป็นเจ้าสำนักฤาษีดังคนดังกล่าวออกจากสำนัก ท่ามกลางเสียงร้องตะโกนต่อต้านของลูกศิษย์กว่า 50 คน ที่ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่นำตัวชายสูงอายุฤาษีคนดังกล่าวออกไปจากสำนักฤาษี ต้องใช้เวลาพูดคุยของ จนท.จากทางจังหวัดกันชุลมุนอยู่นานหลายนาที ก่อนที่จะขอควบคุมตัวผู้ที่อ้างตัวเป็นฤษีเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมแบบประหลาดครั้งนี้ไป สอบสวนที่ สภ.คอนสาร ได้
และเบื้องต้น นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.ชัยภูมิ ได้มอบหมายให้ทาง จนท.ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามกฎหมายที่พบการกระทำความผิด มีการแจ้งข้อหาบุกรุกที่สาธารณะเข้ามาตั้งสำนักฤาษีดังกล่าว ฝ่าฝืน พ.ร.บ. และคำสั่งจังหวัดในการควบคุมโรคติดต่อช่วงโควิด-19 ระบาด และการเปิดให้เป็นสถานรับการรักษาโรคที่ไม่ผ่านการอนุญาตจากสาธารณสุข ส่วนกรณีร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 11 ราย อยู่ระหว่างตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฏหมาย และให้มีการดำเนินการสั่งปิดสำนักฤาษีดังกล่าว เพื่อดำเนินการตามกฏหมายโดยเร็วต่อไป
ส่วนทางด้าน พ.ต.อ.วัฒนชัย จันทาทุม ผกก.สภ.คอนสาร กล่าวว่า สถานที่ดังกล่าวเปิดเป็นสำนักลักษณะเป็นลัทธิความเชื่อในกลุ่มคนที่เจ็บป่วยไปรักษาไปหายมาจาก รพ. แต่มีการเชิญชวนให้คนกลุ่มนี้มาทดลองรักษาแบบพิศดาร ด้วยการอ้างคุณวิเศษ ด้วยการให้กินของเสียจากร่างกายของตัวฤาษีที่อ้างตัวอวดอุตริว่าเป็นผู้มีคุณวิเศษ (หลอกลวกประชาชน) ว่าตัวเองเป็นบิดาใหญ่ที่สุดของศาสนาที่มีในโลกทั้งหมด
หลังเหตุการณ์ดังกล่าว เริ่มมีประชาชนมีการร้องเรียนเข้าไปยัง”หมอปลา”อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบ ว่ามีญาติเข้าไปทำการรักษาในสำนักแห่งนี้แล้วอยากให้มีการช่วยเหลือนำตัวกลับออกมาไปรับการรักษาที่ถูกต้องใน รพ. ซึ่งทางด้านทีมงานหมอปลาและมีผู้สื่อข่าวจัดหลายสำนักจากส่วนกลางได้ติดตามมาหลังจากการเข้าตรวจสอบสอบพบสิ่งผิดปกติจำนวนมากในครั้งนี้จึงเกิดขึ้นด้วย รวมถึงพบว่ามีศพผู้เสียชีวิตที่นอนอยู่ในโลงไม้เปล่อยให้เน่าทิ้งไว้ภายในสำนักฤาษีดังกล่าวจำนวน 11 ศพ เพื่อตรวจสอบที่มาที่ไปเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป รวมทั้งในส่วนของประชาชน ที่มีการเข้ามาขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ในขณะนี้ก็ได้ประสานร่วมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เกิดความเข้าใจ ไม่อยากให้ต้องมาถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมจากการทำงานของเจ้าหน้าที่เพิ่ม
ซึ่งล่าสุดทางผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เน้นย้ำให้ทุกพื้นที่ต้องมีการตรวจสอบเพื่อไม่ให้เกิดลัทธิความเชื่อแบบผิดๆ แบบนี้ จนเกิดการขัดแย้งต่อการเข้าตรวจสอบของ จนท. หรือ ไปสร้างลัทธิที่ทำลายศาสนาพุทธที่เป็นศาสนาประจำชาติแบบครั้งนี้ด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: