ชัยภูมิ – กินอึรักษาโรค ตร.จ่อฟันอีกหลายข้อหาเพิ่ม หลังผู้ว่าฯ ได้รับการประสานจากหมอปลา ให้ช่วยเข้าตรวจสอบมีการเปิดสำนักปฏิบัติธรรมมีฤาษีตั้งตัวเป็นเจ้าสำนัก อ้างตัวเป็นใหญ่เป็นพระบิดาสูงกว่าทุกศาสนา สาวกหลงผิดลัทธิงมงายรักษาโรคสุดพิสดารทั้งกินอึ ฉี่ ขี้ไคล เสมหะ เศษน้ำเหลืองที่ต่อท่อออกมาจากโลงศพที่มีการตรวจพบในครั้งนี้ด้วย รวม 11 ศพที่เก็บไว้ในสำนักดังกล่าวที่อ้างว่าเก็บไว้ในสำนักดังอ้างเพื่อช่วยรักษาโรคและช่วยให้ผู้ตายได้ขึ้นสวรรค์!
ล่าสุดวันที่ 11 พ.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากเกิดกรณี นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา พร้อมสื่อหลายสำนัก พร้อมประสานนายไกรสร กองฉลาด ผวจ.ชัยภูมิ และ พ.ต.อ.วัฒนชัย จันทาทุม ผกก.สภ.คอนสาร เข้าตรวจสอบที่สำนักปฏิบัติธรรมประหลาด ตั้งอยู่กลางป่าในพื้นที่หมู่ที่ 2 ตำบลดงกลาง อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ หลังได้รับการร้องเรียนว่ามีการกักขังผู้มาปฏิบัติธรรมและรักษาโรคโดยวิธีการแบบแปลกประหลาดไม่ถูกสุขลักษณะให้กินอุจจาระ ปัสสาวะ ขี้ไคล และเสมหะ ของฤาษีเจ้าลัทธิเพี้ยนรักษาโรค รวมทั้งพบศพเก็บไว้ในสำนักดังกล่าวอีกรวม 11 ศพ
ข่าวน่าสนใจ:
ก่อนควบคุมตัวฤาษีรายนี้ วัย 74 ปี ซึ่งเป็นชาว จ.ขอนแก่น มาสอบสวนเพื่อดำเนินคดีมาต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 พ.ค.65 ที่ผ่านมาและล่าสุดวานนี้ 10 พ.ค.65 ทางนายชาญชัยฯ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ได้นำหมายศาลเข้าตรวจสอบสำนักปฏิบัติธรรมรักษาโรคแบบพิสดารรายนี้โยละเอียดอีกครั้ง เพื่อรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อเจ้าสำนักลัทธิประหลาดรายนี้ หลังเบื้องต้นได้มีการแจ้งดำเนินคดีไปแล้ว 2 ข้อหาในข้อหาบุกรุกพื้นที่สาธารณะ และฝ่ายฝืน พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อโควิด-19 และศาลจังหวัดภูเขียวได้ให้ฤาษีเจ้าสำนักรายนี้ประกันตัวออกไปได้ในวงเงิน 50,000 บาท เมื่อวันที่ 9 พ.ค.65 ที่ผ่านมา
ซึ่งล่าสุดเจ้าสำนักลัทธิเพี้ยนรายนี้หลังได้รับการประกันตัวพ้นต้องขังในเรือนจำภูเขียว จังหวัดชัยภูมิออกไปแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถติดต่อได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยรวมทั้งคณะลูกศิษย์สาวกที่ยังเหลืออยู่ในสำนักดังกล่าวอีกจำนวนมาเกือบ 100 คน ต่างพากันต้องเก็บข้าวของออกจากสำนักดังกล่าวกันแตกกระเจิง หลังทาง จนท.ชุดรองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ได้นำหมายศาลสนธิกำลังทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบสำนักลัทธิเพี้ยนโดยละเอียดอีกครั้ง และทางจังหวัดประกาศให้ปิดสำนักดังกล่าวเพื่อตรวจสอบอายัดหลักฐานในพื้นที่ทั้งหมดแล้วมาตั้งแต่วานนี้ เพื่อรอตรวจสอบหลักฐานที่ชัดเจนดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อกับเจ้าสำนักลัทธิเพี้ยนรายนี้โดยเร็วต่อไปในขณะนี้ด้วย
โดยล่าสุดด้าน พ.ต.อ.วัฒนชัย จันทาทุม ผกก.สภ.คอนสาร เปิดเผยความคืบหน้าทางคดีหลังวานนี้ทางชุดผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ได้มอบหมายรองผวจ.ชัยภูมิ พร้อมตนเอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจค้นตรวจสอบอายัดหลักฐานการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องต่อฤาษีเจ้าสำนักลัทธิดังกล่าวเพิ่มเติมพร้อมสั่งปิดสำนักดังกล่าวและให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ทั้งหมดให้เสร็จภายในไม่เกิน 10 วันจากนี้ไปเนื่องจากมีการดำเนินคดีเบื้องต้นใน 2 ข้อหาไปแล้ว ในข้อหาบุกรุกป่าพื้นที่สาธารณะ ที่ทางป่าไม้ตรวจสอบรวมมีพื้นที่สำนักดังกล่าวทั้งหมดรวม 26 ไร่และร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมหรือมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค ตาม พ.ร.ก.บริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ซึ่งใน 2 ข้อหาเบื้องต้นที่มีการส่งฟ้องศาลฝากขังแต่ศาลได้อนุมัติให้ฤาษีดังกล่าวได้รับการประกันตัวออกไปแล้วมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 พ.ค.65 ทีผ่านมา
ซึ่งล่าสุดเองทาง จนท.ตร.ก็ยังไม่สามารถติดต่อเจ้าตัวฤาษีผู้ต้องหารายนี้ได้หลังได้ประกันตัวไปแล้ว รวมทั้งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พร้อมที่จะแจ้งดำเนินคดีเพิ่มเติมอีกหลายข้อหาเพิ่ม ที่ทั้งข้อหาการรักษาโรค ผิด พ.ร.บ. เวชกรรม ที่ไม่เป็นไปตามหลักสาธารณสุข ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับแจ้งจาก จนท.สสจ.ที่เกี่ยวข้อง รอบรวบรวมหลักอยู่ ,ข้อหาการเคลื่อนย้ายศพจัดการศพ ที่พบรวม 11ศพ ที่ยังรอผลตรวจพิสูจน์จากทางเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์ที่เกี่ยวข้องยังไม่มีการแจ้งระบุแจ้งผลมาถึง ตร. รวมทั้งมีการเกี่ยวข้องว่ามีการใช้น้ำเหลืองจากศพที่นำมาใช้รักษาโรคที่ผิดกฏหมายด้านสาธารณะสุขและความปลอดภัย รวมทั้งอีกหลายข้อหาที่พบจาการเข้าตรวจค้นพื้นที่สำนักดังกล่าวรอบที่ 2 วานนี้ (10 พ.ค.65) ตามหมายศาล
ที่พบทั้งการมีการผลิตอาหาร ยารักษาโรค จำหน่ายที่ไม่ปลอดภัยหรือไม่ผ่านการรับรองจาก อย. ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คอนสาร รอผลตรวจหาเชื้อและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันมาอยู่ในขณะนี้แต่ทาง ทีม จนท.ตรวจสอบ ของ สสจ.ยังไม่แจ้งผลมาถึง รวมทั้งพบมีการแปรรูปตัดไม่หวงห้าม หรือไม้พยุงในพื้นที่สำนักดังกล่าวอีกจำนวนมากหลายสิบท่อน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ตรวจสอบรวบรวมหลักฐานยังไม่ส่งตัวแทนแจ้งร้องทุกข์ต่อตำรวจเพิ่ม จึงยังไม่สามารถแจ้งข้อหาเพิ่มในอีกหลายข้อหาเพิ่มเติมได้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่พร้อมรับดำเนินคดีเพิ่มเติมได้ทันที ก่อนที่จะเชิญตัวเจ้าสำนักลัทธิรักษาโรคประหลาดรายนี้มารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีกต่อเนื่องได้ ตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
ขณะที่ในส่วนของการเข้ามายึดพื้นที่รุกป่าสาธารณะของลัทธิดังกล่าว ก็มีกลุ่มผลประโยชน์แอบแฝงตามเข้ามารวมอยู่ในกลุ่มลูกศิษย์และสาวกตามมีอีกจำนวนมาก โดยเฉพาะมีการตั้งเป็นแหล่งผลิตสินค้าแบรนด์ชื่อของ พระบิดา ออกไปจำหน่ายในขณะนี้ ก็เริ่มมีการแชร์ว่อนออกไปทั่วโลกโซเชียลเป็นจำนวนมากในขณะนี้ด้วย
ที่มีการพบสินค้าปลาร้าบอง และสินค้าอื่น ๆ อีกหลายรายการสินค้าที่มีการประทับตราแซบ จากสำนักพระบิดา ฤาษีเจ้าสำนักลัทธิดังกล่าวซึ่งมีรายงานเพิ่มเติมว่า หลังมีการเข้าตรวจพื้นที่ของชุดนายชาญชัย รองผู้ว่าราชการ จ.ชัยภูมิ พร้อมนายแพทย์วิชิระ บถพิบูลย์ สสจ.ชัยภูมิ วานนี้ (10 พ.ค.65) หลังนำหมายศาลเข้าตรวจบริเวณจุดที่ใช้ตั้งเป็นศาลาภายในสำนักลัทธิดังกล่าว พบว่ามีการจัดเป็นโซนทำขนม อาหาร และปลาร้าบอง ใช้ตราสินค้าชื่อแซ่บหลาย จากสำนักเจ้าลัทธิ ”พระบิดา” เพื่อใช้เป็นแหล่งหารายได้ของสำนักเอาไว้ขายให้กับชาวบ้านที่เข้ามารักษาอาการป่วย ที่มีประชาชนจำนวนมากทั้งจากเขตอำเภอคอนสาร และอำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น รับไปจำหน่ายต่อตามร้านค้าในชุมชนต่างๆรอยต่อ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ และที่ จ.ขอนแก่น อีกด้วย ซึ่งทางชุดเจ้าหน้าที่ สสจ.ชัยภูมิ ได้นำเก็บและนำไปตรวจสอบว่ามีขบวนการผลิต และมี อย.รับรองการผลิตหรือจัดจำหน่ายด้วยอีกในพื้นที่อื่นด้วยหรือไม่
โดยนายแพทย์วชิระ บถพิบูลย์ สสจ.ชัยภูมิ ยังฝากแจ้งเตือนประชานที่พบสินค้าปลาร้าบองและขนมที่ติดตราพระบิดา เจ้าของลัทธิดังกล่าว หากมีการซื้อไปบริโภคและเกิดอาการเจ็บป่วยก็ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่พบเติมได้ เพื่อที่จะได้ติดตามเก็บตัวอย่างมาตรวจสอบว่ามีความเสี่ยงต่อสุขภาพผู้บริโภค หรือมีความเสี่ยงในการนำไปบริโภคว่ามีเชื้อรุนแรงต่อสุขภาพในครั้งนี้ด้วยอีกหรือไม่ เพื่อเป็นการคุ้มครองบริโภคในครั้งนี้เพิ่มเติมในกรณีที่ขึ้นขึ้นในครั้งนี้ด้วย
ขณะที่อีกด้าน ในการเข้าไปเร่งช่วยเหลือสัตว์ป่ากวางโคกระบือสุนัขนับเกือบ 200 ตัว ต้องถูกทิ้งคาสำนักฤาษีลัทธิเพี้ยนในครั้งนี้ด้วย
ความคืบหน้ากรณีลัทธิประหลาด หลังจากที่ทาง นายชาญชัย ศรศรีวิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ พร้อมด้วย พ.ต.อ.วัฒนชัย จันทาทุม ผกก.สภ.คอนสาร นพ.วชิระ บถพิบูลย์ นพ.สสจ.ชัยภูมิ นำหมายศาลเข้าตรวสอบสำนักฤาษีลัทธิประหลาด ในหมู่ที่ 2 ตำบลดงกลาง อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งมีนายทวี หนันลา อายุ 74 ปี อาศัยบ้านเลขที่ 79 หมู่ที่ 1 ตำบลโนนสะอาด อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น หรือ โจเซฟ ซึ่งอ้างตัวเป็นเจ้าสำนักปฏิบัติธรรม อ้างตัวเป็นพระบิดา อยู่เหนือกว่าทุกศาสนา เปิดสำนักรักษาผู้ป่วยสุดพิสดารด้วยการให้กิน อุจาระ ปัสสาวะ เสมหะ ขี้ไคล ตัวเอง ให้ชาวบ้านกินรักษาโรคได้ทุกชนิด รวมทั้งมีการเก็บศพปล่อยให้เนาทิ้งในโลงไว้ภายในสำนักอีกรวม 11 ศพ ที่มีการต่อท่อเอานำเหลืองจากศพเน่าออกมาจากในโลงเพื่อนำไปใช้รักษาผู้ป่วยและผลิตเป็นยารักษาอ้างคุณวิเศษให้ชาวบ้านหลงงมงายกลายเป็นลัทธิสุดเพี้ยนในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก อีกรอบซึ่งเป็นรอบที่ 2 เมื่อวานที่ผ่านมา (10พ.ค.65)
จนล่าสุดบรรยากาศที่สำนักลัทธิสุดเพี้ยนครั้งนี้ในช่วงเช้าวันนี้ 11พ.ค.65 ที่ผ่านมา หลังทางจังหวัดชัยภูมิ นำหมายศาลตรวจสอบค้นอายัดหลักฐานต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเพิ่มเติม และให้มีการสั่งปิดและให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดภายในสำนักฯ ให้เสร็จภายใน 10 วัน และให้กลุ่มลูกศิษย์สาวกที่อยู่ภายในทั้งหมดที่มีการปลูกบ้านพักเป็นกระท่อมพักอาศัยรวมจำนวนมาก อยู่ภายในสำนักที่มีการบุกรุกพื้นที่ป่าสาธารณะทั้งหมดรวมเนื้อที่กว้างกว่า 26 ไร่ ให้ออกจากพื้นที่เพื่อขอคืนพื้นที่สาธารณะทั้งหมดคืนแล้วในวันนี้
ทางเจ้าหน้าที่ได้นำป้ายขนาดใหญ่ซึ่งเป็นป้าย กำหนดพื้นหวงห้ามที่เข้า-ออก ภายในเขตพื้นที่สำนักลัทธิดังกล่าวทั้งหมด โดยเขียนข้อความระบุ ด้วยเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2565 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอคอนสาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คอนสาร เจ้าหน้าที่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลคอนสาร เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ได้เดินทางเข้าตรวจสอบ สำนักฤาษีพระบิดา ตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่สาธารณะประโยชน์ ในหมู่บ้านกุดแคน หมู่ที่ 2 ตำบลดงกลาง อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งพบว่ามีการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยมีลักษณะเป็นกระท่อม เพิงหลังคามุงหญ้า จำนวน 22 หลัง และ มีคนพักอาศัยเป็นประจำอยู่ประมาณกว่า 30-50 คน ในจำนวนเนื้อที่ 26-45 ไร่
โดยมีฤาษี อ้างตัวเป็นพระบิดา ผู้เป็นใหญ่กว่าทุกศาสนาดังกล่าว หรือนายทวี หนันลา อายุ 74 ปี เป็นเจ้าสำนักปกครองดูแลอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวมานานนับกว่า 10 ปี และจากการตรวจสอบภายในอาคารพบว่ามีการนำศพมาเก็บไว้ในโลงกระจายอยู่ตามกระท่อมแต่ละแห่งรวม 11 ศพ จึงอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และ พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 มาตรา 34 เรื่อง การกระทำการหรือดำเนินการใด ๆ ซึ่งอาจให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะที่อาจเกิดเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดแพร่ออกไปประกอบกับคำสั่งจังหวัดชัยภูมิที่ 714/2565 เรื่องมาตรการในการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 สำหรับพื้นที่เฝ้าระวังสูงสุดของจังหวัดชัยภูมิ
ซึ่งวันนี้ทาง จนท.องค์การบริหารส่วนตำบลดงกลาง จึงขอประกาศให้พื้นที่ที่เกิดข้อพิพาทดังกล่าวเป็นพื้นที่หวงห้ามเข้า-ออก หากผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกดำเนินการตามกฏหมาย
ส่วนภายในลัทธิประหลาดวันนี้หลังจากมีการปิดทางเข้า-ออกแล้ว ทางผู้ที่นับถือรวมทั้งลูกศิษย์สาวกลัทธิดังกล่าวได้ขนย้ายสิ่งของออกไปหมดแล้ว เหลือเพียงเศษขยะ สิ่งของสกปรกกระจัดกระจายบริเวณภายด้านในไม่ว่าจะเป็นกระท่อมหลังใหญ่ และ กระท่อมหลังเล็กที่อยู่โดยรอบ ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณลัทธิประหลาดแห่งนี้ ทั้งทางเจ้าหน้าที่ได้เก็บอาหารที่คาดว่าเป็นสิ่งของที่นำไปขายให้ชาวชุมชนใกล้เคียงออกไปทั้งหมด เพื่อไปตรวจสอบและทำลายเสี่ยงต่อการนำไปบริโภคทำให้เกิดการติดเชื้ออันตรายในร่างกายได้
โดย นายสัญญา แสนเภา นักทรัพยากรบุคคล องค์การบริหารส่วนตำบลดงกลาง ได้เข้ามาประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงภายในลัทธิแห่งนี้ พร้อมจะให้เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือขนย้ายสิ่งของที่จำเป็นที่ยังคงหลงเหลืออยู่ภายในสำนักแห่งนี้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะเข้ามาช่วยขนสิ่งของในเบื้องต้น ส่วนทางรถที่จะใช้ขนย้าย ขอใหัทางผู้ที่จะขนย้ายนำมาเอง เพื่อส่งกลับภูมิลำเนา ซึ่ง นายสัญญาฯ ยังเปิดเผยอีกว่า ซึ่งหลังจากที่ตนออกมาประกาศเพื่อเป็นไปตามกฎหมาย เพราะจะได้เป็นไปตามคำสั่งตามที่ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบแล้วว่ามีชาวลัทธิดังกล่าวนี้ออกจากพื้นที่ไปตั้งแต่เมื่อคืนเมื่อวานนี้ ( 10 พ.ค.65)ทั้งหมดแล้ว แต่ยังมีสิ่งของที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ทาง อบต.ดงกลาง ก็พร้อมที่จะเข้ามาช่วยเหลือหรือขนย้ายออกไปให้หากชาวบ้านคนไหนที่เข้ามาอยู่ที่นี่ต้องการกลับมาเก็บกลับคืนไปในครั้งนี้ด้วยก่อนที่จะมีการเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดให้เสร็จภายใน 10 วันจากนี้ไป
ส่วนด้านนางศรีสมัย โชติวณิช ปศุสัตว์จังหวัดชัยภูมิ กล่าวอีกว่า ในส่วนที่เกี่ยวข้องที่สำนักลัทธิประหลาดดังกล่าว ที่พบว่ายังมีสัตว์ป่า และสัตว์เลี้ยงถูกปล่อยทิ้งไว้ในพื้นที่ภายในสำนักดังกล่าวอีกจำนวนมากนับร้อยตัว
ซึ่งได้ส่งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ เข้าร่วมตรวจสอบในพื้นที่พบว่าในพื้นที่ภายในสำนักประหลาด มีสาวกหรือลูกศิษย์นำสัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นอาหาร และเลี้ยงขายหลายประเภท ประกอบด้วยโค(วัว) 11 ตัว กระบือ(ควาย) 5 ตัว กวางพันธุ์รูซ่า 15 ตัว ไก่ไข่ประมาณ 35 ตัว ไก่พื้นเมืองและไก่งวงอีกจำนวนหนึ่งที่กระจายอยู่ตามตัวไม้ในพื้นที่ เป็ดเทศ ประมาณ 17 ตัว สุนัขประมาณ 80 ตัว แมว 20-28 ตัว อีกัวน่า 1 ตัว หนูตะเภา จำนวน 24 ตัว
และในเบื้องต้นได้ให้อาหารคือฟางแห้งอัด 6 ก้อนนำไปให้วัว ควายได้กินเป็นอาหารก่อน ซึ่งได้แจ้งผู้เป็นเจ้าของสัตว์ โค-กระบือ หากจะขอนำออกไปเลี้ยงให้มาติดต่อ จนท.ในพื้นที่ และนำหาหลักฐานการเป็นเจ้าของผู้ครอบครองมายื่นต่อฝ่ายปกครองดำเนินการสอบข้อเท็จจริงก่อน รวมทั้งกวางพันธ์รูซ่า จะประสาทสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติ จ.ชัยภูมิ เข้ามารับนำช่วยไปดูแล ส่วนสุนัข แมว ต้องนำมาทำหมัน ฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าให้ครบทุกตัวก่อน พร้อมหาผู้อุปการะที่ต้องการนำไปเลี้ยงต่อไป ซึ่งจากนี้ไปคงเหลือเพียงด้านคดีที่จะจบลงอย่างไรต่อไป และเป็นอีกบทเรียนครั้งใหญ่ของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทุกภาค และประชาชนทุกคน ได้ใช้เหตุและผลพิจารณาต่อกรณีที่เกิดขึ้นได้เป็นบทเรียน ต่อการศรัทธาต่อลัทธิงมงาย แปลกประหลาด ได้ช่วยกันสร้างสังคมเข้มแข็งต่อไปให้กันมากขึ้น?
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: