ชัยภูมิ – จากเหตุความไม่สงบ! พร้อมให้ความช่วยเหลือครอบครัวแรงงานไทยที่เสียชีวิตทุกรายอย่างเต็มที่ ต่อรายเป็นรายเดือนสูงกว่าเดือนละไม่น้อยกว่า 1-2 แสนบาท!
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น. 25 ธันวาคม 2566 สถานทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยได้ประสานกับทางสำนักงานท่านรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานในเบื้องต้น โดยแจ้งข้อมูลการเดินทางของคณะเจ้าหน้าที่จากสถานทูตฯ แต่วันที่ 25 และวันที่ 26 ธันวาคม 2566 เพื่อเข้าเยี่ยมครอบครัวแรงงานไทยที่เสียชีวิตในประเทศอิสราเอลจากเหตุสงครามความไม่สงบมาตั้งแต่ช่วงประมาณวันที่ 20 ต.ค.66 ที่ผ่านมา โดยในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ เจ้าหน้าที่จากสถานทูตฯ
ประกอบด้วย 1.นางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราอลประจำประเทศไทย H.E. Ms. Orna SAGIV, Ambassador oFlsrael 2. นาย เอลี สเนห์ อัครราชทูต (กงสุล) Mr. Eli SNEH, Minister, Consul 3. นางสาว คชากรณ์ สัญชาติ ผู้ช่วยท่านกงสุล 4. นาย ดอร์ เดวิด กรอส Mr. Dor David GROSS: Bodyguard เดินทางไปยัง บ้านเลขที่ 41 ม.3 บ้านโนนเชือก ตำบลส้มป่อย อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ เข้าเยี่ยมครอบครัวของนายายอานันต์ เพชรแก้ว อายุ 39 ปี ผู้เสียชีวิต ในประเทศอิสราเอลจากสงคราม
โดยมีทางด้านนางอ้อยใจ ชัยศรี ภรรยาของนายอานันต์ พร้อมด้วยญาติพี่น้องชาวบ้าน ในแถบใกล้เคียงรวมถึง หน่วยงานราชการในพื้น ร่วมต้อนรับการมาของ เจ้าหน้าที่จากสถานทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย บรรยากาศการพบปะกันในครั้งนี้ ต้องถือว่าเป็นข่าวดีที่เข้ามาช่วยเหลือครอบครัว ความห่วงใยจากทางประเทศอิสราเอล ได้เดินทางมาถึงผู้สูญเสีย ซึ่งจากวันนั้นจนวันนี้สภาพการเป็นอยู่ก็ยังคงสภาพไว้อย่างเช่นเดิม พื้นที่ดินยังคงเป็นที่ดินที่ว่างเปล่ายังคงไม่มีการปลูกสร้างบ้านแต่อย่างใด ส่วนใน จุดที่เป็นที่พัก วันนี้เหลือเพียงภาพถ่าย และ พวงหรีด พระราชทาน ที่ทางครอบครัวได้นำไปใส่กรอบ แล้วตั้งไว้ใกล้เคียงกับรูปของนายอานันท์
ซึ่งด้าน นางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราอลประจำประเทศไทย พร้อมคณะ หลังจากพูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบกันแล้วได้สอบถาม นางอ้อยใจ ถึงการไปทำงานของนายอานันต์ ว่ามีเป้าหมาย หรือ ด้วยเหตุผลใดจึงตัดสินใจไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล นางอ้อยใจตอบคำถามนี้ด้วยน้ำตา ด้วยเรื่องราวที่ว่าตั้งใจไว้ว่าการไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลของสามี จะเป็นการสร้างครอบครัว โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะได้มีเงินส่งกลับมาเพื่อสร้างบ้านหลังใหม่ที่ชัยภูมิ ให้แล้วเสร็จก็จะเดินทางกลับมาประเทศไทย เพื่อกลับมา ใช้ชีวิตตามมาหากิน เป็นเกษตรกรอยู่กับบ้าน ส่งเสียลูกสาวให้ได้เรียนจนจบ
แต่เมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามนั้นวันนี้ทาง เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยพร้อมคณะจึงมาแจ้ง หลักเกณฑ์ในการได้รับสิทธิประโยชน์ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อเป็นการปลอบขวัญเยียวยาและ รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กับครอบครัวของชาวไทย โดยครอบครัวผู้สูญเสียจะได้รับการเยียวยา ให้กับบิดามารดา รวมถึงภรรยา โดยจะมีไง การเยียวยาโอนเงินเข้าบัญชีให้ทุกเดือน เฉลี่ยเดือนละ 70,000 – 80,000 บาท และค่าดูแลบุตร ไปจนถึงอายุ 21 ปี เฉลี่ยเดือนละ 10,000 – 20,000 บาท ซึ่งจากการเข้ามา เยียวยาช่วยเหลือจากทางราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ในครั้งนี้ ก็หวังว่าจะทำให้ครอบครัวของผู้สูญเสียได้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างดีอีกครั้ง พร้อมทั้งสร้างฝันของครอบครัวที่จะสร้างบ้านให้เสร็จ รวมถึง ส่งให้บุตรได้เรียน จนจบและทำตามความฝันต่อไปให้ได้อีกด้วย
