ชัยภูมิ – วอนขอความเป็นธรรมทางคดีสามีถูกใช้ชามข้าวใส่อาหารสุนัขทำร้ายร่างกายได้บาดเจ็บสาหัสแต่คดียังล่าช้า จนท.ต้องระดมกำลังเข้าช่วยกันเจราจาหลังพบมีประวัติป่วยซึมเศร้า และมีการถือมีดคัตเตอร์หนีเข้าไปล็อกประตูหลบอยู่ในรถกระบะคนเดียวจอดขวางถนนทำการจราจรย่านกลางเมืองติดขัดอยู่นานกว่า 2 ชม. ไม่ยอมออกมาพบใคร เรียกร้องขอพบผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิให้มาช่วยรับเรื่องเพียงคนเดียว!
เมื่อเวลา 16.10 น.วันที่ 29 ม.ค.67 เกิดเหตุอลหม่านทำการจราจรรถติดไปทั่วย่านกลางเมืองชัยภูมิ บริเวณถนนรอบลานหน้าวงเวียนอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพญา เจ้าเมืองคนแรกผู้ก่อตั้งเมืองชัยภูมิ เยื้องหน้าศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ ซึ่งมีรถยนต์กระบะตอนเดียว ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีบรอนซ์ จอดขวางถนนขวางการจราจรยาวไปเลน ทำให้ในช่วงที่เป็นช่วงการจราจรหนาแน่นของเด็กนักเรียนกำลังเลิกเรียนหลายแห่ง ทำให้รถที่ผ่านไปมาไม่สามารถขับรถวนรอบอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพญาแลได้ ทำให้การจราจรติดขัด
ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปพบว่าภายในรถมี นางเอ อายุ 43 ปี ชาวบ้าน อ.ภักดีชุมพล จ.ชัยภูมิ ขับรถดังกล่าวมาจอดขวางถนนแล้วดับเครื่องยนต์จอดสนิทปิดกระจกและล็อกประตูรถหลบตัวในรถพร้อมทั้งในมือหญิงรายนี้ยังมีการถืออาวุธมีดคัตเตอร์อยู่ภายในรถพร้อมที่จะทำร้ายตัวเอง และมีกระดาษเขียนข้อความประมาณว่า มีนางบี นามสมมุติ ใช้ชามใส่อาหาร สุนัข ตีหัวสามีตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัส
ข่าวน่าสนใจ:
หลังได้แจ้งความไว้ที่ สภ.ภักดีชุมพล แล้วผ่านมานานเกือบ 2 เดือน ทำสามีได้รับบาดเจ็บหนักไม่สามารถประกอบอาชีพหาเงินเลี้ยงตัวเองและลูกได้ แต่คดียังล่าช้าไม่มีความชัดเจนได้ ซึ่งวันนี้จึงตัดสินใจขับรถกระบะออกมาจากบ้านหลังไปสอบถามเรื่องคดีที่ สภ.ภักดีชุมพล แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า จึงขับรถมาจอดขวางถนนบริเวณรอบวงเวียนหน้าอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพญาดังกล่าว เพื่อขอพบกับ นายอนันต์ นาคนิยม ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ( ผวจ.ชัยภูมิ) คนปัจจุบันเพียงคนเดียวเท่านั้น
ซึ่งทาง ผวจ.ชัยภูมิ ติดราชการอยู่ต่างอำเภอ จึงเร่งมอบหมายให้ทาง นายสมบัติ ไตรศักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ พร้อม พล.ต.ต.สุชาติ คล้ายจันทร์พงษ์ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ และ นายธีวรา วิตนากร นายกเทศมนตรีเมืองชัยภูมิ ที่อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ เข้าเจรจาพูดคุยกับหญิง วัย 43 ปีรายนี้ อยู่นานกว่า 2 ชั่วโมง( ชม.)แต่ไม่เป็นผล ไม่ยอมคุยกับใครยืนยันจะรอขอพบท่านผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เพียงคนเดียวเท่านั้น ถ้าเจ้าหน้าที่จะเข้าชาร์จจะใช้มีดคัตเตอร์ปาดคอตัวเอง ทางเจ้าหน้าที่จึงไม่กล้าดำเนินการอย่างอื่นใดได้ จึงเร่งประสานรอให้ทาง นายอนันต์ฯผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ที่เดินทางไปตรวจราชการ กลับจากอำเภอเทพสถิตและอำเภอภักดีชุมพล เพื่อมาเจรจากับหญิงรายดังกล่าวด้วยตนเองเพียงคนเดียวเท่านั้น
ก่อนที่ทาง ผวจ.ชัยภูมิ จะเดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุเมื่อช่วงเวลา 18.25 น.ใกล้ค่ำวันเดียวกัน และหญิง วัย 43 ปี รายนี้หลังเห็นผู้ว่าฯเดินทางมาถึงก็รีบเปิดประตูรถกระบะที่จอดขวางถนนเดินลงมาเพื่อก้มกราบผู้ว่าฯทันที ก่อนที่ทางผู้ว่าฯจะเชิญตัวมานั่งพูดคุยถึงเรื่องราวที่ต้องการมาพบผู้ว่าฯครั้งนี้ ที่หน้าลานอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพญาแล ใช้เวลาอีกกว่าครึ่งชั่วโมง หญิงรายนี้จึงสงบสติลงหลังผู้ว่าและทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ ได้ประสานไปที่ สภ.ภักดีชุมพล ที่จะมีการเร่งติดตามคดีนี้ให้ได้โดยเร็วแล้ว
ก่อนที่หญิงรายนี้ ที่ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัด พบว่าเคยมีประวัติเป็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้า และได้รับการรักษามาตั้งแต่ปี 2565 จนปัจจุบันมีอาการหายดีขึ้นแล้ว ทาง ผู้ว่าฯ และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องจึงพูดคุยให้สงบสติอารมณ์ลงได้ ก่อนให้หญิงรายนี้เดินไปกราบสักการะขมาต่อหน้าอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพญา ว่าทุกฝ่ายรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว พร้อมจะช่วยเหลือทางคดีที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ได้โดยเร็วแล้ว พร้อมกราบขอบคุณต่อทาง ผวจ.ชัยภูมิ ที่ยังได้ช่วยพาตัวไปตรวจร่างกายและให้รับประทานอาหารให้มีร่างกายที่ดีขึ้นก่อน หลังเข้าไปหลบอยู่ในรถครั้งนี้อยู่นานกว่า 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา เพื่อที่จะได้ช่วยพาตัวเดินทางกลับบ้านเพื่อไปดูแลสามีและบุตรต่อไป จบลงด้วยดีโดยไม่มีเหตุรุนแรงใดๆในครั้งนี้ลงได้ใช้เวลาร่วมนานเกือบ 3 ชั่วโมง ที่ผ่านมา
ซึ่งด้าน นายอนันต์ นาคนิยม ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า กรณีที่เกิดขึ้นด้านคดีขณะนี้ทางหน่วยงานเกี่ยวข้องผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ พร้อมรับไปดำเนินการแล้ว ทางหญิงที่อาจจะเกิดความเครียดก็สบายใจลงแล้ว และไม่อยากให้เป็นกรณีเลียนแบบที่หากจะมีการออกมาเรียกร้องขอความใดๆ ก็ไม่อยากให้มาสร้างผลกระทบต่อบุคคลอื่นด้วย หากต่อไปใครมีปัญหาอะไรอยากจะพบผู้ว่าก็สามารถเดินทางไปพบได้ที่ศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ ได้โดยตรง หากไม่อยู่ก็มีผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนทั้ง รอง.ผวจ.อีก 3 ท่านได้ พร้อมรับเรื่องได้ ขอให้ประชาชนเข้าใจ ซึ่งทางจังหวัดทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องพร้อมดำเนินการแก้ปัญหาให้ประชาชนหากเกิดความทุกข์ใจเดือดร้อนได้อยู่แล้ว ไม่อยากให้ออกมาทำลักษณะแบบนี้อีกด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: