ชัยภูมิ – ไปจนถึงช่วง ก.ย.-กลางเดือน ต.ค.67 นี้ ขอประชาชนทุกพื้นที่ช่วยกันติดตามเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงเกิดสถานการณ์น้ำท่วมมีฝนตกเกิดน้ำหลากได้บางส่วนบ้างแล้วในช่วงนี้-ยังมีจุดที่มีฝนตกในพื้นที่ไม่ตามเป้ายังเสี่ยงเกิดปัญหาภัยแล้งยาวนานข้ามปีเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ได้อีกด้วย!
เมื่อช่วงเวลา 09.30 – 12.00 น.วันที่ 16 ก.ย.67 ขณะที่ จ.ชัยภูมิ นายอนันต์ นาคนิยม ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เรียกประชุมเร่งหาแนวทางร่วมกับคณะทำงานติดตามสถานการณ์น้ำ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย(น้ำท่วม) และยังเป็นพื้นที่เสี่ยงเกิดปัญหาภัยแล้งยาวนานข้ามปีในปีนี้ยาวไปจนถึงปีหน้า 2568 ด้วย
โดยสถานการณ์น้ำล่าสุดในวันนี้ของ จ.ชัยภูมิ ที่พบว่าในช่วงจากการติดตามสถานการณ์ในช่วงเดียวกันของเดือน ก.ย.-กลางเดือน ต.ค.ทุกปีที่ผ่านมา ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ จะเกิดปัญหาน้ำท่วมหนักในทุกปี จึงต้องมีการติดตามหาแนวทางการป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในช่วงเดียวกันนี้ให้มากขึ้นกว่าทุกปีที่ผ่านมาด้วย
ซึ่งขณะนี้ล่าสุด จ.ชัยภูมิ ในหน้าน้ำหลากหรือช่วงเกิดน้ำท่วมในปีนี้ กลับมีปริมาณน้ำฝนตกสะสมน้อยกว่าทุกปีที่ผ่านมาเป็นจำนวนมากกว่า 35 % และมีแหล่งน้ำทั้งเขื่อนขนาดใหญ่ ขนาดกลาง รวมกว่า 14 แห่ง ในทั่วทั้งจังหวัด ที่ปัจจุบันกลับเหลือน้ำเก็บกักที่มีทั้งหมดน้อยกว่าเหลือเพียง 50 % เท่านั้น ที่จะเกิดปัญหาที่จะเกิดภัยยาวนานข้ามปีไปจนถึงในปีหน้า 2568 มาตามอีกจำนวนมากในจังหวัดได้อีกด้วย
เมื่อเทียบปริมาณน้ำฝนตกสะสมย้อนหลังไป 5 ปี ที่ผ่านมา จ.ชัยภูมิ ในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค.จะเกิดปัญหาฝนตกหนักน้ำท่วมมาทุกปี จะมีปริมาณน้ำฝนสะสมสูงมากกว่า 1,500 มิลลิเมตร แต่ในปี 2567 นี้ ในช่วงเดียวกันกลับมีปริมาณน้ำฝนตกสะสมน้อยมากเพียงประมาณ 800 มิลลิเมตร ที่ยังขาดอีกมาก
ซึ่งแนวทางรับมือการป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในปีนี้ ก็ยังต้องติดตามดูสถานการณ์การฝนตกเข้ามาในพื้นที่เพิ่มเติมจากนี้ไป ที่ทางกรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ว่าแนวโน้มจะมีฝนตกหนักใน จ.ชัยภูมิ จากนี้ไปใน 2-3 ช่วง ในระหว่างวันที่ 16 – 17 ก.ย.67 ที่ก็ต้องมีการติดตามสถานการณ์น้ำมีฝนตกหน้าเขื่อนลำปะทาวตอนล่าง ที่มีน้ำป่าหลากผ่านบริเวณน้ำตกผาเอียงในขณะนี้ก็ต้องมีการประกาศให้งดเล่นน้ำตกในจุดดังกล่าวไว้ก่อนแล้ว ที่คาดว่าไม่มีผลน้ำหลากลงมามากอีกไม่กี่วันก็จะคลีคลายเปิดให้เล่นน้ำตกจุดนี้ตามเดิมได้ รวมทั้งในเส้นทางลำน้ำพรม-เชิญ ที่ไหลผ่านในขณะนี้มีปริมาณน้ำฝนมากที่สุดไหลผ่านโซน อ.คอนสาร ,เกษตรสมบูรณ์ ,อ.ภูเขียว และ อ.บ้านแท่น ที่จะมีน้ำหลากเข้าพื้นที่การเกษตรแล้วบางส่วนที่ทางแต่ละอำเภอเร่งลงไปสำรวจพื้นที่อาจจะได้รับความเสียหายบางส่วนแล้ว ก่อนที่ไหวผ่านไปที่ จ.ขอนแก่น ต่อไป
และอีกช่วงที่สองระหว่างวันที่ 22-26 ก.ย.67 ที่คาดว่าจะมีปริมาณน้ำฝนสะสมเพิ่มขึ้นในพื้นที่อีกได้ประมาณ 210-260 มิลลิเมตร ซึ่งก็ยังจะไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมหนักในปี 2567 นี้ หากในช่วงที่สามที่คาดว่าในช่วงต้นเดือน ต.ค.67 ยังจะมีฝนตกหนักจากพายุอีกลูกทำให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ก็จะเป็นจุดเสี่ยงที่ทำให้จังหวัดเกิดน้ำท่วมในปีนี้อีกได้ แต่แนวโน้มก็คาดว่าแรงพายุลูกดังกล่าวอาจจะไม่ส่งฝนให้ฝนตกหนักเพิ่มในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ได้ก่อนที่จะเข้าสู่ภาวะฝนทิ้งช่วงยาวไปจนถึงปีหน้า 2568
ซึ่งด้าน นายอนันต์ นาคนิยม ผู้ว่าราชการ จ.ชัยภูมิ กล่าวว่า ดังนั้น ทาง จ.ชัยภูมิ ต้องมีแนวทางการเตรียมรับมือในการป้องกันแก้ไขปัญหาทั้งน้ำท่วม และภัยแล้ง ที่ปีนี้จะเสี่ยงแล้งยาวนานข้ามปีไปจนถึงปีหน้าได้อีกด้วย จึงต้องมีการเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำในการเตรียมการรับมือแก้ไขปัญหาทั้งการรับมือน้ำท่วมอย่างใกล้ชิดในทุกด้านหากเกิดน้ำท่วมทั้งการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เสี่ยงที่มีการเตรียมการหากเกิดสถานการณ์เกิดน้ำท่วมฉุกเฉินให้มีศูนย์อพยพผู้ประสบภัยไว้แล้วในทั้ง 16 อำเภอ 86 ตำบล รวม 317 แห่ง ที่สามารถรองรับประชาชนที่เดือดร้อนได้รวม 238,300 คน ที่จะมีการติดตามสถานการณ์ฝนตกในช่วงนี้ยาวต่อไปอีกจนถึงกลางเดือน ต.ค.67 นี้ ที่หากมีฝนตกลงมาน้อยในจุดพื้นที่เก็บกักน้ำในแหล่งน้ำที่มีทั้งหมด 14 แห่ง ก็จะต้องมีการบูรณาการงดการปล่อยน้ำในช่วงที่พอมีฝนตกลงมาในช่วงนี้ไว้ก่อนด้วย เพื่อที่จะได้มีแหล่งน้ำเก็บกักไว้ใช้ยามหน้าแล้งที่เสี่ยงเกิดภัยแล้งยาวนานข้ามปีไปจนถึงปีหน้า 2568 นี้ควบคู่ไปพร้อมกันด้วย
ซึ่งหากปริมาณฝนที่คาดการไว้ว่าจะมีตกลงมาในพื้นที่เพิ่มจากช่วงเดือน ก.ย.-กลางเดือน ต.ค.67 นี้ มีไม่มาก ที่จะทำให้จังหวัดชัยภูมิ เกิดปัญหาภัยแล้งหนักยาวไปถึงปีหน้าที่จะเกิดความเดือดร้อนต่อประชาชนในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ที่มีทั้ง 16 อำเภอ ซึ่งหากเกิดภัยแล้งในช่วงดังกล่าว การเตรียมการป้องกันการแก้ไขปัญหาที่จะมีประชาชนในพื้นที่ได้รับรับผลกระทบด้านภัยแล้งตามมาอีกจำนวนมากในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ยาวนานหนักในปีหน้า 2568 ได้อีกอย่างน้อยในกว่า 8 อำเภอ ด้วย
ซึ่งต้องมีการลดการระบายน้ำออกเขื่อนที่ยังมีชาวบ้านบางส่วนต้องการนำไปใช้ด้านการเกษตรที่เสี่ยงใช้น้ำมากไม่คุ้มเพียงพอต่อการเพาะปลูกที่เสี่ยงเสียเปล่าได้เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาภัยแล้งยาวข้ามปีให้เขื่อนอ่างเก็บน้ำต่างๆที่มีทั้งหมดได้มีน้ำเหลือน้ำเก็บกักที่ขณะนี้เหลือรวมทั้งหมดไม่ถึง 50 % เท่านั้น ที่จะต้องเก็บกักไว้ใช้ยามหน้าแล้งปีนี้ให้ได้มากที่สุดจากนี้ไปด้วย
